ยามสนธยาของวันที่ห้าหลังจากหลี่เฉิงเฟิงเดินทางไปยังเมืองลั่วซี
ในร่องเขาด้านหลังหมู่บ้าน ภายใต้แสงอาทิตย์ยามอัสดงสาดส่อง เงาร่างคล้ายภูตพรายเคลื่อนที่ไปมาท่ามกลางหมู่ต้นไม้ บางคราพุ่งไปด้านหน้า บางคราเคลื่อนขวาง บางคราก็ทะยานถอยและบางครายังพุ่งตรงเข้าหาต้นไม้ใหญ่แล้ว‘วิ่ง’ไปตามลำต้นราวกับเป็พื้นราบจากนั้นหมุนกายวิ่งต่อไปอีกด้านตามแนวขวางขนานกับพื้น
เงาร่างนี้เคลื่อนไหวรวดเร็วสุดขีดจนเกือบจะทิ้งเงายาวตามหลัง ทว่ายังนี่ไม่ประหลาดพอ เงาร่างนี้ถึงกับไม่มีเสียงฝีเท้าใดๆ มีเพียงเสียงสะบัดของเสื้อผ้าดังมาแ่เบา หากคนทั่วไปมาพบเห็นเช่นนี้ คงต้องร่ำร้องะโว่า “มีภูตผี!” แล้ววิ่งหนีไปราวคลุ้มคลั่ง
เงาร่างนี้ย่อมไม่ใช่ภูตผี นี่จะเป็ผู้ใดหากไม่ใช่ไป๋หยุนเฟย
ั้แ่หลี่เฉิงเฟิงเดินทางไปเมืองลั่วซี จิตใจมันก็รู้สึกกระสับกระส่าย ห้าวันที่ผ่านมาแทนที่จะใช้กระบวนการอัพเกรดเพื่อพัฒนาพลังิญญา ไป๋หยุนเฟยกลับใช้เวลาเกือบทั้งหมดศึกษาและฝึกฝนเคล็ดการควบคุมจุดชีพจร
ความพยายามอันมุ่งมั่นย่อมนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการฝึกฝนและผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ หนึ่งวันก่อนไป๋หยุนเฟยก็ฝึกปรือจุดชีพจรพื้นฐานที่จำเป็บนขาทั้งสองข้างสำเร็จ ในที่สุดมันก็สามารถผ่านเงื่อนไขที่ตั้งไว้เองได้และเริ่มต้นฝึกปรือเคล็ดิญญานามว่าท่าเท้าเหยียบคลื่น
เคล็ดิญญาที่เฝ้ารอฝึกฝนมาเนิ่นนานนี้ไม่ได้สร้างความผิดหวังให้แก่ไป๋หยุนเฟย แม้จะสำเร็จเพียงขั้นพื้นฐานแต่ก็เสริมความเร็วและความคล่องตัวขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
กระทั่งไป๋หยุนเฟยมองเห็นควันไฟลอยอ้อยอิ่งจากเตาไฟในหมู่บ้านจึงหยุดยั้งลง หลังจากปาดเช็ดเหงื่อบนหน้าผากมันก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง
“นี่ราวกับพบเห็นแหล่งน้ำกลางทะเลทราย... ยามนี้เมื่อสามารถใช้ท่าเท้าเหยียบคลื่น ยิ่งทำให้ข้ามั่นใจเมื่อเผชิญอันตรายภายหน้า!” ขณะที่ครุ่นคิดในใจไป๋หยุนเฟยเดินกลับหมู่บ้านตามกลิ่นอาหารที่โชยตามลมมา “ไม่ช้าข้าจำต้องกล่าวอำลาชีวิตที่สุขสงบเช่นนี้แล้ว! เป็ไปได้อย่างยิ่งที่ข้าไม่อาจหลีกเลี่ยงการตามล่าจากตระกูลจางได้ แต่ด้วยฝีมือข้าในปัจจุบันก็ไม่จำเป็ต้องกริ่งเกรงพวกมัน! เมื่อทหารมาตั้งทัพสู้ น้ำมาก่อทำนบกั้น! เมื่อใดที่ออกจากมณฑลฉิงหยุน ข้าจะเป็เช่นมัจฉาสู่มหาสมุทร เป็เมฆที่ล่องลอยบนนภาอันไร้ขอบเขต!”
