หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังขับเกวียนกลับมาจากอำเภอฉางผิงอย่างรวดเร็ว
“ข้ากับพี่ใหญ่เพิ่งเริ่มขายขนมไหว้พระจันทร์รสหวานก็ถูกกลุ่มลูกค้าเข้ามาห้อมล้ะโกนแย่งกันสั่งจองแล้ว ข้าถูกพวกเขาเหยียบขาไปตั้งหลายรอบ ทั้งยังทำพู่กันตกไปหลายครั้งเชียว” เมื่อหลี่ฝูคังย้อนนึกไปถึงสภาพผู้คนเบียดเสียดในตอนนั้น พลันใบหน้าก็เต็มไปด้วยความยินดี
เมื่อก่อนตอนขายแป้งย่างใส่ไข่ แป้งย่างต้นหอม หรือไส้ทอด ก็ยังขายได้ไม่ดีเท่าขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ นั่นเป็เพราะขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ทั้งหอมและอร่อยเหลือเกิน
หลี่เจี้ยนอันไม่อาจเก็บความยินดีไว้ได้อีกต่อไป ในน้ำเสียงระคนไปด้วยความดีใจและความร้อนใจ “น้องห้า เมื่อตอนบ่ายลูกค้าในอำเภอฉางผิงมาจองขนมไหว้พระจันทร์รสหวานกับพวกเรา รวมทั้งหมดสองพันสามร้อยสี่สิบหกชิ้นในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม มีลูกค้าหลายคนอยากให้พวกเราส่งสินค้าวันพรุ่งนี้”
นี่เพิ่งวันแรก ปริมาณขนมไหว้พระจันทร์รสหวานที่ลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ในอำเภอฉางผิงและตำบลจินจี จองรวมกันก็มีมากถึงสามพันชิ้นแล้ว
ตอนนี้ตระกูลหลี่ทำขนมไหว้พระจันทร์ไปได้เพียงหนึ่งพันกว่าชิ้น ในเมื่อรับจองสินค้าไว้แล้วก็ต้องส่งสินค้าให้ทันเวลา อีกทั้งสินค้าที่ส่งก็ต้องได้มาตรฐาน ตอนนี้ตระกูลหลี่ไม่ต้องกังวลเื่ปริมาณการขาย แต่กลับต้องกังวลเื่ปริมาณการผลิตแทน
“คืนนี้ก็เรียกคนงานมาทำขนมไหว้พระจันทร์ทั้งคืนแล้วกัน พรุ่งนี้ก็นำไปส่ง” เมื่อหลี่หรูอี้ตัดสินใจแล้วก็รีบให้พี่ชายทั้งสี่ไปตามคนมา
จ้าวซื่อทั้งแปลกใจและยินดี “หรูอี้ วันนี้มีคนสั่งจองขนมไหว้พระจันทร์รสหวานมากเพียงนี้แล้ว พรุ่งนี้ยังจะมีคนสั่งอีกหรือ”
“ครอบครัวเราให้สั่งจองล่วงหน้าห้าวัน วันนี้เพิ่งจะวันที่สิบเดือนแปด พรุ่งนี้ต้องมีคนสั่งจองอีกแน่นอนเ้าค่ะ แถมปริมาณก็คงไม่น้อยด้วย”
จ้าวซื่อบอกว่า พรุ่งนี้นางจะเป็คนทำอาหารเอง นางคงเป็สตรีที่สุขสบายที่สุดในหมู่บ้านแล้วกระมัง ได้กินดื่มของดีๆ อาหารก็ยังไม่ต้องทำเอง เมื่อเห็นลูกๆ ยุ่งกันเช่นนี้นางจึงไม่อาจนิ่งเฉยโดยไม่ช่วยเหลือ
