หลายวันต่อมาฉินโจ้วได้เดินสำรวจโดยรอบทั้งหมดของเทือกเขาและแม่น้ำหลายสายในเมืองัโดยไม่ปล่อยให้เล็ดลอดสายตาไปแม้แต่น้อย เมืองัถึงจะเรียกว่า เมือง (town)ในความเป็จริงก็เรียกว่า เทียบกับเมืองใหญ่ได้เลย (city) ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวางและอุดมไปด้วยทรัพยากรมากมายซึ่งในตอนนี้ก็มีประชากรอาศัยอยู่ไม่ต่ำกว่า 80 ล้านคนซึ่งก็เชื่อได้ว่าอีกไม่นานคงจะทะลุหลัก 100 ล้านคนเป็แน่เมื่อเมืองเริ่มขยายขนาดจนกลายเป็เมืองใหญ่นั่นก็ย่อมต้องมีภารกิจผู้เล่นสำหรับการสร้างเมืองใหญ่ซึ่งผู้นำของเมืองใหญ่นี้ก็มีศักดิ์หรือสถานะเทียบเท่ากับเ้าชาย ตราบใดที่ผู้คนมีความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงแม้เพียงเล็กน้อยความคิดของคนเราก็จะถูกกระตุ้น จะทำให้มีการต่อสู้แย่งชิงเมื่อมีการแย่งชิง ก็ย่อมมีผลประโยชน์เกิดขึ้นฉินโจ้วนั้นไม่ได้้ามีตำแหน่งใหญ่โต หรือตำแหน่งในเมืองใหญ่เขาแค่หลงใหลในเงินทองเท่านั้น ซึ่งถ้าเกิดมีาขึ้นมาอาวุธยุทโธปกรณ์ก็เป็สิ่งที่พวกเขา้าและวัตถุดิบในการสร้างอาวุธเ่าั้ก็คือ แร่ดังนั้นแล้วฉินโจ้วจึงมาหาไอเดียเกี่ยวกับแร่ที่นี่
หลังจากเลเวล20 ผู้เล่นสามารถซื้อที่ดินที่อยู่นอกเมืองได้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะในเมืองตราบเท่าที่คุณยังมีเงิน คุณสามารถซื้อทั้งผืนป่าเลยก็ได้
ฉินโจ้วก็ไม่ได้คิดว่าตัวเขานั้นจะมีหัวทางธุรกิจแต่เขารู้ว่าพลังงาน แร่ธาตุและอื่นๆ อีกมากนั้นมีมูลค่ามาก อย่างเช่นถ่านหินและน้ำมัน เป็ต้นซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในเกมจะมีถ่านหินหรือน้ำมันหรือไม่ แต่ที่รู้แน่ๆ คือมันต้องมีแร่อย่างแน่นอน และแร่ก็เป็สินค้าที่ดีทั้งอาวุธและเครื่องป้องกันนั้นจะไม่สามารถสร้างได้ถ้าปราศจากแร่ดังนั้นเขาจึงต้องรีบจัดการแต่เนิ่นๆ (กลัวจะโดนแย่ง ว่างั้น)
อีกอย่างที่เขาเลือกแร่นั่นก็เพราะว่าเขามีเนตรเซียนพญายมที่สามารถมองทะลุลงไปถึงนรกทั้ง 18 ขุมไม่มีทางที่จะหลบซ่อนจากสายตาของเขาได้แน่เขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าที่ไหนไม่มีแร่ หรือมีแร่มากกว่าและเขายังสามารถเห็นถึงระดับของแร่ว่าสูงต่ำแค่ไหนฉะนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเป็การสูญเงินโดยเปล่าประโยชน์ นี่เป็ความสามารถที่ไม่มีใครเหมือนถ้าไม่เอามาใช้ทำสิ่งดีๆมันก็จะเป็การทำลายทรัพยากรธรรมชาติให้เสียหายโดยไม่จำเป็
