เหนียนอีหลานยังมิทันเอ่ยจบ พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น อนุสองลู่ซิวหรงเยื้องย่างบิดเอวบิดสะโพกก้าวเดินเข้ามาทางประตูอย่างช้าๆ ใบหน้าแฝงรอยยิ้ม
สีหน้าหนานกงเยวี่ยอารมณ์ขุ่นมัวเล็กน้อย นางกะพริบตาส่งสัญญาณให้เหนียนอีหลานหยุดพูด
ลู่ซิวหรงเป็คนหนึ่งที่มีสายตาเฉียบแหลม ครั้นก้าวเดินเข้ามา เห็นสีหน้าของเหนียนอีหลานผิดปกติ นางจึงหัวเราะยิ้มแย้มออกมา “อนุสมควรตาย เร็วหรือช้า อนุผู้ต่ำต้อยคนนี้ก็มิควรมายามที่แม่ลูกพูดคุยกัน แท้จริงแล้ว...”
“เ้ามาทำอะไร?” หนานกงเยวี่ยไม่ชอบลู่ซิวหรงที่สุด นางปรายสายตามองลู่ซิวหรงอย่างเ็าและตัดบทคำพูดนาง
ลู่ซิวหรงเห็นสายตารังเกียจในดวงตาหนานกงเยวี่ย ทว่ากลับไม่รู้สึกขุ่นเคืองใจ นางถอนหายใจออกมา “ฮูหยิน มิใช่เพราะเื่ของฮูหยินหรือไรที่อนุต้องมาที่นี่? แขกที่ฮูหยินเชิญมาล้วนมากันหมดแล้ว ทั้งเหล่าบรรดาอนุภรรยาทุกคนต่างอยู่ที่โถงจวนหมดแล้วเช่นกัน ฮูหยินท่านมิลองไปดูก่อนหรือ? จิ้นหวางเฟยเองก็มาด้วยนะ”
จิ้นหวางเฟยงั้นหรือ?
“แขกอะไรกัน?” ข้าชวนแขกมาที่จวนเมื่อใดกัน? หนานกงเยวี่ยขมวดคิ้ว จิ้นหวางเฟยเองก็อยู่ที่นี่งั้นหรือ? แม้นางจะเชิญแขกมาที่จวน ทว่าถึงอย่างไรนางไม่มีทางเชิญจิ้นหวางเฟยมาแน่!
ลู่ซิวหรงชะงักงันเล็กน้อย ผ่านชั่วครู่หนึ่ง จึงฝืนยกยิ้มออกมา “ฮูหยินชอบพูดเื่ตลกเสียจริง แขกเ่าั้หากมิใช่ฮูหยินที่เป็คนเชิญมา แล้วจะเป็ผู้ใดได้อีก? ฮูหยินแท้จริงช่างใจกว้าง ซิวหรงรู้สึกนับถือท่านอย่างยิ่ง คาดไม่ถึงเลยว่าจะ้าขออภัยท่านหญิงจ้าวอิ้งเสวี่ยต่อหน้าจิ้นหวางเฟย ทั้งยังเชื้อเชิญแเื่มาเป็พยานมากมาย น้ำจิตน้ำใจนี้ช่าง...”
“ช้าก่อน!” หนานกงเยวี่ยยิ่งฟัง สีหน้ากลับยิ่งบูดเบี้ยวไม่น่ามอง พลันเอ่ยขัดจังหวะลู่ซิวหรง “เ้าพูดถึงอะไร ขออภัยงั้นหรือ เ้าบอกว่าข้าอยากขออภัยจ้าวอิ้งเสวี่ยต่อหน้าจิ้นหวางเฟย? ข้าต้องขออภัยนางเื่ใดกัน?”
“หา ก็เื่วันนั้น มิใช่ว่าท่านไปตบหน้าท่านหญิงจ้าวอิ้งเสวี่ยหรืออย่างไร?” ลู่ซิวหรงยิ้มแย้มเบาบาง วันนั้นมิใช่ว่า 'หนานกงเยวี่ย' นางส่งสวีหว่านเอ๋อร์ไปขออภัยแทนแล้วหรือไร
ช้าก่อน...ครั้นพิจารณาจากคำพูดของหนานกงเยวี่ย...
ลู่ซิวหรงดูเหมือนจะจับอะไรผิดปกติบางอย่างได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบรรดาแขกที่มาเยือนวันนี้มิใช่หนานกงเยวี่ยเชื้อเชิญมา
เช่นนั้นหากมิใช่นาง แล้วเป็ผู้ใดเชิญมากันเล่า
ทันใดนั้น ภาพเงาร่างสตรีผิวขาวผุดขึ้นมาในหัวของลู่ซิวหรง จ้าวอิ้งเสวี่ยหรือ?
