เฉินซีเหลียงแทบจะฝากตัวพึ่งพาเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว
การขายปลีกชุดกีฬาจำนวนหนึ่งหมื่นชุดจะช้ามากอย่างแน่นอน แต่หากขายส่งในจำนวนเท่านี้ไม่ถือว่ามากนัก ต้นทุนของหนึ่งชุดสามารถควบคุมไว้ใน 15 หยวนได้ เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าการค้าครั้งนี้มีผลประโยชน์ให้กอบโกย
สิ่งที่เฉินซีเหลียงพูดถึงคือชุดกีฬาสำหรับฤดูใบไม้ร่วง และไม่ได้มีเพียงคนชอบกีฬาเท่านั้นที่จะสวมใส่น่ะสิ ถ้าเนื้อผ้าแข็งแรงทนทาน ย่อมเหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานใช้แรงเหมือนกัน จำหน่ายชุดกีฬาหนึ่งหมื่นชุดจะยากเย็นอะไร อย่าว่าแต่ช่องทางการขายส่งของเฉินซีเหลียงเลย แค่ในตลาดสินค้าเบ็ดเตล็ดสะพานเหรินหมินของเผิงเฉิง การขายเสื้อผ้าแบบนี้หนึ่งหมื่นชุดให้หมดก็ง่ายดายไม่แพ้กัน
เผิงเฉิงนั้นเต็มไปด้วยคนงานก่อสร้างและผู้คนดั้งเดิมในท้องถิ่นอยู่ทั่วทุกหนแห่ง! ไป๋เจินจูขายกางเกงแบบตะวันตกพวกนั้นให้ใครกัน ชุดกีฬาราคาถูกเองก็มุ่งเป้าไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเดียวกัน เซี่ยเสี่ยวหลานเคยดูวัสดุที่เฉินซีเหลียงเลือกเอง ในเมื่อต้องลงทุนถึงเจ็ดแปดหมื่น เช่นนั้นก็เพิ่มจำนวนมากกว่านี้เลยดีกว่า
“ลองปรึกษากับพี่เขยคุณดู ผลิตทั้งหมดสองหมื่นชุด ค่าสินค้าชำระสามหนเป็อย่างไร?”
จริงอยู่ที่เฉินซีเหลียงคิดว่าหนึ่งหมื่นชุดมันน้อยไปเหมือนกัน แต่เขากลัวว่าการคุยโวเกินควรจะทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานใจนล่าถอย ถึงยอมผ่อนผันโดยการผลิตหนึ่งหมื่นชุด สองหมื่นชุดดีที่สุดแน่นอน จริงๆ แล้วสามหมื่นชุดก็ไม่มีปัญหา... ช่างเถอะ พอพูดถึงจำนวนสามหมื่นนี้ทีไร เฉินซีเหลียงก็จะนึกถึงเสื้อนอกขนแพะสามหมื่นตัวที่ทุกวันนี้ยังค้างอยู่ในโรงงานเสื้อผ้า ความหลังฝังใจนี้ร้ายแรงเหลือเกิน! ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ออกความคิดเห็นให้เขา อีกทั้งได้ผลดีมากจากการลงทุนกับเสื้อผ้าฤดูร้อน เฉินซีเหลียงคงโดนพี่เขยเหอฉงเซิงสับจนแหลกและเอาไปเลี้ยงสุนัขแล้ว
สามหมื่นชุดนั้นมากเกินไป สองหมื่นชุดกำลังพอดี
ก่อนหน้านี้เฉินซีเหลียงเคยทำงานในโรงงานเสื้อผ้าเฉินอวี่ เขาจึงมีความรู้เกี่ยวกับต้นทุนการผลิตเสื้อผ้าชัดเจนดีว วัสดุเขาก็เป็คนเลือกเช่นกัน และกดราคากับเหอฉงเซิงจนถึง 14 หยวนต่อหนึ่งชุด จองสินค้าชุดกีฬาฤดูใบไม้ร่วงกับโรงงานเฉินอวี๋รวมทั้งหมด 20000 ชุด