ยามค่ำคืนไป๋หยุนเฟยนอนบนเตียงหนุนแขนตนเองมองดูแสงจันทร์ที่สาดลอดเข้ามาในบ้านและพลางใคร่ครวญถึงสถานการณ์ปัจจุบัน
“นับว่าประหลาดนัก... ผ่านมาสิบเจ็ดวันนับจากที่ข้าสังหารจางหยาง ไฉนบริวารตระกูลจางยังมาไม่ถึงหมู่บ้านแห่งนี้อีก? ต่อให้มิจฉาชีพเ่าั้ทุ่มเทชีวิตหลบหนีก็ยังไม่อาจรอดพ้นทั้งหมดได้ ตระกูลจางสมควรใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ตามล่าพวกมันได้ จากนั้นอาศัยคำสารภาพและกำลังของตระกูลจางการจะสืบหาว่าข้าคือใครย่อมไม่ยากเย็น เมื่อถึงตอนนั้นตระกูลจางต้องระดมกำลังออกตามล่า ตามที่ข้าคาดไว้ไม่เกินสิบวันพวกมันสมควรตามล่ามาถึงที่นี่...”
“นี่หมายความว่า... เป็ไปได้ว่ายามที่ข้าลงมือฆ่าจางหยาง จางเจิ้นซานไม่ได้อยู่ในบ้าน! อีกทั้งยังอยู่ห่างไกลจากเมืองลั่วซี! เมื่อในตระกูลจางไม่มีผู้ใดกล้าตัดสินใจพวกมันจึงรอคอยจางเจิ้นซานกลับมา ทำให้เสียเวลาเปล่าไปหลายวัน...”
“หากเป็เช่นนั้น ข้ามิพลาดโอกาสหลบหนีหรอกหรือ? หากว่าข้าไม่รั้งอยู่ที่นี่และหลบหนีไปทันที...”
“นั่นก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน ข้าไม่ทราบแม้แต่น้อยว่าอิทธิพลของตระกูลจางมากน้อยเพียงใด อีกอย่างข้าทราบเื่ราวภายนอกเพียงน้อยนิด หากว่าเร่งรีบหลบหนีไปย่อมต้องพลาดโอกาสที่จะฝึกปรือและละทิ้งโอกาสเข้มแข็งขึ้นอีกหลายเท่าในเวลาอันสั้น หากข้าเลือกเสี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อขณะที่ยังฝีมืออ่อนด้อย นั่นกลับเป็การตัดสินใจที่ผิดพลาด... ยามนี้ข้าซ่อนตัวในที่ห่างไกลและใช้เวลาอย่างคุ้มค่าทุ่มเทฝึกปรือพัฒนาฝีมือให้เข้มแข็ง นี่จึงเป็ทางเลือกที่ถูกต้อง!”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความจริงที่ว่าตระกูลจางเคลื่อนไหวช้าไปก้าวหนึ่งกลับเป็ผลดีต่อข้า! อย่างน้อยยามนี้ข้าก็เชี่ยวชาญการเคล็ดการควบคุมจุดชีพจรพื้นฐานถึงยี่สิบกว่าจุด มิหนำซ้ำยังชำนาญพลังหมัดเก้าทบ เรียนรู้ท่าเท้าเหยียบคลื่นและใกล้จะบรรลุด่านวีรชนิญญาระดับกลางได้แล้ว... ยามนี้ฝีมือข้าเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยอีกหลายเท่าตัว!”
“ถึงเวลาที่ข้าต้องไปจากที่นี่แล้ว อย่างน้อยต้องจากไปก่อนตระกูลจางจะหาหมู่บ้านนี้พบ ข้าไม่อาจสร้างปัญหาใดๆแก่ชาวบ้าน...”
“หลังจากเฉิงเฟิงกลับมา ข้าก็จะทราบความเคลื่อนไหวของตระกูลจาง จากนั้นอีกไม่เกินสามวันจะถึงเวลาที่ข้าจากไป”
… … … …
วันต่อมา หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จไม่นานไป๋หยุนเฟยก็เห็นหลี่เฉิงเฟิงที่ตรากตรำเดินทางเร่งรุดกลับมาด้วยใบหน้าหมดสิ้นเรี่ยวแรง ด้วยฝีมือมันในปัจจุบันนี่แสดงว่าหลี่เฉิงเฟิงเค้นพลังิญญาออกมาใช้เร่งความเร็วเกินตัวอย่างต่อเนื่องระหว่างเร่งรุดเดินทางกลับ
นอกจากความเหน็ดเหนื่อยสิ้นเรี่ยวแรง บนใบหน้าหลี่เฉิงเฟิงยังเปี่ยมด้วยความกังวลใจ ทันทีที่กลับมาถึงหมู่บ้านยังไม่ทันทักทายหลิงเอ๋อร์ก็ปรายตาบอกใบ้ไป๋หยุนเฟย จากนั้นหันหลังเดินออกจากหมู่บ้านไป
