“ฆ่า ฆ่า ฆ่า!”
“เย่ชิงหานไร้เทียมทาน!”
“เย่ชิงหานอายุยืนหมื่นๆ ปี!”
คำพูดปลุกเร้าของเย่ชิงหานยิ่งทำให้ขวัญกำลังใจของทหารทั้งเก้าหมื่นคนพุ่งสูงขึ้นจนถึงขีดสุด สิ่งที่เขาพูดออกมาทหารทุกคนฟังแล้วยิ่งยินดีมากขึ้นไปอีก พวกเขาแค่สู้กับพวกทหารระดับธรรมดาทั่วไปก็พอ ระดับนายพลนายพันให้เย่ชิงหานจัดการไปคนเดียว การสู้รบเช่นนี้เพิ่งเคยมีครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าพวกเขายินดีเป็อย่างมาก ดังนั้นสำหรับศึกที่กำลังจะเริ่มขึ้นพวกเขาจึงยิ่งเฝ้ารออย่างตื่นเต้นดีใจ
“อืม! ตั้งกระโจมที่พักอยู่กับที่ พรุ่งนี้ออกเดินทางไปทุ่งหญ้าสีเื!” หลงไซ้หนานออกคำสั่งสุดท้ายออกมา ทหารทั้งหมดเริ่มลงมือดำเนินการขึ้น ผ่านไปสักพักกระโจมใหญ่มากมายปรากฏเด่นขึ้นมาบนทุ่งราบ จากนั้นควันไฟที่ใช้ในการหุงหาอาหารลอยปกคลุมไปทั่วค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราว
.................................
วันรุ่งขึ้น แสงอรุโณทัยเพิ่งจะสาดส่องออกมาให้เห็นรำไร ควันไฟเริ่มลอยขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากหุงหาอาหารกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ หลงไซ้หนานออกคำสั่งลงมาให้กองทัพออกเดินทางมุ่งสู่ทุ่งหญ้าสีเื
ทุ่งหญ้าสีเือยู่บริเวณใจกลางเกาะแห่งความมืดมิด ทั้งสี่ทิศถูกโอบล้อมด้วยป่ามายาพิศวง ภายในป่ามายาพิศวงมีถนนใหญ่สามสายที่มุ่งตรงมายังทุ่งหญ้าสีเื ถนนค่อนข้างใหญ่และราบเรียบ และแน่นอนว่าไม่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายล่องหน ทำให้ทหารของทั้งสามเผ่ารีบเร่งเดินทางมายังทุ่งหญ้าสีเืเพื่อเข้าร่วมศึกใหญ่ตัดสินสุดท้ายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
กองทัพเคลื่อนพลมาอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่ห้าวันก็เดินทางมาถึงทุ่งหญ้าสีเืได้ เนื่องจากบนถนนไม่ได้มีอุปสรรคใดๆ ขวางกั้นและไม่ได้พบเจอกับนักรบของต่างเผ่า แน่นอนว่าการเคลื่อนพลของกองทัพที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ด้วยไม่น้อย
เมื่อมองเห็นที่ราบเบื้องหน้าที่มีสีแดงราวกับสีเื ทุกคนล้วนตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น แม้จะรู้กันดีว่าทุ่งหญ้าสีเืจะต้องเป็สีแดงอย่างแน่นอน แต่เมื่อทุกคนได้เห็นทุ่งหญ้าสีเืเบื้องหน้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตาจนมองหาจุดสิ้นสุดไม่เจอนั้นก็ยังคงถูกทำให้ตกตะลึงอยู่ดี
“ทุ่งหญ้าสีเืเดิมทีไม่ได้มีชื่อว่าทุ่งหญ้าสีเื แต่เนื่องจากว่าหลายพันปีมานี้ผู้คนล้มตายอยู่ที่นี่มากมายเกินไป เืไหลนองดั่งสายน้ำย้อมหญ้าที่เคยเขียวขจีจนกลายพันธุ์เป็สีเือย่างที่เห็น...” เยว่ชิงเฉิงที่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ เย่ชิงหานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปนความเศร้าสลดเล็กน้อย