มีเหมืองอยู่8 เหมือง รอบพื้นที่เมืองั ซึ่งถูกตั้งชื่อตามลำดับ 1-8 ของแผนภูมิ์คือเจี่ย อี่ ปิ่ง ติง อู้ จี่ เกิง ซิน (ปกติจะมี 10 ตัวคือ เหริน(9) กุ่ย(10))ซึ่งในกลุ่มนั้น เหมืองเจี่ยกับอี่ จะมีผลผลิตมากที่สุดส่วนเหมืองปิ่งนั้นพื้นที่เหมืองจะมีคุณภาพสูงที่สุด ส่วนเหมืองอู้ จี่ และเกิง 3เหมืองนี้จะมีแร่ธาตุหายาก ส่วนผลผลิตของเหมืองเกิงและซินนั้นต่ำที่สุด คุณภาพแย่มีผู้เล่นเล็กน้อยอยู่ที่เหมืองเกิงและซิน
นอกจากนี้ยังมีเหมืองขนาดเล็กอีกไม่ต่ำกว่า12 เหมือง ที่ไม่ได้อยู่ในกระแส ซึ่งส่วนใหญ่จะมีผู้เล่นขุดเจอโดยบังเอิญแต่เนื่องจากได้ผลผลิตที่ต่ำมาก และคุณภาพไม่ค่อยดี จึงไม่ค่อยมีใครสนใจ
สามวันต่อมาฉินโจ้วก็ยังไม่พบอะไรเลยเขาก็ไม่รู้เหมือนว่าเขาอาจยังเดินมาไม่ไกลพอหรือเขาอาจจะเข้าใกล้เหมืองแล้วแต่จะอย่างไรก็ตามฉินโจ้วคิดว่าเหมืองที่มีค่ามหาศาลต้องยังไม่ถูกค้นพบแน่นอน
วันที่สี่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะค้นพบพอถึงวันที่ห้าก็ยังไม่สมหวัง หลังจากทุกที่รอบเมืองัได้ถูกสำรวจหมดแล้วแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ในมือของฉินโจ้วก็แสดงภาพขนาดใหญ่ ถ้าไม่ไกลจนไม่สามารถไปได้หรือมีมอนสเตอร์ระดับสูงถึงขนาดที่แค่แตะก็ตายได้เลย ฉินโจ้วก็ไปมาจนหมดแล้วดูท่าแล้วคงต้องกลับมาสนใจเหมือง 8 แห่งแต่ก็นั่นแหละไม่รู้ว่าราคาจะแพงมากน้อยแค่ไหน
ถ้าไม่รวม4 เหมืองที่มีผลผลิตสูงและคุณภาพดีสุดคือ เจี่ย อี่ ปิ่ง ติงเหมืองอู้ที่ผลิตเหล็กดำพันปีก็น่าจะมีมูลค่าสูงที่สุดแล้ว แต่เมื่อมองลงไปด้วยเนตรเซียนพญายมเขากลับพบว่ามีแร่เหล็กดำพันปีอยู่แค่ไม่กี่ก้อนในชั้นดินนอกนั้นก็เป็แร่เหล็กธรรมดา ซึ่งมองดูแล้วไม่เหมาะที่จะลงทุน
บริเวณเหมืองจี่นั้นสามารถผลิตทองแดงชื่อหยาง(แดงเพลิง) ยิ่งไปกว่านั้นผลผลิตที่ได้ก็มีมากมาย และยังมีอยู่ในใต้ดินอีกเป็จำนวนมากซึ่งถ้าขุดด้วยความเร็วปกติก็น่าจะใช้เวลาราวหนึ่งปีครึ่งแต่เนื่องจากผลผลิตมีมากมายผู้เล่นส่วนใหญ่คงจะหลั่งไหลมาเพื่อหาแร่ที่เหมืองแห่งนี้เกรงว่าแค่เวลาไม่กี่เดือน ก็จะขุดจนถึงพื้นล่างสุดแล้วทองแดงชื่อหยางน่าจะทำให้เหมืองนี้มีค่ามากที่สุดแล้ว ฉินโจ้วค่อนข้างมั่นใจซึ่งแน่นอนว่าถ้าราคาเหมาะสมเขาก็น่าจะเป็เ้าของได้
ถ้าหากไม่้าเหมืองจี่ดูเหมือนว่าเหมืองเกิงก็เป็ที่เหมาะที่สุดสำหรับเงื่อนไขนี้เหมืองเกิงนั้นสามารถผลิตทองแดงได้ด้วยแต่ผลผลิตที่ได้ออกมายังไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็แต่ลึกลงไปในชั้นใต้ดินนั้นกลับเต็มไปด้วยเหมืองแร่นับพันแห่ง ซึ่งมีชั้นหินบางๆปกคลุมทองแดงชื่อหยางที่มหาศาลอยู่ และยังไม่ถูกค้นพบโดยผู้เล่นถ้ายังขุดด้วยความเร็วระดับนี้คาดว่าไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ก็น่าจะค้นพบดูท่าคงต้องเร่งมือซะแล้ว