หึ หากเป็จ้าวอิ้งเสวี่ยจริง เช่นนั้นเื่นี้ชักจะน่าสนุกแล้วสิ
นางเองก็อยากจะเห็นเสียจริงว่าหนานกงเยวี่ยจะยอมก้มหัวได้อย่างไร ทว่ายามนี้...ยามนี้หากหนานกงเยวี่ยโดนบีบคั้นจนต้องก้มหัวให้ สิ่งนี้จะไม่ยิ่งทำให้เืไหลเวียนเดือดพล่านหรือ
“เหลวไหล!” หนานกงเยวี่ยลุกขึ้นยืนทันที ลู่ซิวหรงเข้าใจชัดเจนแล้วว่า นางต้องอยากรู้ว่าแท้จริงเกิดอะไรขึ้น
ต้องเป็จ้าวอิ้งเสวี่ยแน่นอน...ต้องใช่แน่!
นางคิดจะทำอะไร?
ขออภัยจ้าวอิ้งเสวี่ยต่อหน้าจิ้นหวางเฟยหรือ หรือว่าขออภัยต่อหน้าฮูหยินมากมายเ่าั้
จ้าวอิ้งเสวี่ย นางอยากเห็นสีหน้าของหนานกงเยวี่ยถูกย่ำยีจนติดพื้นหรือ?
ครั้นหนานกงเยวี่ยนึกถึงตรงนี้ พลันรู้สึกโกรธเกรี้ยวหอบหายใจจนหน้าอกขยับขึ้นลงอย่างรุนแรง นางทำได้อย่างไร จ้าวอิ้งเสวี่ย!
“ฮูหยิน ทุกท่านรออยู่ ท่านจะไปหรือไม่...”
“ไปไหนก็ไป” หนานกงเยวี่ยะโเสียงดังรุนแรง
จ้าวอิ้งเสวี่ยอยากเห็นหน้านางถูกย่ำยีกับพื้น นาง 'หนานกงเยวี่ย' จะต้องถูกนางเหยียบย่ำหรือ?
นาง 'หนานกงเยวี่ย' มิได้ต่ำต้อยเยี่ยงนั้น
“แต่บรรดาฮูหยินเ่าั้..." ลู่ซิวหรงเห็นความเกรี้ยวกราดของหนานกงเยวี่ย ในใจนางกลับรู้สึกยินดี ทว่าบนใบหน้ากลับฉายแววลำบากใจ "บรรดาฮูหยินเ่าั้ล้วนเป็ฮูหยินใหญ่ของจวนขุนนาง หากท่านไม่ไป และให้อนุภรรยาตัวเล็กเช่นข้ากับพี่น้องอนุคอยต้อนรับ เกรงว่าดูจะไม่มีมารยาทเท่าใดนัก"
“มารยาทหรือ? ส่งแขกพวกนั้น รวมถึงจิ้นหวางเฟยให้กลับไปเสีย” คนพวกนั้นล้วนเป็จ้าวอิ้งเสวี่ยที่เชื้อเชิญมา เพียงแค่พวกคนที่ตั้งใจจะมาดูงิ้วของนางเท่านั้น ยังต้องมีมารยาทอะไรกับพวกนางอีก
“นี่...”
“ส่งแขกอะไรกัน? ท่านต้องออกไปต้อนรับพวกเขาสิ!”
ลู่ซิวหรงกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้หนานกงเยวี่ยออกไป ทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทางประตู นางหันมองผู้มาเยือนตามสัญชาตญาณ ดวงตาพลันเปล่งประกายวาววาบ พวกเขามาแล้ว หนานกงเยวี่ยผู้นี้จะไม่ออกไปได้อย่างไร?
ทว่าเพียงชั่วครู่หนึ่งเท่านั้น ลู่ซิวหรงพลันเก็บอารมณ์ความรู้สึกที่ฉายในดวงตา นางย่อเข่าโค้งคำนับให้ผู้ที่ก้าวเดินเข้ามา "นายท่าน ฮูหยินผู้เฒ่า"
ผู้ที่เข้ามาคือเหนียนเย่าและฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน ทั้งสองต่างมีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
พวกเขามา...
ครั้นหนานกงเยวี่ยนึกถึงคำพูดของเหนียนเย่า สีหน้านางพลันย่ำแย่ไม่น่ามอง "นายท่าน ท่านแม่ แขกเ่าั้ล้วนเป็คนที่จ้าวอิ้งเสวี่ยเชื้อเชิญมา สตรีนางนั้นช่างร้ายกาจ อย่าว่าแต่ทรมานเฉิงเอ๋อร์ของข้าทุกวัน นางยังตบหน้าข้าอีกด้วย”
“ตบหน้าเ้าแล้วอย่างไร วันนั้นเ้าเองก็ตบหน้านางเหมือนกันมิใช่หรือ?” เหนียนเย่าเอ่ยด้วยอย่างเ็า นึกถึงฉากที่พวกนางทะเลาะกันในโถงใหญ่วันนั้น เขารู้ได้ทันทีว่า แม้จ้าวอิ้งเสวี่ยจะไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรใน่สองสามวันที่ผ่านมา ทว่านางไม่มีทางปล่อยเื่ที่ตบหน้านางในวันนั้นอย่างแน่นอน
ครั้นหนานกงเยวี่ยคิดถึงเื่นั้น ในใจนางยิ่งรู้สึกหดหู่ถึงขีดสุด นางรู้นิสัยของเหนียนเย่าดี เขาต้องบีบคั้นบังคับนางให้ออกหน้าไปรับหน้าแน่ ทว่า...