เฉินอวี๋น่าจะส่งสินค้าก่อนวันที่ 20 สิงหาคม สินค้าทั้งหมดเป็จำนวนเงินสองแสนแปดหมื่นหยวน เซี่ยเสี่ยวหลานและเฉินซีเหลียงแบ่งชำระสามงวด
มัดจำ 8 หมื่นหยวน ต้องเข้าบัญชีของโรงงานก่อน เหอฉงเซิงถึงจะตกลงเริ่มผลิต
หลังจากนั้นเฉินอวี่จะมอบสินค้าในวันที่ 20 สิงหาคม ชำระค่าสินค้างวดที่สองอีกหนึ่งแสนหยวน
ส่วนเวลาสำหรับชำระเงินงวดที่สาม มาจากการกอดขาร้องไห้อ้อนวอนเหอฉงเซิงของเฉินซีเหลียงทั้งนั้น วันที่ 1 ตุลาคมชำระเงินที่เหลืองวดสุดท้ายหนึ่งแสนหยวน
ในเวลานั้น ชุดกีฬาฤดูใบไม้ร่วงก็คงจำหน่ายได้เกือบหมดแล้ว ขอเพียงขายสินค้าออกครึ่งหนึ่ง ก็พอชำระเงินงวดสุดท้าย กำไรแบ่งครึ่ง เงินทุนย่อมเป็ครึ่งหนึ่งต่อหนึ่งคนเช่นกัน
ปัจจุบันเซี่ยเสี่ยวหลานรวบรวมได้ทั้งหมด 8 หมื่น ครึ่งหนึ่งของมัดจำคือ 4 หมื่น วางเงินมัดจำได้โดยไม่มีปัญหา
ทว่าการชำระเงินงวดที่สองเป็เวลาในอีกครึ่งเดือนให้หลังเท่านั้น ถ้าให้เซี่ยเสี่ยวหลานควักเงิน 5 หมื่นออกมาอีกที ด้านเธอก็จะมีการขาดดุลของเงินทุนถึง 2 หมื่น เธอจะสามารถหาอีก 2 หมื่นมาเติมเต็มช่องว่างนี้ได้ภายในครึ่งเดือนได้อย่างไร? หรือว่าย้ายเงินของ ‘อันเจียวัสดุ’ มาใช้ก่อนดี หลังจำหน่ายชุดกีฬาค่อยคืนเงินเข้าบัญชีของร้านวัสดุ... วิธีที่สามโดนเซี่ยเสี่ยวหลานปฏิเสธ ร้านวัสดุไม่ใช่ธุรกิจของเธอเพียงผู้เดียว ในเมื่อเงินลงทุนของคนอื่นล้วนต้องเข้าบัญชีภายในระยะเวลาที่กำหนด เธอเองก็ไม่ควรผิดข้อตกลงและผัดผ่อนออกไป
อีกทั้งสถานการณ์ไม่อนุญาตให้เธอผัดเวลาจ่ายเงินลงทุนด้วย
ด้าน ‘หลานเฟิ่งหวง’ ก็ไม่ได้เหมือนกัน หลังปันผลครั้งนี้ เป็่ของการลดราคาขายเครื่องแต่งกายประจำฤดูร้อนแล้ว ปลายเดือนสิงหาคมก็เป็เวลานำเข้าสินค้าใหม่อีก ร้านเสื้อผ้าจำเป็ต้องใช้เงินก้อนใหญ่สำหรับรับสินค้า ไม่อาจเจียดเงินออกมาให้เซี่ยเสี่ยวหลานใช้
ถ้าไม่สร้างบ้านในหมู่บ้านชีจิ่ง เงินก็จะเพียงพอพอดี
ทว่าตอนนี้บ้านถูกสร้างได้ครึ่งหนึ่งแล้ว พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ เซี่ยเสี่ยวหลานจำต้องคิดหาวิธีอื่น
จะให้เธอหาเงินอีกสองหมื่นภายในครึ่งเดือนเพื่อเตรียมไว้สำหรับยอดชำระสุดท้ายก็เป็ไปไม่ได้ เฉินซีเหลียงบอกว่าการขายชุดกีฬาไม่ใช่การทำกำไรด่วนของจริง แต่ต่อให้ขายได้น้อยระยะหนึ่ง ทั้งสองยังมีสินค้าในมือ ใช้เวลาหน่อยจะค่อยๆ ขายจนหมดได้แน่ ‘เงินด่วน’ ที่แท้จริงคือวิทยุในครั้งก่อน และเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่สามารถประเมินว่าความเสี่ยงนั้นใหญ่แค่ไหน ต้องอาศัยโชคล้วนๆ !