เหมืองซินก็เป็เหมืองทองแดงเหมือนกันแต่ไม่ได้เป็เหมืองทองแดงชื่อหยาง เป็แค่ทองแดงทั่วไปซึ่งเหมืองทองแดงก็จะมีลักษณะเฉพาะตัวของมันเองโดยปกติเหมืองทองแดงมักจะกระจายตัวอยู่ในรูปทรงของพืชจำพวกน้ำเต้ามันจะมีปากที่มีขนาดใหญ่ จากนั้นเป็ส่วนที่คอดคล้ายเอว และในส่วนท้ายก็จะเหมือนท้องขนาดใหญ่ซึ่งในเวลานี้ดูเหมือนว่าบริเวณส่วนบนของปากได้ถูกขุดไปแล้วต่อมาก็จะเป็บริเวณของเอว ซึ่งบริเวณนี้ไม่เพียงแต่บางเท่านั้นแต่ยังมีความยาวอยู่พอสมควร มันเป็การยากที่จะมองเห็นทองแดงในแผ่นหินขนาดยาวผู้เล่นจำนวนมากเลยถูกหยุดไว้ที่บริเวณนี้แต่ก็ยังมีผู้เล่นบางส่วนที่ยังหวังให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเพียงแต่เส้นทางแห่งปาฏิหาริย์นั้นไม่มาโดยง่ายความหวังที่มีคงเลือนรางมากจนแทบจะไม่มีหวังผู้เล่นส่วนใหญ่คิดว่าเหมืองบริเวณนี้ได้ถูกขุดไปหมดแล้ว จึงเริ่มหาที่เหมืองอื่นๆต่อไป
พื้นที่เหมืองทั้ง8 แห่งนั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่อยู่กันอย่างกระจัดกระจายไม่เป็ระเบียบฉินโจ้วใช้เวลาดูทั้ง 8 เหมือง ภายในหนึ่งวันในเวลาเดียวกันเหมืองขนาดเล็กเขาก็ไปดูมาด้วย แต่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเดิมทีคนสำรวจแร่นั้นจะต้องเป็ผู้เชี่ยวชาญ และยังต้องมีสายตาที่เฉียบแหลมอีกด้วยและเขาต้องเป็คนที่มีความขยันขันแข็งเปรียบเหมือนกับถ้าหากพวกเขาจะกินเนื้อและน้ำซุปจนหมดเหลือไว้แต่เพียงซากกระดูกให้กับคนรุ่นถัดไปซึ่งถ้าทำอย่างนั้นก็จะไม่มีการได้เรียนรู้และหมดหนทางในการพัฒนาต่อ
"นั่นอะไรน่ะ"
ฉินโจ้วหยุดเดินก่อนที่จะมองไปที่พื้นดิน ที่ดูเหมือนจะมีความแปลกประหลาดอยู่
มันเป็ป่าพื้นที่ดูราบเรียบและมีขนาดกว้างใหญ่มากมีต้นไม้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านแตกใบอุดมสมบูรณ์ แต่มันก็เป็ป่าไม้ทั่วไปไม่ได้มีมูลค่าอันใด ไม่มีแม้กระทั่งมอนสเตอร์ มันดูสงบเงียบมากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็หญ้าสีเขียวปูเต็มพื้นดิน มองดูแล้วให้ความรู้สึกปลอดโปร่งถ้าปราศจากเนตรเซียนพญายมฉินโจ้วก็คิดว่าที่นี่คงเป็พื้นที่ธรรมดาทั่วไปเหมือนที่อื่นๆแต่เขากลับมองเห็นสิ่งที่ผิดปกติได้
ถ้าใต้พื้นดินมีดินมันไม่น่าประหลาดใจแต่ถ้าดินหรือดินที่อยู่ใต้พื้นดินมันไม่มีอะไรเลยนี่น่ะสิถึงจะน่าแปลกมันไม่มีแม้กระทั่งก้อนหิน หรือแมลงอยู่เลยมันดูเหมือนมีบางคนมาจัดวางไว้เป็พิเศษ ทุกสิ่งถูกเอาออกไป เหลือแค่ดินอย่างเดียวมองดูคล้ายกับลำธารน้ำในูเา