ภายในใจเย่ชิงหานเองก็บังเกิดความรู้สึกเศร้าสลดและอารมณ์แปลกๆ ขึ้นมา หลายพันปีที่ผ่านมา งานประลองาระหว่างเขตปกครองทุกๆ สามสิบปีจะมีขึ้นครั้งหนึ่ง งานประลองาระหว่างเขตปกครองของผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิมีผู้เข้าร่วมทั้งหมดสามแสนคน งานประลองาระหว่าเขตปกครองแบบตะลุมบอนไม่จำกัดพลังฝีมือมีผู้เข้าร่วมทั้งหมดหกแสนคน อาจจะพูดได้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ทุกรุ่นอายุในทวีปัเพลิงล้วนต้องทำการต่อสู้กันบนทุ่งหญ้าสีเืแห่งนี้ ล้วนต้องเสียเืเนื้อกันที่นี่ แท้จริงแล้วทั้งสามเผ่าพันธุ์มีความแค้นฝังลึกต่อกันมากมายขนาดนั้นเลยหรือ? หากสู้รบกันเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ หากเข่นฆ่ากันเข่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ มีแต่จะทำให้ความอาฆาตแค้นยิ่งฝังลึกกันมากยิ่งขึ้น เืยิ่งหลั่งรินยิ่งเยอะทุ่งหญ้าสีเืยิ่งนานยิ่งแดงขึ้นทุกที
การกระทำเช่นนี้มันมีความหมายอะไร? ตำแหน่งชื่อเสียงเกียรติยศเขตปกครองระดับสูงที่ได้รับมันสำคัญขนาดนั้นเชียวรึ? เครื่องบรรณาการเพียงน้อยนิดที่ได้ทุกๆ ปีมันมีค่ามากเพียงใด? การได้ฆ่าคนมันน่าสนุกมากถึงเพียงนั้นหรืออย่างไร?
ในเวลานี้ภายในใจของเย่ชิงหานเริ่มรู้สึกเกิดความสงสัยขึ้นมาต่อการมีอยู่ของงานประลองาระหว่างเขตปกครอง รู้สึกสงสัยต่อวัตถุประสงค์ของนครแห่งเทพที่เป็ผู้กำหนดงานประลองาระหว่างเขตปกครองขึ้นมา เขาถึงกับสงสัยว่าบนท้องฟ้าเหนือศีรษะของเขามีดวงตาที่เ็าไร้ความรู้สึกคู่หนึ่งกำลังจ้องมองดูที่นี่อยู่ เฉกเช่นคนที่กำลังยืนมองดูฝูงมดที่กำลังเข่นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงเศษอาหารเล็กน้อยด้วยสายตาที่สนุกสนาน
“ไปกันเถอะ! กฎที่นครแห่งเทพตั้งขึ้นมา ถ้าไม่เข้าร่วมสู้ศึกนครแห่งเทพและอีกสองเขตปกครองจะร่วมกันยกทัพมาทำลายล้าง งานประลองาระหว่างเขตปกครองไม่เข้าร่วมไม่ได้! พวกเราต้องชนะเพียงเท่านั้น!” เยว่ชิงเฉิงมองเห็นสายตาที่เ็าไร้ความรู้สึกและความเศร้าสลดของเย่ชิงหาน เหมือนจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่จึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแ่เบา
เสียงสัญญาณจากเขาสัตว์ดังขึ้น ปากทางเข้าถนนสองสายที่ห่างไกลออกไปเริ่มปรากฏเงาร่างของนักรบต่างเผ่าขึ้น เย่ชิงหานลอบถอนหายใจออกมา ยิ้มเยาะให้กับตนเองแล้วจึงออกเดินตามกองทัพใหญ่มุ่งหน้าสู่ใจกลางทุ่งหญ้าสีเืไป
ฐานที่มั่นเทพแห่งความตายและฐานที่มั่นเทพแห่งิญญาความจริงแล้วไม่ใช่ผืนแผ่นดินราบเรียบที่ถูกกำหนดไว้แต่อย่างใด ถ้าจะพูดให้ถูกจริงๆ คือ เป็ูเาเทพแห่งความตายและูเาเทพแห่งิญญา แม้ว่าฐานที่มั่นทั้งสองที่จะมีความสูงกว่าพื้นที่ราบของทุ่งหญ้าสีเืเพียงสองเมตรกว่าก็ตาม
“ฐานที่มั่นรูปสามเหลี่ยมที่อยู่ด้านซ้ายมือคือฐานที่มั่นเทพแห่งความตาย ส่วนฐานที่มั่นรูปทรงกลมข้างๆ ที่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรนั่นคือฐานที่มั่นเทพแห่งิญญา!”