กู้เงินจากธนาคาร?
หรือยืมเงินจากคนอื่น
ทางที่ดีที่สุดคือยืมเงิน และผู้มีเงินจำนวนเท่านี้สามารถให้เธอยืม ณ ขณะนี้ก็มีหนึ่งท่าน
สหายคังเหว่ยน่าจะเต็มใจให้เธอยืมเงินมาก
แต่ถ้าขอยืมเงินจากคังเหว่ย ตกลงแล้วเธอวางโจวเฉิงไว้ในตำแหน่งอะไรเล่า?
ไม่ต้องจินตนาการก็รู้ว่าโจวเฉิงจะเคืองเป็อย่างยิ่ง!
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็มิใช่คนดื้อรั้นไม่เข้าเื่ขนาดนั้น จะให้เธอทำธุรกิจหาเงินทองใต้ปีกของโจวเฉิงย่อมเป็ไปไม่ได้แน่นอน การเป็ได้เพียงต้นทู่ซือ [1] ในยุค 80 ที่ทุกสิ่งกำลังรุ่งโรจน์คือความทรมานอย่างหนึ่งสำหรับเซี่ยเสี่ยวหลาน
ไม่ใช่ว่าจะรับรถหรือบ้านที่โจวเฉิงเสนอให้ไม่ได้ ทว่าหากเธอมีกำลังในการมอบของมูลค่าเท่าเทียมกัน เธออาจรับไว้อย่างสำราญใจ
แต่ทั้งสองคนถึงขั้นเคยพบผู้ใหญ่ของอีกฝ่ายแล้ว ความสัมพันธ์รักในตอนนี้ดูมั่นคงมาก ยืมเงินสองหมื่นจากแฟนหนุ่มของตนเพื่อหมุนเวียนธุรกิจ เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อว่าทำได้ ประธานเซี่ยผู้น่าสงสารไม่มีประสบการณ์ยืมเงินจากทั้งสองชีวิตรวมกันเลย กว่าจะเอ่ยปากกับโจวเฉิงได้ เธอลังเลอยู่ตั้งหลายวัน
พอเอ่ยคำขอออกจากปากไปแล้ว เหมือนจะไม่ได้ยากสักเท่าไรนี่นา?
โจวเฉิงผู้ถูกยืมเงินยังดีใจเสียอีก!
เขาถามเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างจริงใจว่าสองหมื่นนั้นพอหรือไม่ เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้ารัว
“พอแล้วพอแล้ว ฉันหมุนเงินกลับมาได้ก็จะคืนเธอทันที”
“อื้ม ไม่รีบร้อน เธอรู้ดีว่าจริงๆ แล้วฉันคนเดียวไม่ได้ใช้จ่ายเงินมากนัก แค่เงินเดือนก็พอใช้แล้ว”
หากภรรยาของเขายินดี เขาสามารถส่งมอบเงินเดือนให้ได้เหมือนกัน โจวเฉิงคิดว่าให้เขา 20 หยวนต่อเดือนก็พอใช้
น่าเสียดายที่แม้เขาถือสมุดบัญชีเตรียมถวาย ภรรยาของเขากลับไม่ยอมรับ อย่างไรก็ตามเซี่ยเสี่ยวหลานเอ่ยปากขอยืมเงินจากเขาเป็ครั้งแรกในตอนนี้ โจวเฉิงระมัดระวังมากเช่นกัน นี่เป็อีกครั้งที่เสี่ยวหลานก้าวเท้าเข้ามาหาเขา เขากลัวตัวเองจะตื่นเต้นมากเกินไป ทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานตื่นใจนถอยกลับไปอีกรอบ! โจวเฉิงพอเข้าใจแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานขีดเส้นระหว่างคนสองคน อาจเป็เพราะพบครอบครัวของเขาแล้ว คราวนี้ถึงได้ยอมเอ่ยปากขอยืมเงินจากเขา?
