อู๋เจาหรงตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเพราะคำพูดนี้ นางเงยศีรษะมองเหยียนอู๋อวี้และเห็นเจตนาฆ่าแสนเยือกเย็นในดวงตาของนาง ความหนาวเย็นที่ส่งมาจากแววตาทำให้อู๋เจาหรงตัวสั่นอย่างรุนแรง ในที่สุดนางก็เปิดปากเอ่ย “เสียนอ๋อง”
เหยียนอู๋อวี้ได้ยินสองคำนี้แม้ไม่เข้าใจ ทว่านั่นก็เพียงพอแล้ว “เสียนอ๋อง?”
“ครั้งก่อนที่ข้ากลับบ้านไปเยี่ยมญาติ ข้าพบว่าบิดาข้ากับเสียนอ๋องเคยพบกันเป็การส่วนตัว” อู๋เจาหรงรู้ว่าหากเปิดเผยความลับนี้ออกมาถือเป็การต้องโทษปะา ทว่าต่อให้ไม่พูดออกมา ตระกูลของพวกเขาก็อาจไม่มีชีวิตรอด ในเมื่อเป็เช่นนี้ มิสู้ฝากความหวังไว้สักครั้งดีกว่า!
เหยียนอู๋อวี้พยักหน้า “พี่หญิงยังมีอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
“ยังมีอีก...…ข้ายังรู้ว่าพวกเขาติดต่อกันอย่างไร” อู๋เจาหรงจึงเล่าสิ่งที่ตนเองรู้ให้เหยียนอู๋อวี้ฟังรอบหนึ่ง
วันนี้นางได้ข้อมูลสำคัญมากมายทีเดียว
“พี่หญิงวางใจ ข้าจะส่งข่าวนี้ออกไปและจะพยายามปกป้องท่านอย่างสุดความสามารถ!”
อู๋เจาหรงมองนางเป็ความหวังหนึ่งเดียวในชีวิตนี้ “ได้หรือ…”
เหยียนอู๋อวี้ตบบ่านางพลางลุกขึ้นเดินไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงเ็ปใจของอู๋เจาหรงดังขึ้นมาจากด้านหลัง “ปีนี้ข้ายังอายุไม่ถึงยี่สิบ เป็่เวลารุ่งโรจน์ ข้าเคยมีความฝันในใจว่าอยากเคียงคู่กับผู้เป็รักแท้ แต่...…โชคชะตาไม่เข้าข้างข้า...…ข้าไม่ยินยอม ข้าไม่ยินยอมตายไปเช่นนี้”
หลังเหยียนอู๋อวี้ออกจากตำหนักบรรทมของอู๋เจาหรง เส้นทางลับที่คดเคี้ยว เสียงของนางสะท้อนและกระจายอยู่เหนือท้องฟ้าเรือนหลิวชุ่ยอยู่เป็เวลานาน ทว่านอกจากองครักษ์เฝ้าประตูแล้วก็ไม่มีผู้ใดได้ยิน ต่อให้คนได้ยินก็ไม่มีความคิดเห็นใดๆ
นางยังไม่พ้นยี่สิบ กระนั้นที่นี่กลับมีผู้คนที่ยังไม่พ้นสิบห้า ไม่พ้นสิบปีก็หายตัวไป เมื่อเดินเข้ามาในประตูตำหนักแล้วโชคชะตาย่อมอยู่ในกำมือของเบื้องบนแล้ว ในวังหลวงมีสตรีมากมายประดุจดอกไม้เหี่ยวเฉาในสวนวังหลวงที่ร่วงหล่นบนพื้น บ้างก็ถูกถืออย่างระวัง บ้างก็ถูกเหยียบย่ำใต้ฝ่าเท้าจนกลายเป็โคลนตม มันก็แค่โชคชะตากระมัง?
เหยียนอู๋อวี้คิดว่าเหตุใดอวิ๋นอู๋เหยียนจึงยอมตายไปเช่นนั้น ตายอยู่ในมือของคนที่นางคิดปกป้องอยู่ตลอดเวลา และยังทำให้ทั้งครอบครัวต้องเกี่ยวพันไปด้วย นางเองก็ไม่ยินยอมเช่นกัน!