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นทัพใหญ่ก็เดินทางมาถึงยังใจกลางทุ่งหญ้าสีเื เยว่ชิงเฉิงเริ่มพูดอธิบายให้เย่ชิงหานฟัง จากการพูดคุยทำความรู้จักกันมาหลายเดือนจึงได้รู้ว่าั้แ่เด็กเย่ชิงหานไม่เป็ที่โปรดปรานนักตอนที่อยู่ตระกูลเย่ และรู้ว่าในตอนเดินทางเย่ชิงหานล้วนใช้เวลาในการฝึกฝนอยู่ตลอดจึงไม่มีเวลามาศึกษาทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้
เย่สือซานและเย่สือชีที่อยู่ข้างๆ เห็นเยว่ชิงเฉิงพูดอธิบายให้เย่ชิงหานฟังอย่างละเอียด พวกเขาต่างยินดีเป็อย่างยิ่งที่มีคนทำหน้าที่แทนให้จึงหันไปพูดคุยโม้กับเฟิงจื่อและฮวาซินขึ้น แต่เย่ชิงอู่ที่อยู่ข้างๆ พวกเย่สือซานสีหน้าดูหงอยเหงาเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นนางก็พูดและทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่เพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่นบนใบหน้าสวยน่ารักนั้น
เย่ชิงหานไม่ได้ให้ความสนใจต่อฐานที่มั่นทั้งสองแห่งสักเท่าใดนัก แต่กลับมองไปที่กองทัพขนาดใหญ่สองขบวนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
ขบวนทัพใหญ่ทั้งสองคือกองทัพของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อน เห็นได้ชัดว่าทั้งสองทัพเตรียมที่จะแย่งชิงฐานที่มั่นเทพแห่งความตาย แต่เพราะเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปยึดครองฐานที่มั่นรูปสามเหลี่ยมสีเืนั้น ทำเพียงจับจ้องตาเป็มันอยู่ข้างๆ เท่านั้นเอง
“เหอะๆ! ไปบอกแม่นางหลงไซ้หนานว่าพวกเราจะไปปักหลักที่ฐานที่มั่นเทพแห่งิญญา อีกอย่างส่งคนไปบอกหมันก้านและเผ่าปีศาจว่าพวกเราไม่แย่งชิงฐานที่มั่นเทพแห่งความตาย แต่ถ้าหากพวกมันมีใครกล้าบุกมาโจมตีพวกเรา ข้าผู้นี้จะไปตัดหัวผู้บัญชาการใหญ่ของพวกมันเป็คนแรก!”