โจวเฉิงกำลังค่อยๆ ศึกษาเส้นแบ่งนี้ ถ้าเขารุกเร็วเกินควร จะเป็การบังคับให้เซี่ยเสี่ยวหลานยอมรับความสัมพันธ์ของสองคนอย่างเสียไม่ได้
และแน่นอน เขามิอาจยืนรอที่เดิมอยู่เฉยๆ ให้เสี่ยวหลานเข้าหาได้เช่นกัน
ความรักก็เป็ดุจดั่งยุทธการ โจวเฉิงต้องศึกษายุทธวิธีให้แตกฉาน!
ยกตัวอย่างเช่นข้อมือของเซี่ยเสี่ยวหลาน แววตาของโจวเฉิงดำมืดเมื่อคิดถึงเื่นี้ ไม่จำเป็ต้องง้างปากคนรอบข้างเซี่ยเสี่ยวหลาน โจวเฉิงก็สามารถสืบค้นจนพบความจริงอย่างค่อยเป็ค่อยไปได้อยู่ดี วันแรกเซี่ยเสี่ยวหลานได้รับาเ็ วันต่อมาโรงพยาบาลประจำมณฑลก็รับการรักษาคนไข้ที่ต้องตัดแขนรายหนึ่งนามว่าเซี่ยฉางเจิง บนโลกนี้ไม่มีเื่บังเอิญปานนั้น ภรรยาของเขาเป็คนมีแค้นต้องชำระโดยไม่แตะต้องผู้บริสุทธิ์เสมอมา เื่นี้ผู้อยู่เื้ัต้องเป็เซี่ยฉางเจิงผู้เป็ลุงของเสี่ยวหลานอย่างแน่นอน
หลังจากนั้น ข่าวที่โจวเฉิงสืบได้คือ เซี่ยฉางเจิงกับจางชุ่ยทั้งสองคนได้ตามเซี่ยจื่ออวี้เข้ามาในปักกิ่งแล้ว
เดิมทีโจวเฉิงไม่คิดที่จะแตะเซี่ยจื่ออวี้เพื่อปล่อยให้เสี่ยวหลานเป็ผู้จัดการเอง ทว่าดูเหมือนชีวิตของเซี่ยจื่ออวี้และหวังเจี้ยนหัวจะสุขสบายเกินไปหน่อยแล้ว โจวเฉิงจึงเจตนาโทร.กลับไปถามเื่ของบ้านหวัง โจวกั๋วปินบอกกับเขาว่า่นี้มีคนกำลังเดินเส้นสายแทนบ้านหวังอย่างแข็งขัน... เนื่องจากการพิจารณาต่างๆ หวังก่วงผิงอาจได้กลับเข้าเมือง
“คืนตำแหน่งเดิมน่ะไม่ต้องคิดถึงเลย ตำแหน่งเดิมของเขามีคนแทนที่ไปตั้งนานแล้ว น่าจะจัดแจงตำแหน่งอื่นให้หวังก่วงผิงมากกว่า”
โจวกั๋วปินและหวังก่วงผิงไม่ได้คบค้าสมาคมกันมากนัก หวังก่วงผิงประสบปัญหาก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบ้านโจว ทั้งสองไม่ได้เดินเส้นทางเดียวกัน ไร้ทั้งมิตรภาพและความขุ่นข้องหมองใจ
แต่ตำแหน่งเดิมของหวังก่วงผิง ปัจจุบันเป็ลุงของโจวเฉิงที่กำลังรับหน้าที่อย่างพอดิบพอดี
“พ่อไม่สนนะว่าลูกมีความคิดอะไรต่อบ้านหวัง แต่ตอนนี้ทุกย่างก้าวการกระทำของครอบครัวเรากำลังถูกคนอื่นจับตามอง เื่หวังก่วงผิงกลับเข้าเมือง ครอบครัวเราคนไหนก็แทรกแซงไม่ได้ทั้งนั้น”
เชิงอรรถ
[1]菟丝花 ต้นทู่ซือ คือ พืชเบียนหรือพืชกาฝากชนิดหนึ่ง เกาะต้นไม้อื่นเพื่อดูดน้ำและสารอาหาร