เซวียเสี่ยวหรั่นยกนิ้วขึ้นมานับ ออกเดือนทางเดือนหนึ่ง ผ่านไปราวสองเดือนตอนนี้ก็น่าจะเข้าเดือนสามแล้ว
เดือนสามตามปฏิทินจันทรคติเท่ากับเดือนเมษายนตามปฏิทินสากล
มารดามันเถอะ! ฤดูร้อนใกล้จะมาถึงแล้ว
พวกเธอยังติดอยู่ในป่าเฮงซวยแห่งนี้ แล้วจะไม่ให้คนหงุดหงิดจนแทบบ้าได้อย่างไร
เธอถลึงตาใส่ต้นไม้เขียวขจีทั่วป่าเ่าั้ด้วยความขุ่นเคือง ก่อนปีนลงมาจากต้นไม้ เดินไปหาเหลียนเซวียนด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว
"ยังไม่เห็นมีควันไฟของครัวเรือนเหมือนเดิม" เซวียเสี่ยวหรั่นถอนหายใจอย่างวิตกกังวล "เขาเยว่หลิงซันอะไรนี่ ทำไมถึงกว้างใหญ่นัก พวกเราคงไม่ได้มาผิดทางหรอกนะ"
เหลียนเซวียนนิ่งงัน เดินไปตามกระแสน้ำ ทิศทางไม่ผิด
แต่ความเร็วของเขาช้ามาก วันหนึ่งเดินได้ไม่ถึงสี่ห้าลี้ [1] ด้วยซ้ำ ดวงตาหม่นแสงของเหลียนเซวียนหลุบลง
"หากไม่ได้จริงๆ พวกเราก็สร้างแพไม้สักลำแล้วล่องไปตามกระแสน้ำดู" เซวียเสี่ยวหรั่นจดจ้องไปที่แม่น้ำกว้างใหญ่ เอ่ยวาจาเด็ดขาด
เหลียนเซวียนตวัดหางตาใส่ เมื่อสองวันก่อนใครก็ไม่รู้แค่เห็นแก่งน้ำเชี่ยวกรากเข้าหน่อยก็กรีดร้องไม่หยุด
เพิ่งผ่านมาได้ไม่เท่าไรก็ลืมสิ้นแล้วหรือ
เซวียเสี่ยวหรั่นถูกมองด้วยหางตาก็รู้สึกกระดาก ดับความคิดที่เพิ่งผุดขึ้นมาทันที
เธอว่ายน้ำได้แค่งูๆ ปลาๆ ในสถานการณ์ที่ไม่มีเสื้อชูชีพ ถ้าพบกับแก่งน้ำเชี่ยว ต้องเอาชีวิตไม่รอดแน่ๆ
มือและเท้าของเหลียนเซวียนไม่มีแรง อาเหลยก็เป็แค่ลิงตัวหนึ่ง เหอะๆ เธอก็พูดไปอย่างนั้นเองล่ะ
เซวียเสี่ยวหรั่นหยุดทำอาหาร เบะปากเดินลากเท้าอุ้มกระบุงเดินไปข้างหน้า
อากาศเปลี่ยนเป็อบอุ่น ของในกระบุงก็เยอะขึ้น
เสื้อกั๊กหนังไม่ต้องสวมแล้ว แต่เธอไม่ได้โยนทิ้ง หนังวัวหนังเลียงผาน่าจะแลกเป็เงินได้ อีกอย่าง ตอนนี้อากาศยังค่อนข้างเย็น เอาไว้สวมให้ความอบอุ่นตอนกลางคืนก็ได้
หนังผืนเดิมยังเก็บไว้อยู่ มีหนังกวางกับหนังกระต่ายเพิ่ม รวมถึงเขากวางอีกหนึ่งคู่
ั้แ่ครั้งก่อนที่ล่ากวางมาได้ตัวหนึ่ง เนื้อกวางสูญเปล่าไปกว่าครึ่ง พวกเขาจึงไม่ล่าสัตว์ใหญ่อีก
ส่วนมากจึงล่าแต่สัตว์เล็กๆ เช่นไก่ป่า ห่านป่า หรือไม่ก็กระต่ายป่า
ล่าได้เยอะ หนังกระต่ายก็เพิ่มขึ้นมาก กระบุงยิ่งหนักกว่าเดิม