……
หลังออกมาจากเส้นทางลับแล้วซวงสี่จึงเดินมาสวมอาภรณ์ให้เหยียนอู๋อวี้ทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “นายหญิง ของถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเพคะ”
เหยียนอู๋อวี้พยักหน้าพลางดูตะกร้าในมือซวงสี่ จากนั้นนางจึงตรงไปยังตำหนักบรรทมของซ่งอี้เฉิน ไม่คาดคิดว่าเว่ยหรูไห่จะขวางทางอยู่ที่ประตูทางเข้า
เว่ยหรูไห่มีท่าทีนอบน้อม ทว่ากลับมีทัศนคติที่ชัดเจนยิ่ง “ไทเฮาทรงมีรับสั่งไว้ว่ารอให้ฝ่าาหายประชวรก่อนจึงจะเข้าเฝ้าได้พ่ะย่ะค่ะ พระสนมโปรดอภัยด้วย”
เหยียนอู๋อวี้พยักหน้าอย่างสุภาพพลางกล่าวว่า “รบกวนเว่ยกงกงแล้ว เราเก็บของพวกนี้มาจากสวนในวังหลวง ครึ่งเดือนก่อนคิดอยากเด็ดถวายฝ่าา น่าเสียดายที่พี่หญิงซูเฟยเอาไปให้อู๋เจาหรงเสียก่อน กว่าจะรอให้ดอกไม้บานได้อีกครั้งมิใช่เื่ง่ายเลย เมื่อดอกบานจึงเก็บมาทันที ตอนนี้ใกล้เข้าฤดูร้อน ดอกไม้บานต้องรีบเก็บ หากพลาด่ออกดอกก็ไม่รู้ว่ามันจะบานอีกเมื่อใด และเป็เช่นนี้เพราะไม่เหมือนดอกไม้ของพี่หญิงซูเฟยที่เต็มไปด้วยหนอน ดอกนี้สะอาดสะอ้าน ไม่ระคายตาฝ่าา รบกวนกงกงช่วยเอาไปให้ฝ่าาด้วย”
เว่ยหรูไห่รีบรับตะกร้ามาและรู้สึกได้ว่าแขนหนักอึ้ง เขาััสิ่งของสีเหลืองมีน้ำหนัก รอยยิ้มบนใบหน้าดูมีความจริงใจมากยิ่งขึ้น ก่อนจะเอ่ยว่า “การช่วยเหลือนายท่านทั้งหลายเป็หน้าที่ที่บ่าวพึงกระทำ ฉายเหรินกล่าวเกินไปแล้ว ฝ่าารับรู้น้ำใจของฉายเหรินแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
เหยียนอู๋อวี้แย้มยิ้มก่อนหมุนกายเดินจากไป
เว่ยหรูไห่มอบตะกร้าเบื้องหน้าซ่งอี้เฉินและถ่ายทอดคำพูดของเหยียนอู๋อวี้รอบหนึ่ง จากนั้นจึงถอยออกไปด้วยท่าทีนอบน้อม
ซ่งอี้เฉินมองตะกร้าดอกไม้สดพร้อมหยิบดอกโบตั๋นมาหนึ่งดอก เขามองกลีบดอกไม้พลางขบคิดถึงคำพูดที่เว่ยหรูไห่ถ่ายทอดมาให้ฟังอย่างละเอียด ทันใดนั้นสีหน้าเขาพลันอึมครึม
เขากับอู๋เจาหรงต่างถูกพิษ เมื่อนึกถึง่เวลาที่ตนเองไปเรือนหลิวชุ่ยครั้งแรกก็พบว่าเป็ครึ่งเดือนก่อนพอดี
ซูเฟยมอบดอกไม้ดอกหนึ่งให้อู๋เจาหรง ทั้งบนดอกไม้ยังมีหนอนตัวเล็กอยู่หนึ่งตัว
ฮวารั่วซี เผ่าเป่ยอู ไม่รู้จักพิษดอกท้อ?
ซ่งอี้เฉินหัวเราะเสียงเ็าพลางตรัสว่า “เหยียนฉายเหรินช่างคิดจริงๆ”
เว่ยหรูไห่ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ ซ่งอี้เฉินถึงได้เผยสีหน้าเช่นนี้ เขาจึงรู้สึกร้อนใจยิ่งนักเพราะกลัวว่าตนเองจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่คาดคิดว่าซ่งอี้เฉินจะเปิดปากเอ่ยว่า “เอาดอกไม้ทั้งหมดในตะกร้าไปปัก”
เว่ยหรูไห่รีบพยักหน้า จิตใจผ่อนคลายลงเล็กน้อย จากนั้นจึงเห็นว่าซ่งอี้เฉินหยิบที่ใส่พู่กันหยกบนโต๊ะขึ้นมาเทพู่กันด้านในออกแล้วโยนให้หลี่ว์เหลียงฝู่ที่อยู่ด้านข้างพลางตรัสว่า “ส่งไปที่ตำหนักเฟิ่งชัยเป็รางวัลตอบแทนให้ฉายเหริน”
หลี่ว์เหลียงฝู่รีบตอบรับพลางถือที่ใส่พู่กันรีบเดินออกไปทันที
เมื่อมองเงาร่างเว่ยหรูไห่ที่กำลังปักดอกไม้ มุมปากของซ่งอี้เฉินพลันเผยรอยยิ้มออกมา
เหยียนฉายเหรินส่งตะกร้าดอกไม้มา อีกทั้งยังพูดคำพูดนี้ได้ในเวลาที่เหมาะเจาะเสียจริง
นางรู้บางสิ่งจึงตั้งใจบอกเขา จงใจใส่ความซูเฟย?
ไม่ถูกต้อง เหยียนอู๋อวี้เป็เพียงบุตรสาวเ้าเมือง ฮวารั่วซีเข้าตำหนักมาตอนแรกในนามน้องสาวบุญธรรมของอวิ๋นอู๋เหยียน ด้วยความที่กลัวการต่อต้านจากขุนนางในราชสำนักจึงมิได้เปิดเผยตัวตนนางที่เป็ทายาทของเผ่าเป่ยอู เหยียนอู๋อวี้ไม่น่าจะรู้ข้อมูลนี้
หากไม่ใช่จุดนี้…... เช่นนั้น...…เหยียนอู๋อวี้คงสังเกตเห็นบางสิ่ง? จึงแอบบอกใบ้เขา?