“ท่านแม่เ้าคะ หากท่านตั้งครรภ์น้องคนเดียวข้าคงไม่ห้าม แต่ตอนนี้ท่านตั้งครรภ์น้องถึงสองคน ท้องของท่านใหญ่เพียงนี้ จะลุกจะเดินก็ต้องใช้แรงมาก จะเอาแรงที่ไหนไปทำอาหารอีกเ้าคะ หากท่านรำคาญที่ในบ้านคนเยอะวุ่นวายก็ไปอยู่ที่บ้านน้าหม่าก่อนได้นะเ้าคะ” หลี่หรูอี้บอกให้จ้าวซื่อดูแลครรภ์อย่างสบายใจไม่ต้องเป็กังวล ส่วนตนเองก็ไปทำอาหารในห้องครัวแล้วยกอาหารขึ้นโต๊ะ
เมื่อเหล่าเด็กชายบ้านหลี่กินข้าวเสร็จ ก็รีบเก็บกวาดให้สะอาดแล้วรีบไปทำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานด้วยกันกับหลี่หรูอี้
เพียงไม่นานซื่อโก่วจื่อ อู่โก่วจื่อ ต้าจู้จื่อ จินโต้วโต้ว และอวี๋เอ้อร์ฉ่าวก็มาถึง
จินโต้วโต้วและอวี๋เอ้อร์ฉ่าวเป็เด็กผู้ชาย
ปีนี้จินโต้วโต้วอายุสิบสองปี เป็บุตรชายคนโตของครอบครัวและมีน้องๆ อีกสามคน
เขามีใบหน้ากลม คิ้วหนา ผิวหยาบดำ ดูแก่กว่าอายุจริง เป็คนเงียบๆ ฤดูร้อนที่ผ่านมาเขาไปช่วยญาติต่างหมู่บ้านเก็บเกี่ยวข้าวสาลี ทว่าบังเอิญเกี่ยวปลายนิ้วไปครึ่งหนึ่งโดยไม่ทันระวัง เื่นี้ทำให้เขาไม่มั่นใจในตนเองและกลายเป็คนเงียบขรึมมากกว่าเดิม
เขาเป็สหายสนิทของหลี่เจี้ยนอัน เป็คนที่หลี่เจี้ยนอันแนะนำมา
ส่วนอวี๋เอ้อร์ฉ่าวอายุสิบสามปีแล้ว เขาเป็บุตรคนที่สองของครอบครัว มีพี่ชายหนึ่งคน น้องสาวสองคน และน้องชายอีกหนึ่งคน หน้าตาธรรมดา รูปร่างค่อนข้างเตี้ย พูดจาไม่เก่ง ไม่ค่อยมีเื่วุ่นวาย อยู่ที่บ้านก็ไม่ได้รับความสำคัญอะไร แต่เป็คนกระตือรือร้น เป็มิตรและรักความยุติธรรม เป็สหายสนิทของหลี่ฝูคังที่คุยกันได้ทุกเื่
คนงานบ้านหลี่ได้รับค่าตอบแทนดีมาก คนแรกที่หลี่ฝูคังนึกถึงก็คือ อวี๋เอ้อร์ฉ่าว จึงเรียกเขามา
หลี่หรูอี้มองไปยังคนทั้งห้าแล้วกล่าวขึ้นว่า “พวกเ้ากินข้าวเย็นกันมาหรือยัง”
“กินแล้ว” อู่โก่วจื่อพูดความจริง แม้กินไม่ค่อยอิ่ม แต่ในเมื่อยังไม่ได้ทำงานก็ไม่คิดจะให้บ้านหลี่เลี้ยงข้าว นางยังไม่ไร้ยางอายเพียงนั้น
“ข้ากินโจ๊กไปแล้วสองถ้วยใหญ่จนท่านแม่ถลึงตาใส่ข้าไปหลายรอบเชียว” อวี๋เอ้อร์ฉ่าวยิ้มอย่างไม่คิดอะไรมาก
ซื่อโก่วจื่อปรายตามองไปทางอวี๋เอ้อร์ฉ่าวเล็กน้อยก่อนฉีกยิ้มจนเห็นฟันสองแถวที่เรียงไม่ค่อยสวยนัก “เ้ากินเก่งจริงๆ ข้ากินโจ๊กไปถ้วยเดียวเอง”
จินโต้วโต้วฟังอย่างเงียบๆ และพยักหน้า