จ้าวอิ้งเสวี่ยกำลังรอให้นางออกไป นางจะยอมให้สตรีอัปลักษณ์นางนั้นได้สิ่งที่้าได้อย่างไร?
เมื่อเห็นฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน หนานกงเยวี่ยรีบก้าวไปด้านหน้าทันที “ท่านแม่ เยวี่ยเอ๋อร์รู้ตัวดีว่าวันนั้นเยวี่ยเอ๋อร์ทำผิดที่ตบจ้าวอิ้งเสวี่ย ทว่าสองสามวันที่ผ่านมานี้ ข้าสั่งให้คนไปขอโทษนางทุกวัน ทว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยไม่แม้แต่สนใจ นางกลับไม่เห็นค่า ข้าเองก็ไร้หนทางแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนปรายตามองนางอย่างเฉยเมย ั้แ่วันนั้นที่นางได้รู้ว่าหนานกงเยวี่ยกลับผิดเป็ถูกเพื่อหลอกนาง ในใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกแสลงใจ
เื่ที่เหนียนเฉิงเ็ปมิใช่เื่โกหก เื่ที่นางเป็กังวลและไม่กล้าเอ่ยเพราะเกรงกลัวอำนาจของตระกูลหนานกงเองก็เป็เื่จริง ทว่ายามนี้ จวนเหนียนแห่งนี้มีจ้าวอิ้งเสวี่ยเข้ามาเพิ่มอีกคน ถึงแม้นางจะเสียโฉม และแต่งเข้าตระกูลเหนียนมาแล้ว ทว่าอย่างไรเสียนางก็ยังเป็คนแซ่จ้าว คงยากที่นางจะไม่รู้สึกหวาดกลัว
“ในเมื่อมีใจอยากขอโทษ เช่นนั้นวันนี้ก็มาจบเื่นี้เสียเถิด” ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเอ่ยปากพูดขึ้น สีหน้าย่ำแย่ไม่น่ามอง ครั้นนึกถึงรูปลักษณ์ของเหนียนเฉิง ตัวฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเองรู้สึกเคียดแค้นจ้าวอิ้งเสวี่ยอย่างมากเช่นกัน
เดิมทีคิดว่าเหนียนเฉิงแต่งงานกับท่านหญิงจ้าวอิ้งเสวี่ย จวนเหนียนจะกลายเป็วงศ์ตระกูลที่เจริญรุ่งเรือง ทว่าที่ไหนได้...กลับกลายว่าแต่งนางมารร้ายเข้ามาแทน
“ท่านแม่...”
“พอแล้ว เื่นี้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เยวี่ยเอ๋อร์ อย่างไรเ้าจะต้องออกไป ไม่ว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยและจิ้นหวางเฟยผู้นั้นจะทำอะไร เ้าต้องอดทน” ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนตัดบทหนานกงเยวี่ย แววตาท่าทีแข็งกร้าวไม่ใจอ่อน แม้แต่น้ำเสียงยังสูงขึ้นทันใด “เ้าที่ยกตนสูงส่ง เชิดหน้าชูคอ ไม่ยอมงอ ไม่ยอมก้มหัวให้ผู้ใดเช่นนี้ หรือแท้จริงแล้วเ้าอยากยั่วยุให้จ้าวอิ้งเสวี่ยผู้นั้นโกรธเคือง และให้นางไประบายความโกรธที่เฉิงเอ๋อร์หรือ เฉิงเอ๋อร์ของข้าแท้จริงช่างโชคร้ายเสียจริง”
ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนกล่าวถึงตรงนี้ ฉับพลันนั้นน้ำเสียงนางแทบจะสะอื้น
“เฉิงเอ๋อร์...” หนานกงเยวี่ยสั่นระริกไปทั้งร่าง คำว่าเหนียนเฉิงแค่สองตัวอักษร ประหนึ่งได้ทำลายเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งของนางให้พังทลายลง “ใช่ เฉิงเอ๋อร์...ข้ามิอาจทำให้เฉิงเอ๋อร์ทุกข์ทรมานได้”
แต่...แต่นางก็มิอาจทำให้จ้าวอิ้งเสวี่ยสมหวังได้!
หนานกงเยวี่ยก้าวเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ด้านข้าง พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเอง ในหัวพยายามครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น ดูเหมือนนางจะคิดอะไรบางอย่างได้ ดวงตาพลันเปล่งประกายวาววับ มันพาดผ่านไปชั่วแวบหนึ่ง
“ได้ ข้าจะไปขอโทษจ้าวอิ้งเสวี่ยต่อหน้าจิ้นหวางเฟย” หนานกงเยวี่ยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ขอโทษหรือ? วันนี้ นาง 'หนานกงเยวี่ย' จะขอโทษ 'จ้าวอิ้งเสวี่ย' เป็อย่างดี กลั้นใจไว้ให้ดีเล่า!