เมื่อนึกถึงเหยียนอู๋อวี้ที่รักทรัพย์สินเงินทองดั่งชีวิต มีท่าทางยิ่งยโสโอหังและชอบพูดจาเหลวไหล ซ่งอี้เฉินก็อดที่จะเชื่อมโยงนางเข้ากับสตรีจอมวางแผนนางนั้นไม่ได้
เพียงแต่เขาก็ไม่คิดเช่นกันว่าสิ่งนี้จะถูกต้อง สตรีในตำหนักหลังผู้ใดบ้างที่ไม่น่าสงสาร พวกนางน่ารักไร้เดียงสา ทว่าภายในแบกสิ่งใดไว้อยู่ผู้ใดเล่าจะรู้แน่ชัด
เหมือนกับฮวารั่วซี ตอนแรกคะนึงหาอยู่ตลอดเวลา ต่อมาจึงมองเป็สมบัติล้ำค่า เขารู้สึกว่านางเป็เพียงสตรีตระกูลอื่นอยู่เสมอ ไม่มีทางเหมือนอวิ๋นอู๋เหยียนที่ชวนให้รู้สึกคาดเดาใจยาก เขาชอบความไร้เดียงสาและความเรียบง่ายของฮวารั่วซี ทั้งยังชอบพร์ด้านจิตรกรรมของนาง
กระนั้นเมื่อเข้าวังหลวงมาแล้ว ท้ายที่สุดก็ยังเป็...…
สรรพสิ่งเหมือนเดิม ทว่าคนได้เปลี่ยนไปแล้ว!
……
เหยียนอู๋อวี้กลับมาถึงตำหนักเฟิ่งชัย หลี่ว์เหลียงฝู่นำที่ใส่พู่กันมามอบให้ เมื่อมองที่ใส่พู่กันเปื้อนรอยหมึกนางก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างยิ่ง
ตะกร้าดอกไม้ถูกถ่ายทอดไปพร้อมกับเื่ในสวนวังหลวงที่เซียวเป่าหลินป่าวประกาศไปในวันนั้น แม้นางไม่เห็นด้วยตาตนเอง ทว่าซ่งอี้เฉินก็มิได้ไปตรวจสอบ
สิ่งสำคัญที่สุดคือนางได้ทิ้งเงามืดไว้ในใจซ่งอี้เฉินอีกครั้งแล้ว
เผ่าเป่ยอู พิษดอกท้อ ซ่งอี้เฉินควรจะคาดเดาบางอย่างได้บ้าง
อย่างเช่นพิษที่ฮวารั่วซีวาง? อย่างเช่นเหตุใดฮวารั่วซีจึงวางยาพิษ?
ฮวารั่วซีกระทำเอง? หรือว่าไทเฮาเป็ผู้บงการ?
การกระทำที่ตามมาทั้งหมดนี้ทำให้ซ่งอี้เฉินคาดเดาได้มากกว่าเดิมแน่นอน เขาจะยังไม่มาซักถามนาง เขาเพียงแค่สงสัยในตัวฮวารั่วซีลึกซึ้งยิ่งขึ้นจากการกระทำเหล่านี้เท่านั้น
ทว่าผู้ที่เขา้าปกป้องสุดหัวใจก็คือฮวารั่วซี ซ่งอี้เฉินถึงขั้นเอาเหยียนอู๋อวี้มาเป็เป้าธนูแทน ก็เหมือนกับที่อวิ๋นอู๋เหยียนปกป้องเขาในปีนั้น มันเป็ความรู้สึกแบบเดียวกัน
ไม่รู้ว่าซ่งอี้เฉินจะคิดอย่างไรหากค้นพบว่าคนที่ตนเองรักและทะนุถนอมด้วยชีวิต สุดท้ายแล้วกลับวางพิษเขาและใช้เขาเพื่อโค่นอำนาจไทเฮา
เกรงว่าเขาคงเ็ปรวดร้าวจนอยากสิ้นใจตายไปให้รู้แล้วรู้รอดเหมือนอวิ๋นอู๋เหยียนในปีนั้นกระมัง!
เหยียนอู๋อวี้ยกยิ้มเ็า แม้ไม่เทียบเท่าการเอาชีวิต ทว่าการที่ถูกคนที่รักอย่างสุดซึ้งทำร้าย ซ่งอี้เฉินก็คงเ็ปใจมากกระมัง!
เมื่อป้าโฉ่วได้ยินคำพูดของซวงสี่พลันใ หลังจากส่งทุกคนหมดแล้วนางจึงเอ่ยถามทันที “นายหญิง เหตุใดบุ่มบ่ามเพียงนี้เ้าคะ หากฝ่าาสงสัยนายหญิงขึ้นมาจะทำอย่างไรเ้าคะ!”