เมื่อเห็นเช่นนั้น ไป๋หยุนเฟยก็คาดเดาได้เลือนราง มันโบกมือบอกแก่หลิงเอ๋อร์ว่าไม่ต้องกังวลเื่เฉิงเฟิง จากนั้นก็ติดตามมันออกไป
“หยุนเฟย ข้าคาดเดาได้แต่แรกว่าเ้ากลับเมืองลั่วซีไปเพื่อแก้แค้น แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าศัตรูเ้าจะเป็นายน้อยตระกูลจาง... เ้าช่างยอดเยี่ยมนัก!” ราวกับเหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่ง หลี่เฉิงเฟิงจึงทรุดตัวลงบนพื้นหญ้ากล่าวกับไป๋หยุนเฟยที่เดินเข้ามาพลางส่ายศีรษะด้วยท่าทีอับจนปัญญา
“โอ แม้แต่เ้าก็ทราบแล้ว? มิผิด ข้าเป็ผู้สังหารนายน้อยตระกูลจางนามว่าจางหยาง นั่นก็เพราะ... มันสมควรตาย! อย่าได้พูดถึงแล้ว บอกเล่าสถานการณ์ในเมืองลั่วซีแก่ข้าก่อน ตระกูลจางมีความเคลื่อนไหวอย่างไร?” ราวกับคาดเดาได้ว่าหลี่เฉิงเฟิงจะกล่าวอันใดไป๋หยุนเฟยจึงถามคำถามที่สำคัญที่สุดแทนที่จะเสียเวลาอธิบาย
“อืม เป็เ้าฆ่ามันจริงๆ ขอบอกต่อเ้าว่าจางหยางนั้นสมควรตายอย่างยิ่งแล้ว แม้ชาวบ้านทั่วไปในเมืองลั่วซีไม่กล้ากล่าวถึงโดยเปิดเผย แต่ผู้คนล้วนมีร่องรอยความยินดีในแววตาให้พบเห็นได้” หลี่เฉิงเฟิงก็ไม่นำเพียงพยักหน้าและไม่ไต่ถามเื่จางหยางอีก
“ยามนี้ภาพเหมือนเ้าถูกติดประกาศทุกหนแห่งในเมืองลั่วซี แม้แต่คนของจวนเ้าเมืองก็ถูกระดมออกมาตามล่าเ้ามิหนำซ้ำตระกูลจางก็ส่งคนออกมามากมายยิ่ง ทั้งหมดกระจายกำลังออกทุกทิศทาง ไปยังทุกเมือง ทุกหมู่บ้านเพื่อตามล่าเ้า...”
“ข้าคิดว่าไม่กี่วันพวกมันคงมาถึงที่นี่ หยุนเฟยเ้าจะทำอย่างไรต่อไป?”
หลี่เฉิงเฟิงถามด้วยท่าทีวิตกกังวลหลังจากบอกเล่าสถานการณ์โดยรวมที่มันพบเห็นมาแก่ไป๋หยุนเฟย
“โอ นี่ไม่ผิดจากที่ข้าคาดการณ์มากนัก เช่นนั้นข้าจะไปจากที่นี่ภายในสองวัน...” ไป๋หยุนเฟยใคร่ครวญชั่วครู่จึงกล่าววาจา
“เ้าจำต้องหลบหนีจริงหรือ?”
“มิผิด ข้าจำต้องหลบหนีไป เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใดแก่หมู่บ้าน” ไป๋หยุนเฟยพยักหน้ายอมรับจากนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อเป็สอบถาม “จริงสิ เ้าซื้อมีดสั้นมากี่เล่ม? คุณภาพเป็เช่นไร?”
เมื่อเห็นว่าไป๋หยุนเฟยตัดสินใจแล้ว หลี่เฉิงเฟิงก็ไม่กล่าวถึงอีก มันพลิกข้อมือนำมีดสั้นที่เปล่งประกายเย็นเยียบออกมามอบให้แก่ไป๋หยุนเฟยพลางกล่าวว่า “ข้าทำตามที่เ้าบอก ซื้อมีดสั้นชั้นดีทั้งหมดในร้านศาสตราสมบัติมา ทั้งหมดมีอยู่ร่วมร้อยเล่ม บางเล่มยังดีกว่าเล่มนี้อีก”
ไป๋หยุนเฟยรับมีดสั้นมาพร้อมกับเพ่งความคิด ข้อมูลเบื้องต้นของมีดสั้นก็ปรากฏในจิตใจ
“ระดับไอเทม: ชั้นดี”
“พลังโจมตี: 43”
“สิ่งจำเป็ในการอัพเกรด: แต้มิญญา 3 แต้ม”
ไป๋หยุนเฟยพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “อืม ไม่เลว นี่เป็มีดชั้นดีจริงๆ”
“ส่งแหวนช่องมิติของเ้ามาให้ข้า ภายในสองวันข้าจะสร้างมีดสั้นที่ผ่านการยกระดับให้แก่เ้าสองเล่ม จากนั้นข้าจะไปจากที่นี่...”