ฉินโจ้วไม่ใช่นักธรณีวิทยาแต่จากความรู้ทั่วไปที่พอมี ถ้าูเานั้นประกอบด้วยหินจำนวนมากโดยไม่มีดินอันนั้นยังดูปกติ แต่ถ้าไม่มีแม้กระทั่งก้อนหินในดินเลย อันนี้สิหายากแท้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้ามันมีขนาดใหญ่เท่าผืนดินขนาดนี้ไม่มีแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตใดๆ ในดิน เช่นหนอน แมลงเลย คงบอกได้อย่างเดียวว่านั่นมันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยดินที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดขึ้นมามันทำให้ฉินโจ้วรู้สึกประหลาดใจและก็แปลกใจกับสิ่งนี้
สถานที่นี้ถูกเรียกว่าดินแดนเอลฟ์เพราะเนื่องจากมีต้นไม้เป็จำนวนมากเลยถูกเรียกว่าป่าเอลฟ์ เป็สถานที่ซึ่งเมื่อก่อนเคยมีเอลฟ์อาศัยอยู่ก่อนที่จะถูกตระกูลเอลฟ์ละทิ้งไปด้วยเหตุผลบางอย่างป่าเอลฟ์นั้นมีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่มาก จากตะวันออกจรดตะวันตกมีความยาวไม่ต่ำกว่า1,000 ไมล์ หลังจากสำรวจอย่างพิถีพิถันฉินโจ้วพบว่าพื้นที่บริเวณนี้จะแตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ อย่างแรกต้นไม้บริเวณนี้จะขึ้นอย่างโดดเดี่ยว และจะมีเพียงชนิดเดียว ซึ่งต้นไม้ชนิดนี้คือถั่วแดง ซึ่งขนาดของต้นถั่วแดงนั้นเท่ากันหมดเป็ไปได้ว่าต้นถั่วแดงนี้อาจจะถูกปลูกพร้อมกัน อย่างที่สองหญ้าที่ปกคลุมพื้นดินนั้นส่วนใหญ่ก็จะขึ้นโดดเดี่ยว โดยจะมีชนิดเดียวซึ่งเป็หญ้าคลุมดินที่ชื่อเคล็มแม็ททิส (คำปองน้อย : ไม้เถาชนิดหนึ่ง)ซึ่งต้นเคล็มแม็ททิสนั้นเป็พืชคลุมดินที่มีความแข็งแรงมาก คล้ายกับต้นไผ่ถ้าเทียบกันแล้วมีความสามารถในการอุ้มดินและการแตกรากในแต่ละข้อนั้นสามารถแตกหน่อออกมาได้ใหม่ และสามารถขยายออกไปได้ทั่วทุกทางซึ่งเป็วิธีการของพืชคลุมดิน
ภายใต้การคลุมดินของเคล็มแม็ททิสนั้นจะไม่สามารถมองเห็นพื้นดินได้เลยเมื่อมองไปรอบๆ ก็จะพบแต่ใบสีเขียวแหลมที่เพิ่งแตกใบใหม่ทั่วทั้งบริเวณอาจจะมีแซมด้วยสีขาวหรือเหลืองของก้านอยู่บ้าง บางทีอาจเป็เพราะไม่มีมอนสเตอร์ ก็เลยไม่มีผู้เล่นอยู่รอบบริเวณจึงไม่มีผู้เล่นมาเก็บสมุนไพร หรือมารวบรวมสมุนไพรที่มีค่าที่เติบโตในป่าและูเา
โดยปกติแล้วฉินโจ้วเลือกที่จะอยู่ห่างจากสิ่งที่เขาไม่รู้จักแต่ถึงอย่างนั้นที่นี่ก็ไม่มีอันตรายใดๆ เขาจึงมีความคิดที่จะสำรวจพื้นที่นี้ต่อ
ทันทีที่เหวี่ยงจอบลงพื้นแขนของฉินโจ้วเริ่มรู้สึกชา ต้นเคล็มแม็ททิสนั้นจัดการได้ไม่ยากเลยแต่ที่ยากก็คือดินที่อยู่ข้างใต้ต่างหากที่แข็งอย่างกับหินฉินโจ้วไม่รู้สึกประหลาดใจเลย แต่กลับรู้สึกยินดีเสียด้วยซ้ำถ้ายิ่งแปลกมากเท่าไรก็แสดงว่าต้องยิ่งดีมากเท่านั้น ติ๊งต่อง... ได้เวลาเริ่มขุดหนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไป เขาขุดได้หลุมเล็กๆ หลุมหนึ่งเขาถึงกับพูดว่าเป็หลุมที่ขุดยากมากสำหรับการขุดครั้งแรก