เห็นนางเก็บรวบรวมหนังสัตว์ เหลียนเซวียนก็รู้เจตนาของนาง จึงบอกโดยอ้อมไปว่าหนังกระต่ายไม่ค่อยมีมูลค่าเท่าไร
แต่หนังฟอกเสร็จหมดแล้ว ซ้ำยังแบกติดตัวมาไกลขนาดนี้ เซวียเสี่ยวหรั่นจะตัดใจทิ้งลงคอได้อย่างไร
เหลียนเซวียนนึกละเหี่ยใจ ต่อมายามล่าสัตว์จึงพยายามไม่ล่ากระต่าย นางจะได้ไม่ต้องกักตุนแต่หนังกระต่าย ไม่ต้องเปลืองแรงขนย้าย
ในกระบุงไม่ได้สะสมแต่หนังสัตว์ ยังมีหลิงจืออีกหลายต้น
ไม่ผิด เป็เห็ดหลิงจือ
เมื่อสองสามวันก่อน เซวียเสี่ยวหรั่นไปแถวเชิงเขา พบกับต้นหลิงจือสีน้ำตาลแดงต้นหนึ่งโดยบังเอิญ ก็ดีใจจนเนื้อเต้น กอบกุมต้นหลิงจือในมืออย่างมีความสุขอยู่เป็เวลานาน
ปรากฏว่าพอค่ำหน่อย ไม่รู้ว่าอาเหลยไปเด็ดต้นหลิงจือแบบเดียวกันมาจากไหนกลับมาด้วย แล้วมอบให้เธอดังสมบัติล้ำค่า
เซวียเสี่ยวหรั่นตื่นเต้นดีใจอุ้มอาเหลยมากอดรัดฟัดเหวี่ยงยกใหญ่
หลิงจือเชียวนะ ของล้ำค่าขนานแท้เลย
เหลียนเซวียนถามลักษณะสีสันของหลิงจือ หลังจากนั้นก็ลองััดู กล่าวเรียบๆ ว่า เป็หลิงจือธรรมดาทั่วไป ไม่นับว่าล้ำค่าอะไร
เซวียเสี่ยวหรั่นอึ้งไปพักใหญ่ หลิงจือยังไม่ล้ำค่าอีกหรือ?
เหลียนเซวียนอธิบายว่า หลิงจือม่วง หลิงจือแดง หลิงจือดำล้วนเป็ชนิดที่มีมากที่สุดในท้องตลาด ถ้าอยากจะขายได้ราคาดี ต้องดูที่อายุ คุณภาพ และสรรพคุณทางยาของพวกมัน
หลิงจือสองต้นในมือเธอเป็หลิงจือแดง อายุไม่มาก คุณภาพก็ด้อย ขายไม่ได้ราคา
เซวียเสี่ยวหรั่นะเืใจอย่างแรง ลูบเห็ดหลิงจือพลางแค่นเสียงด้วยความคับข้องใจ "โลกช่างโหดร้าย ขนาดเห็ดหลิงจือยังไม่มีค่าอีกหรือนี่ ดูท่าคงมีแต่โสมคนที่ยังทรงคุณค่าเสมอ เสียดาย ข้าไม่รู้ว่าใบของโสมคนหน้าตาเป็อย่างไร"
หลิงจือเห็นทีเดียวก็รู้ว่าเป็หลิงจือ แต่โสมคนฝังอยู่ใต้ดิน ใบของมันเป็อย่างไร เซวียเสี่ยวหรั่นไหนเลยจะจำได้
เหลียนเซวียนได้ยินเช่นนั้น ก็สาธยายลักษณะของโสมคนให้เธอฟัง ลำต้นยาว ใบเป็รูปคล้ายฝ่ามือสีเขียวเข้ม มีสามแฉก ห้าแฉก เก้าแฉก
เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขาเขียนอักษร ใช้เวลาจดจำอยู่นาน หลังจากนั้นก็ลองไปค้นหาในป่า แต่น่าเสียดาย ใบไม้สีเขียวในป่ามีมากมายเธอมองจนตาลาย ใบห้าแฉก เก้าแฉกอะไรนั่นเธอแยกไม่ออก
หาอยู่สองสามวัน ในที่สุดเซวียเสี่ยวหรั่นก็ยอมแพ้
สายตาของเธอดีขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย แต่สิ่งที่เข้าตาล้วนมีแต่สีเขียว อยากจะหาใบของโสมคนที่เธอไม่รู้จัก ไม่ง่ายเลยสักนิด
ดังนั้นเธอจึงเก็บแต่หลิงจือต่อไปแต่โดยดี แม้ขายไม่ได้ราคา แต่อย่างน้อยก็ยังมีราคาให้ขายได้ ยุงแม้จะเล็กอย่างไรก็ยังมีเนื้อ เก็บเล็กผสมน้อยได้ก็ยังดี
หลังจากนั้นสองวัน อาเหลยก็เก็บเห็ดหลิงจือแบบใหม่ๆ มาให้เธอไม่เว้นแต่ละวัน
แต่หลังจากให้เหลียนเซวียนตรวจสอบแล้วก็พบว่า หลิงจือที่อาเหลยเอากลับมา ส่วนมากเป็ 'ซู่เสอ' ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับหลิงจือ แต่ไม่ใช่
เซวียเสี่ยวหรั่นถือต้นซู่เสอขนาดใหญ่อย่างอึ้งงัน เ้าของสิ่งนี้ดูคล้ายคลึงกับหลิงจือมากจริงๆ มิน่าเล่าอาเหลยถึงจำผิด
โชคดีที่ในนั้นยังมีหลิงจือแท้อยู่สามดอก หลิงจือม่วงหนึ่งดอก หลิงจือแดงหนึ่งดอก หลิงจือดำหนึ่งดอก
หลิงจือดำหนึ่งในนั้น ได้รับคำชมจากเหลียนเซวียนว่าอายุเหมาะสม คุณลักษณะก็ดี มีมูลค่าสูงสุดในบรรดาเห็ดหลิงจือที่เธอมี
เซวียเสี่ยวหรั่นประคองหลิงจือดำดอกใหญ่ด้วยความตื่นเต้นแทบพูดไม่ออก
เย็นวันนั้นจึงย่างไก่ป่าตัวหนึ่งเป็รางวัลให้อาเหลย
"เอ้า" อาเหลยมีผลงานชิ้นใหญ่ นี่เป็ของรางวัลของเ้า"
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มหวานพลางฉีกน่องไก่น่องใหญ่ให้อาเหลย
อาเหลยได้กลิ่นหอมฉุยของน่องไก่ก็น้ำลายสอ รีบรับน่องไก่ไปแทะกินทันที
"เหลียนเซวียน น่องนี้ให้ท่าน แทนคำขอบคุณที่ช่วยพิสูจน์หลิงจือเหล่านี้ มิเช่นนั้นซู่เสอคงปนกับหลิงจือ หนักจนทับข้าตายได้เลย ฮ่าๆ"
เซวียเสี่ยวหรั่นฉีกน่องไก่ส่งให้เหลียนเซวียน
เหลียนเซวียนรับมาเงียบๆ หากซู่เสอเ่าั้เป็หลิงจือ ด้วยอุปนิสัยของนาง ต่อให้หนักแทบตาย นางก็เสียดายทิ้งไม่ลง
"ฮิฮิ แม้หนทางภายหน้ายังไม่แน่นอน แต่ดีชั่วอย่างไรก็ต้องสะสมต้นทุนไว้ก่อน หลังออกจากูเาได้ยามเข้าตาจนในมือไม่มีอะไรสักอย่าง เงินหนึ่งอีแปะยังล้มวีรบุรุษได้ ถ้าไม่มีเงินจะทำอย่างไร"
ออกจากูเาไปแล้ว จะไปที่ไหนล้วนต้องใช้เงิน อย่าว่าแต่อะไร จอมยุทธ์ผู้นี้ยังต้องพิษ ต้องเชิญหมอมารักษา หากไม่มีเงินจะเชิญหมอมาอย่างไร