“วันนี้ต้องทำงานกันทั้งคืน ต้องกินให้อิ่มจึงจะมีแรงทำงานหนัก ทุกคนมากินแป้งย่างอีกคนละสองชิ้นเถิด” หลี่หรูอี้เดินไปหยิบแป้งย่างต้นหอมและแป้งหมักย่างที่เหลือในครัวมาให้คนทั้งห้ากิน
แป้งหมักย่างจะใช้ทั้งแป้งขาวและแป้งหยาบมาผสมกันโดยใส่ต้นหอมและเกลือด้วย นี่เป็ของที่บ้านหลี่กินกันบ่อยจนเป็ปกติ ทว่าในสายตาของคนทั้งห้านับเป็อาหารเลิศรสที่จะได้กินใน่ปีใหม่เท่านั้น พวกเขากินแป้งย่างขนาดเท่าฝ่ามือทั้งสิบชิ้นลงท้องไปอย่างตะกละตะกลาม เมื่อกินเสร็จก็ดื่มน้ำหวานที่หลี่หรูอี้รินให้ รสชาตินั้นหวานอร่อยจนใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข
ในขณะที่คนทั้งห้ากำลังกินดื่มกันอยู่ หลี่หรูอี้ก็เรียกให้พี่ชายทั้งสี่คนไปยังอีกห้องหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน “การค้าขายเกี่ยวพันกับเงินจำนวนมาก คนถือเงินจะต้องหนักแน่นรอบคอบ หากตัวอักษรบนใบจองไม่ชัดเจนหรือหาลูกค้าไม่พบจะทำให้เกิดความวุ่นวายได้ ดังนั้นข้าตัดสินใจแล้วว่า จะให้พี่ใหญ่กับพี่รองรับผิดชอบเก็บเงินในการขายขนมไหว้พระจันทร์รสหวาน ส่วนพี่สามและพี่สี่รับผิดชอบทำขนมไหว้พระจันทร์อยู่ที่บ้าน”
ยังคงเป็หลี่ฝูคังที่ตอบรับเป็คนแรก “ข้าเชื่อน้องห้า”
หลี่เจี้ยนอันเดินไปหยิบใบจองสินค้าหลายสิบใบออกมาจากห้องนอนแล้ววางไว้ตรงหน้าหลี่อิงฮว๋าและหลี่ิ่หาน “มีใบจองสินค้าและลูกค้ามากจริงๆ วันนี้ข้ากับพี่รองของพวกเ้าก็สับสนจนเกือบคิดบัญชีผิดแล้ว”
หลี่หรูอี้กล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ทุกอย่างต้องดูภาพรวมเป็สำคัญ”
หลี่ิ่หานดึงแขนเสื้อของหลี่อิงฮว๋าก่อนกล่าวว่า “พี่สาม ข้าว่าน้องห้าพูดถูกแล้ว”
“ได้ พวกเราอยู่ทำขนมไหว้พระจันทร์ที่บ้านแล้วกัน” ก่อนหน้านี้หลี่อิงฮว๋าคุยโวโอ้อวดกับซื่อโก่วจื่อว่าพรุ่งนี้จะไปขายขนมไหว้พระจันทร์ที่เมือง แต่ตอนนี้สงสัยจะต้องถูกซื่อโก่วจื่อหัวเราะเยาะเอาเสียแล้ว
เดิมทีคนที่ต้องไปขายของพรุ่งนี้คือ หลี่อิงฮว๋าและหลี่ิ่หาน แต่เมื่อหลี่หรูอี้ปรับปรุงการทำงานใหม่จึงกลายเป็ว่า ผู้ที่ต้องไปคือ หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคัง
เมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามนั้น หลี่หรูอี้ไปผสมขนมไหว้พระจันทร์รสหวานในห้องครัว ส่วนหลี่อิงฮว๋าและหลี่ิ่หานก็พาคนงานทั้งห้าไปเรียนรู้วิธีการย่างและคุมไฟที่ลานด้านหลัง
หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ พวกเขานำบัญชีของวันนี้มาคำนวณให้ละเอียด แล้วไปทำความสะอาดคอกลาให้สะอาด นำข้าวสาลีสองมัดไปให้เ้าลาทั้งสองตัวกิน โบราณว่าหากม้าไม่กินหญ้าตอนกลางคืนก็จะไม่อ้วน ดังนั้นั้แ่บ้านหลี่ซื้อลามาจึงให้พวกลากินข้าวสาลีทุกเย็น
ท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดสนิท ทว่าลานด้านหลังของบ้านหลี่ยังคงมีประกายไฟส่องสว่าง มีกลิ่นหอมของขนมไหว้พระจันทร์รสหวานอันเข้มข้นโชยออกมาจากบ้าน ทั้งยังมีเสียงพูดคุยชื่นชมของเด็กหญิงเด็กชายดังอยู่เนืองๆ
“ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานขนาดเล็กเท่านี้ แต่ใส่ทั้งน้ำมันงาแป้งขาว และงาดำมากมาย ต้นทุนจะต้องสูงมากแน่”
“การคุมไฟก็ต้องทำให้ดี มิเช่นนั้นจะทำให้ขนมไหม้”
“ระวังให้ดีเล่า อย่าให้ถูกไฟลวก”
“ขนมที่ย่างเสร็จแล้วก็เอาไปวางในตะกร้าไผ่ พอเต็มตะกร้าแล้วก็นำไปแขวนไว้ที่กำแพง”
หลี่อิงฮว๋าและหลี่ิ่หานอธิบายให้คนทั้งห้าฟังอย่างใจเย็น ส่วนทั้งห้าคนก็ฟังอย่างตั้งใจ การย่างขนมไหว้พระจันทร์ไม่ใช่เื่ยาก ไม่นานพวกเขาก็ทำเป็
ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานเตาแรกเสร็จแล้ว มีทั้งหมดหกสิบชิ้น ทุกชิ้นถูกนำไปเก็บไว้ในตะกร้าอย่างเรียบร้อย ส่วนคนทั้งห้าก็น้ำลายสอจนต้องกลืนน้ำลายกันเอื๊อกๆ
หลี่อิงฮว๋าพูดย้ำ “ขนมนี่ต้องเอาไปส่งให้ลูกค้าพรุ่งนี้ ห้ามกินเด็ดขาด”
“ข้าไม่กิน” อู่โก่วจื่อเข้าใจชัดแจ้งเป็อย่างดี การที่นางมาเป็ลูกจ้างของครอบครัวหลี่ได้ในคราวนี้เป็เพราะหลี่หรูอี้ไว้ใจนาง จะทำให้หลี่หรูอี้ขายหน้าได้อย่างไร “บ้านเ้าให้ค่าแรงแล้วยังดูแลอาหารการกินอีกสามมื้อ ข้าไม่กินขนมไหว้พระจันทร์รสหวานของบ้านเ้าเพิ่มหรอก”
อีกสี่คนที่เหลือรู้สึกผิดจนใบหน้าแดงก่ำ รีบแสดงท่าทีว่าจะไม่แอบกินขนมไหว้พระจันทร์แน่นอน
แม้พวกเขาจะอายุน้อย แต่ก็รู้จักสงวนท่าที อีกทั้งยังไม่ใช่คนสับปลับชั่วร้าย มิเช่นนั้นพี่น้องบ้านหลี่คงไม่ให้พวกเขามาเป็คนงานหรอก
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้