ภายใต้ผิวดินแข็งที่ปกคลุมอยู่นั้นมีดินซ่อนอยู่มีแมลงที่ไม่ทราบชื่อกำลังขุดดินอยู่ในโพรง เมื่อมองด้วยเนตรเซียนพญายมทำให้เขาเห็นดินสีดำนั้นค่อยๆสลายเป็โปร่งแสง เผยให้เห็นบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในดินมันส่องแสงสว่างจ้าออกมาจากพื้นดิน ซึ่งทำให้ตาของฉินโจ้วแทบบอด
เหล็กสีมันแพะ
ใจของฉินโจ้วถึงกับหวั่นไหวเมื่อเขาเห็นเหล็กสีมันแพะเหมืองเหล็กสีมันแพะขนาดใหญ่ โดยที่เหล็กสีมันแพะจะมีสีขาวราวหิมะ(สีขาวในที่นี้คือ สีขาวปนเหลืองนิดๆ) ลื่นเหมือนน้ำมันและมีค่ามากกว่าทองแดงชื่อหยางซึ่งในปัจจุบันนี้สามารถผลิตได้น้อยมากและมีมูลค่าสูงมาก
ฉินโจ้วถึงกับต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อกเขามีเหตุผลที่คาดเดาว่าเหมืองแห่งนี้น่าจะถูกซ่อนไว้โดยใครบางคนถึงแม้ว่าเขายังไม่เข้าใจถึงการรวมกันของต้นถั่วแดงกับเคล็มแม็ททิสที่สามารถทำให้ปิดกั้นการมองทะลุของเนตรเซียนพญายมได้ซึ่งเขาก็ไม่ได้คิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติแต่เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ค้นพบแร่ขนาดใหญ่ขนาดนี้ถึงได้ซ่อนมันเอาไว้และไม่นำไปใช้ซึ่งสิ่งนี้อาจมีมูลค่าเทียบได้กับสมบัติของประเทศเลยทีเดียว
ฉินโจ้วรีบกลบหลุมที่เขาขุดไว้โดยทำให้เหมือนสภาพเดิมก่อนที่เขาจะรีบกลับไปที่ว่าการเมืองเพื่อจะซื้อป่าผืนนี้ไว้และจะกำมันไว้ให้แน่นไม่ให้หลุดมือ
หน่วยทะเบียนราษฎร์เมืองั
ฉินโจ้วมีโอกาสได้พบกับนายอำเภอเป็ครั้งแรกแซ่โจว ชื่อเฉียนชาน ดูลักษณะท่าทางเป็คนที่มีความคิดดี อายุราว 40 ปีร่างกายดูไม่แข็งแรง แต่โครงกระดูกได้สัดส่วนดี ใบหน้าดูสะอาดสะอ้าน ท่าทางสันโดษดวงตาใสดูลึกล้ำ ให้ความรู้สึก ท่าทางน่าเชื่อถือ จังหวะการก้าวเดินไม่ช้าดูหนักแน่นคล้ายกับูเาไท่อยู่เบื้องหน้า
เนื่องจากเมืองัเป็เมืองแรกในเขตหยวนหวงดังนั้นระดับของโจวเฉียนชานจึงอยู่ที่ระดับ 8ในขณะที่นายอำเภอเมืองอื่นจะอยู่ที่ระดับ 9 เท่านั้น ถึงแม้ว่าจะเป็แค่ระดับ 9แต่ก็ถือว่าเป็บุคคลระดับสูง ยังมีกุนซือหลิวที่เดินตามหลังโจวเฉียนชานและยังมีคนอื่นอีกที่เดินมาพร้อมกับกุนซือหลิว ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็ผู้เล่น
"ยินดีที่ได้พบนายอำเภอโจว"ฉินโจ้วพูดพร้อมประสานมือคำนับ
"ผู้กล้าน้อยท่านนี้คงเป็เมามายซบตักสาวงามอย่างที่คาดไว้เป็คนหน้าตาดีและมีความสามารถ เมื่อคราวที่กงซุนหลิวเล่าให้ฟังข้าเองยังไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่เมื่อได้เห็นก็สมคำร่ำลือ"โจวเฉียนชานพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ท่านนายอำเภอชมเกินไปแล้ว"ฉินโจ้วยิ้มก่อนจะตอบอย่างเรียบง่าย