กินข้าว ที่อยู่อาศัย ซื้อเสื้อผ้าล้วนต้องใช้เงินทั้งสิ้น การเข้าสู่สังคมหากไม่มีเงินคิดจะเดินครึ่งก้าวก็ยังยาก
เหลียนเซวียนแทะน่องไก่ไปเงียบๆ ในอดีตเขาไม่เคยต้องกังวลเื่เงินทอง จนเกือบลืมไปว่าตอนนี้ตนเองไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียว
ในป่าดงดิบกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ ของล้ำค่าหายากมีไม่น้อย แต่เสียดายที่ตอนนี้เขาทั้งตาบอดและเป็ใบ้ ทองทั้งก้อนตกอยู่ใต้หนังตาก็ยังเก็บไม่ได้
เหลียนเซวียนเยาะหยันตนเอง
เช้าวันต่อมา เซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งนั่งจ้องหลิงจือดำดอกนั้นอยู่ครึ่งคืน ก็ออกเดินทางต่ออย่างกระตือรือร้น
ของที่ค่อยๆ เก็บสะสมมาตลอดทาง หลังออกจากูเา ก็คงพอหาทุนรอนตั้งตัวได้
ฮิฮิ เซวียเสี่ยวหรั่นอารมณ์ดี กระบุงสองใบที่แบกอยู่เบาไปถนัดตา
ตอนนี้นางผอมแล้วก็จริง แต่เรี่ยวแรงกลับมากกว่าเดิม
กระบุงใบหนึ่งสะพายบนหลัง อีกใบอุ้มอยู่ในวงแขน แต่ก็ยังไม่รู้สึกเหนื่อยเกินไปนัก
ระหว่างที่เดินๆ หยุดๆ ก็ยังมีเวลาไปเด็ดดอกไม้ใบหญ้า
กลิ่นอายวสันต์กำลังเข้มข้น ผืนป่าเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แสงตะวันเจิดจ้าสาดส่องลงมาให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
ใกล้เวลาเที่ยงวัน เซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มหาที่พัก
สถานที่ที่พักอยู่ตอนนี้เป็ช่องเขาแห่งหนึ่ง มีเขาสูงลูกหนึ่งขวางกั้นริมแม่น้ำอยู่ พวกเขาต้องอ้อมเขาลูกนี้เพื่อมุ่งหน้าต่อไป
ที่นี่เป็ที่ราบซึ่งอยู่ระหว่างเขาสูงสองลูก
เซวียเสี่ยวหรั่นวางกระบุงใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนหันไปหาดูว่าแถวนั้นมีแหล่งน้ำหรือไม่
ทันใดนั้นพุ่มไม้ด้านหน้า ก็มีกระต่ายป่าวิ่งตัดหน้าจากด้านขวาไปด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว
เซวียเสี่ยวหรั่นมองตาปริบๆ ไม่ถูกทำให้ใ เพียงแต่ก็น่าแปลก มันจะวิ่งเร็วขนาดนั้นไปทำไม
มีอะไรตามหลังมันอยู่หรือ?
เซวียเสี่ยวหรั่นชำเลืองมอง ก็ไม่เห็นว่ามีสิ่งใดผิดปรกติ เธอหันไปยิ้มกับเหลียนเซวียนที่กำลังเดินมา ขณะที่เธอกำลังจะพูด
เหลียนเซวียนกลับหน้าถอดสี
...
[1] ลี้ หรือ หลี่เป็หน่วยวัดความยาวจีนมีค่าเท่ากับห้าร้อยเมตร