เย่ชิงหานยิ้มอ่อนออกมาพร้อมกับหันไปบอกเย่สือซาน ดวงตาปรากฏแสงแห่งความเ้าเล่ห์ขึ้น
“ได้เลย!” เย่สือซานหัวเราะแหะๆ ออกมารีบสั่งการคนให้ไปจัดการ ชั่วครู่ทหารสองนายที่เชี่ยวชาญด้านภาษาของทั้งสองเผ่าเดินถือธงขาวมุ่งหน้าตรงไปหาเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อน
หลงไซ้หนานได้รับข้อความจากเย่ชิงหานจึงได้ออกคำสั่งให้กองทัพเคลื่อนพลไปยังฐานที่มั่นเทพแห่งิญญาโดยไม่ต้องสนใจกองทัพของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนที่อยู่ด้านข้าง
ทุกคนเริ่มเคลื่อนพลขึ้นด้วยความรวดเร็ว เดินบ่ายหน้าไปทางฐานที่มั่นเทพแห่งิญญาอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรและยโสโอหังโดยไม่เกรงกลัวใดๆ
.................................
หมันก้านและผู้นำชั่วคราวคนใหม่ของเผ่าปีศาจปีศาจจิ้งจอกต่างมองดูด้วยสายตาที่โง่งม กองทัพของเขตปกครองเทพาเดินบ่ายหน้าไปยังฐานที่มั่นเทพแห่งิญญาหน้าตาเฉย แถมยังเริ่มปักหลักตั้งกระโจมพักขึ้นมา พวกเขาต่างรู้สึกสงสัยและไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้รับข้อความจากคนของเขตปกครองเทพาที่มาส่งข่าวพวกเขายิ่งไม่เข้าใจหนักมากขึ้นกว่าเก่า
ความจริงแล้วที่พวกเขาทำท่าทางเตรียมตัวจะโจมตีฐานที่มั่นเทพแห่งความตายก็แค่ทำท่าทางไปอย่างนั้นเอง ให้พวกเขาไปแย่งฐานที่มั่นเทพแห่งความตายตัดหน้าเย่ชิงหาน ตีให้ตายอย่างไรก็ไม่กล้าที่จะทำ ร่างไร้ิญญาของเยาขาข่าที่ยังคงถูกเก็บรักษาไว้ในค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวของเผ่าปีศาจเป็เครื่องเตือนสติได้อย่างดีที่สุด
เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือฐานที่มั่นเทพแห่งิญญา ที่ต่างจัดขบวนทัพกันด้วยท่าทางเช่นนี้ก็เพื่อรอให้ทัพของเขตปกครองเทพามาถึง จากนั้นถือโอกาสถอยร่นกลับไปเพื่อให้เกียรติแก่เขตปกครองเทพา เพื่อไม่ให้คนของเขตปกครองเทพาโจมตีใส่พวกเขา ดูเอาว่าพอเ้ามาพวกข้าต่างก็ถอยให้เกียรติเ้าถึงเพียงนี้ เป็ผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องมีน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ดังนั้นคงไม่มาไล่เข่นฆ่าพวกข้าอีกหรอกใช่ไหม?
เพียงแต่...เขตปกครองเทพากลับไม่แย่งฐานที่มั่นเทพแห่งความตาย ตรงกันข้ามกลับไปยึดครองฐานที่มั่นเทพแห่งิญญาแทน แล้วปล่อยให้พวกข้าทั้งสองเผ่าไปแย่งชิงกันเอง? มันเกิดอะไรขึ้น? คิดว่าพวกเขากล้าที่จะไปยึดครองฐานที่มั่นเทพแห่งความตายรึ?
ภายในใจของหมันก้านและปีศาจจิ้งจอกตัวเมียเต็มไปด้วยความสงสัยและความกังวลอย่างหนัก แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะไปยึดครอง เพราะเมื่อถึงเวลานั้นเย่ชิงหานเคลื่อนพลบุกมาโจมตีตลบหลังพวกเขาจะทำอย่างไรได้
ดังนั้นพวกเขาต่างไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว ไม่สามารถเดินหน้าและไม่สามารถถอยหลัง ทำได้แค่เพียงปักหลักตั้งมั่นอยู่กับที่เพียงเท่านั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้