"ทุกท่านเชิญนั่งก่อน" โจวเฉียนชานนั่งตรงที่นั่งประจำตำแหน่ง ก่อนจะผายมือไปทางฉินโจ้วและผู้เล่นอีกคนโดยมีกุนซือหลิวยืนอยู่ด้านหลังของโจวเฉียนชาน
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้วกุนซือหลิวกำลังเอามือลูบเคราก่อนที่จะพูดกับฉินโจ้วว่า "นี่ผู้กล้าน้อยฉินข้าจะแนะนำให้รู้จักกับเขา นี่คือผู้กล้าน้อยกวงเย้า" ซึ่งเขาเองก็มีความคิดที่จะซื้อพื้นที่เหมืองและเพราะว่าข้าได้ยินว่าผู้กล้าน้อยก็มีความคิดที่จะซื้อพื้นที่เหมืองเช่นกันดังนั้นจึงเชิญมาด้วยกันที่นี่เพื่อทำความคุ้นเคยกัน
กวงเย้าเหรินเจี้ยนผู้นี้เป็คนที่หน้าตาหล่อเหลามากดูมุ่งมั่น คิ้วเรียวดุจมีด ดวงตาเฉียบคมดุดันราวกับตาเหยี่ยวสายตาจดจ้องตรงมาที่ฉินโจ้วโดยไร้คำพูดมองไปเพียงแค่ชื่อที่ไม่ได้ถูกซ่อนอยู่เท่านั้น
ใจของฉินโจ้วกลับเต้นรัวแต่สีหน้านิ่งเฉยก่อนเอ่ยไปว่า "ฉันชื่อ เมามายซบตักสาวงาม"
กงซุนหลิวมีความพอใจกับความสามารถของพวกเขาเป็อย่างมากก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า"ไม่ทราบว่าผู้กล้าน้อยฉินสนใจพื้นเหมืองไหนบ้าง"
ฉินโจ้วยังไม่ตอบแต่ถามกลับไปว่า "ไม่ทราบว่า กงซุนหลิวสามารถบอกราคาของทั้ง 8 เหมืองให้ทราบได้หรือไม่?"
กุนซือหลิวกล่าวว่า"ได้แน่นอน ทั้ง 8 เหมืองนั้นราคาแตกต่างกันตามผลผลิตและคุณภาพซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละเหมือง โดยราคาเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 500,000 เหรียญทองและราคามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา"
ฉินโจ้วแอบบ่นกุนซือหลิวในเื่ความฉลาดแกมโกงอยู่ในใจเขารู้ว่าจะต้องมีการแข่งขันราคาซึ่งจะทำให้ราคาต่ำสุดนั้นสูงขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกโมโหแต่อย่างใด ก่อนที่จะพูดไปว่า"ฉันชอบเหมือง 4 แห่งคือ เจี่ย อี่ ปิ่ง ติง"
สีหน้าของกวงเย้าเหรินเจี้ยนเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อเขาได้ยินเขาคิดในใจว่า ถ้าชายคนนี้กล้าพูดสิ่งนี้ออกมาจากปากเมื่อเขาซื้อเหมืองทั้งสี่ไปพร้อมกัน เขาไม่กลัวว่าจะต้องทำจนตัวเองตายหรืออย่างไร?
กงซุนหลิวไม่ได้กังวลว่าจะมีใครซื้อเหมืองที่มีผลผลิตสูงสุดเพื่อเอกสิทธิ์ไว้เพียงผู้เดียวเขายิ้มก่อนจะกล่าวว่า "ผู้กล้าน้อยฉิน ท่านช่างห้าวหาญยิ่งนักสำหรับราคาของเหมืองทั้งสี่นั้นคือ 13 ล้าน 12 ล้าน 9 ล้าน และ 17 ล้าน ตามลำดับทั้งหมดรวมเป็ 51 ล้าน ปัดเป็เลขกลมๆ ให้ คิดผู้กล้าน้อยที่ 60ล้านเหรียญทองแล้วกัน"
ฉินโจ้วถึงกับหน้าเปลี่ยนสีในทันทีช่างกล้ามากนะ 60 ล้านเหรียญทอง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะซื้อ 4เหมืองนี้อยู่แล้ว ก่อนจะถามว่า "ราคาของเหมืองอู้ จี่ เกิง ซิน เป็เท่าไร?"
"ราคาของเหมืองอู้อยู่ที่1.1 ล้าน เหมืองจี่อยู่ที่ 2.3 ล้าน เหมืองเกิงอยู่ที่ 800,000และเหมืองซินอยู่ที่ 500,000 เหรียญทอง" กงซุนหลิวตอบราคาได้อย่างรวดเร็วเสมือนหนึ่งว่าข้อมูลทั้งหมดอยู่ในใจแล้ว
แม้ว่าพื้นที่เหมืองทั้งสี่แห่งนี้จะให้ผลผลิตแร่ที่มีค่าแต่ก็ได้ผลผลิตจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับแร่ทั่วไป ดังนั้นราคาโดยรวมไม่ควรจะสูงมากนักแต่ราคาของเหมืองอู้อยู่ที่ 1.1 ล้านเหรียญทองนี่เป็สิ่งที่ทำให้ฉินโจ้วรู้สึกถึงผลกำไรก้อนโตของอุตสาหกรรมการทำเหมืองถ้ามันเป็พื้นที่เหมือง คุณก็ต้องกล้าให้ราคาที่สูงแต่อย่างไรก็ตามไม่มีใครจะรู้ว่าแร่พันปีที่อยู่ก้นหลุมเหมืองอู้นั้นจะมีมูลค่าน้อยกว่า1.1 ล้านเหรียญทอง มันน่าเสียดายเป็อย่างยิ่ง ที่ไม่มีใครรู้เื่ทั้งหมดนี้
ฉินโจ้วคิดคำนวณอยู่ในใจในความเป็จริงแล้วนั้นเขา้าที่จะซื้อทั้งสามเหมืองหลังแต่เนื่องจากเขามีเหรียญทองไม่เพียงพอ ก่อนจะมองไปที่กวงเย้าแล้วพูดว่า"ไม่ทราบว่าคุณกวงเย้าเหรินเจี้ยนนั้นสนใจเหมืองไหนเป็พิเศษหรือ?"
กวงเย้าเหรินเจี้ยนไม่ใช่คนโง่เขาเข้าใจความหมายที่ฉินโจ้วถามเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันเขาไม่ควรจะเลือกเหมืองเดียวกันมันเป็ไปได้ยากที่จะกินรวบทั้งหมดด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ เขาควรจะเลือกแค่หนึ่งเดียวที่ซึ่งเขาคิดว่าเหมาะสมที่สุด"เหมืองอู้กับ เกิง"
ฉินโจ้วถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะไม่คิดเลยว่ากวงเย้าเหรินเจี้ยนจะชอบพื้นที่เหมืองเกิง แต่จากคำพูดของกวงเย้าเขาก็พอรู้ได้ว่าทรัพยากรทางด้านการเงินของกวงเย้านั้นไม่ด้อยกว่าเขาเท่าไรเลยเป็ไปตามที่คิดไว้ ผู้เชี่ยวชาญนี่มีมากมายเสียจริง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยอมแพ้ก่อนจะพูดว่า "ผมก็ชอบเหมืองเกิงเหมือนกัน"
โจวเฉียนชานหัวเราะเสียงดังก่อนจะพูดว่า"ในเมื่อทั้งสองมีความคิดเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นผู้ใดให้ราคาสูงกว่าก็ได้รับไป"
ใบหน้าของกวงเย้าเหรินเจี้ยนพลันดุดันขึ้นเล็กน้อยแน่ใจหรือว่าจะตัดสินใจแบบนี้ นี่มันเหมือนถูกโจรปล้นตอนที่บ้านกำลังถูกไฟไหม้เลยนะ จะให้ถอยหรือไม่มีวันก่อนจะตอบด้วยเสียงอันเย็นเยียบว่า "ผมให้ 810,000 เหรียญทอง"
"840,000เหรียญทอง" ฉินโจ้วเพิ่มราคาตามในทันที ซึ่งต่างจาก กวงเย้าเหรินเจี้ยนเพราะว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเหมืองเกิงสร้างมูลค่าได้เท่าไรซึ่งต้องชนะอย่างเดียวเท่านั้น
"850,000เหรียญทอง" กวงเย้าเพิ่มเข้าไปอีก 10,000 เหรียญทองเขารู้ว่าความสามารถทางการเงินของเขานั้นไม่สามารถซื้อเหมืองทั้งหมดได้แต่นี่มันเป็เหมือนการพนันชนิดหนึ่ง ถ้าเขาซื้อเพียงแค่ส่วนเดียวเนื่องจากการพนันนั้นมีทั้งแพ้และชนะ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างระมัดระวัง
"900,000เหรียญทอง" ฉินโจ้วตอบในทันที
กวงเย้าเหรินเจี้ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะไม่ะโเสนอราคาต่อเขามีความรู้สึกว่าถึงแม้ว่าเขาจะให้ราคาที่ 1.8 ล้านเหรียญทองฉินโจ้วก็คงยังสู้ราคาอยู่ดี ดังนั้นเขาเลยเป็ฝ่ายยอมแพ้
"ท่านนายอำเภอข้า้าจะซื้อเหมืองอู้กับจี่ ไม่ทราบว่าท่านพอจะลดราคาให้ข้าได้บ้างหรือไม่?"กวงเย้าเหรินเจี้ยนยอมถอยแต่เขาก็มีเป้าหมายถัดไปแล้ว
โจวเฉียนชานยิ้มก่อนจะกล่าวว่า"สำหรับอำเภอเรา ข้าจะให้ราชองครักษ์ 34 คน เลเวล 80ไปช่วยเพื่อรักษาความปลอดภัย"
เมื่อกวงเย้าเหรินเจี้ยนได้ยินว่าจะได้ของขวัญเป็ทหารองครักษ์มาคุ้มกันใบหน้าของเขาก็พลันมีรอยยิ้มเยาะขึ้นมาเล็กน้อยแต่เมื่อได้ยินว่าทหารทั้งหมดนั้นเลเวล 80เขากลับมีสีหน้าที่แสดงอาการประหลาดใจในทันที องครักษ์เลเวล 80 นี่มันอะไรกันแทบจะไม่มีใครเทียบได้ใน่แรกเลย พวกเขาน่าจะสามารถจัดการบอส ได้ และยังมีถึง 34คน นี่มันใกล้เคียงกับพลังของกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นมา
"ขอบคุณมากท่านนายอำเภอ"กวงเย้าเหรินเจี้ยนตอบ
หลังจากกวงเย้าเหรินเจี้ยนได้ออกไปกงซุนหลิวก็ยังคงยืนยิ้มอยู่ เมื่อนึกถึง 3.4 ล้านเหรียญทองมันเป็การค้าก้อนใหญ่ทีเดียว
เมื่อไม่มีกวงเย้าเหรินเจี้ยนอยู่เกะกะฉินโจ้วก็สามารถซื้อเหมืองได้สำเร็จ เขาใช้เงิน 1.5 ล้านเหรียญทอง เพื่อซื้อเหมืองเกิงเหมืองซินและพื้นที่บริเวณป่าเอลฟ์ ซึ่งพื้นที่ป่าเอลฟ์นั้นเป็สี่เหลี่ยมจัตุรัสมีความยาวด้านละประมาณ 100 กิโลเมตร ราคาอยู่ที่ 100,000 เหรียญทองโจวเฉียนชานเป็คนที่ใจกว้างมาก เพราะไม่เพียงแต่ยกพื้นที่ให้ ฉินโจ้วเท่านั้น แม้แต่ต้นไม้และสมุนไพรบนพื้นดินเขาก็ยกให้ด้วยเหมือนซื้อหนึ่งแถมฟรีให้อีกหนึ่งและยังให้ทหารองครักษ์เลเวล 80 มาอีก 15 คน
ที่เป็เื่ที่น่าประหลาดใจสำหรับฉินโจ้วก็คือเขาเพิ่งใช้ค่าชื่อเสียงไปเพียง 200 แต้มเท่านั้นซึ่งมันน้อยกว่าการซื้อร้านในเมืองเสียอีก เขาเคยกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนชื่อเสียงแต่เมื่อเขาออกจากที่ว่าการ จำนวนเงินของเขาเหลือเพียงแค่ 1,513,826 เหรียญทองอย่างไรก็ดีฉินโจ้วเชื่อว่าจำนวนเงินจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้นี้