นิกายหยุนไห่ ณ หุบเขาเมฆพายุ เขตลานประลองเป็ตาย
โลหิตไหลชโลมพื้นดินจนกลายเป็สีแดง ถึงแม้จะผ่านมา 7 วันแล้ว แต่ในอากาศยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเื
มีซากศพนับไม่ถ้วนนอนทอดกายอยู่บนพื้นดิน อาจเป็เพราะอากาศใน่นี้ค่อนข้างหนาว ดังนั้นศพเหล่านี้จึงยังไม่เน่าเปื่อยมากนัก
แต่สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือ ในหุบเขาเมฆพายุที่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่เดินวนเวียนรอบๆ ศพ ถึงแม้ว่าในอากาศจะเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเื แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะหลีกหนี กลับกันดวงตาของพวกเขากลับแวววับด้วยความโลภ
“สมแล้วที่เป็นิกายใหญ่ ถึงแม้ว่าศพเหล่านี้จะเป็เพียงศิษย์ของนิกาย แต่ในตัวของพวกเขาก็มีของดีอยู่มากมาย”
ผู้ฝึกยุทธ์ชายที่สวมชุดสีเหลืองพูดขึ้นมา พลางหยิบเคล็ดวิชาระดับเหลืองออกมาจากศพ ขณะเดียวกันก็มองซ้ายแลขวาอย่างระมัดระวัง ราวกับกลัวว่าจะมีคนมาเห็น
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น คนอื่นๆ ที่มาที่นี่ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกัน นั่นก็คือการแสวงโชค พวกเขาแต่ละคนพากันค้นหาสิ่งของมีค่าจากศพ เพื่อหยิบฉวยเป็ของตัวเอง หลังจากที่ได้ยินมาว่านิกายหยุนไห่ถูกทำลาย พวกเขาก็รีบมุ่งหน้ามาที่นี่ทันที ด้วยความหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์บางอย่าง
ในตอนนั้นเอง้าของหุบเขาก็ปรากฏเงาสองร่างขึ้นมา
เงาทั้งสองร่างนี้ คนหนึ่งเป็สตรีที่มีหน้าตาที่งดงามและรูปร่างอันเย้ายวนเป็อย่างมาก
ส่วนอีกคนเป็ผู้ชายสวมหน้ากากสีทองอ่อนๆ และแผ่กลิ่นอายที่อันตรายออกมา
เงาทั้ง 2 ร่างนี้คือหลินเฟิงและเมิ่งฉิง
ด้วยความสามารถที่หลินเฟิงได้แสดงในวันนั้น ทำให้นิกายใหญ่ๆ ล้วน้าสังหารเขา ดังนั้นหลินเฟิงจึงต้องระมัดระวังตัวไว้ และนี่ก็เป็สาเหตุที่ทำให้เขาต้องสวมหน้ากากที่หยิบมาจากวิหารโบราณ
เมื่อเห็นศพอยู่ในหุบเขาเป็จำนวนมากและได้กลิ่นคาวเืที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ เมิ่งฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าที่งดงามก็พลันเหยเกขึ้นมา
“ทำไมเราต้องถึงมาที่นี่?” เมิ่งฉิงหมุนตัวกลับมาถามหลินเฟิง ทันใดนั้นนางก็สังเกตเห็นว่าหลินเฟิงมองไปที่หุบเขาสองตาไม่กะพริบ ร่างกายของเขายังแผ่กลิ่นอายอันเย็นะเืออกมา
“ไอ้พวกสัตว์เดรัจฉาน… กระทั่งศพเหล่านี้ พวกแกก็ยังไปรบกวน”
หลินเฟิงเห็นหลายคนกำลังค้นตัวศพเพื่อหาของมีค่า หลังจากที่หยิบสิ่งของได้แล้ว พวกนั้นก็ยกเท้าเตะศพจนกระเด็นออกไป เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้หลินเฟิงตัวสั่นด้วยความโกรธ
ราวกับรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของหลินเฟิง เมิ่งฉิงจึงยืนเงียบๆ ไม่คิดรบกวนหลินเฟิงอีก
หลินเฟิงกางแขนออกราวกับนกั์ที่กำลังสยายปีก แล้วะโลงไปยังหุบเขา
ด้านล่างของหุบเขาเมฆพายุ กลุ่มคนที่กำลังค้นหาของมีค่าจากศพก็พลันชะงักไปชั่วครู่ราวกับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง พวกเขาหันไปมองทางเข้าของหุบเขา และเห็นร่างของหลินเฟิงที่ะโลงมาถึงพื้น
“ก็แค่คนมา…”
เมื่อเห็นว่ามีคนมาเพิ่ม ทุกคนก็หันกลับไปทำเื่ของตัวเองต่อ ไม่มีใครให้ความสนใจหลินเฟิงอีก
“เ้าอยากทำอะไรก็ทำไป แต่อย่ามารบกวนพวกเรา”
คนที่เพิ่งเตะศพเมื่อครู่เห็นว่าหลินเฟิงเดินมาที่ข้างๆ ตัวเอง จึงปรายตามองหลินเฟิงอย่างเ็า ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา นอกจากคลื่นดาบอันทรงพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของหลินเฟิง ทำให้ชายคนนั้นดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อยและผงะถอยหลังด้วยความกลัว
“เ้าจะทำอะไร?! มีผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ หรือเ้าไม่้าจะแบ่งปันสมบัติ?”
เมื่อชายคนนั้นััได้ถึงคลื่นดาบที่พลุ่งพล่าน ร่างของเขาก็ตึงเครียดขึ้นมา ขณะที่จงใจะโออกมาเสียงดัง เพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคนและทำให้หลินเฟิงเกิดความละอายใจขึ้นมา
เมื่อฝูงชนได้ยินว่ามีคน้าฮุบสมบัติไว้เพียงคนเดียว พวกเขาก็หันกลับมามองหลินเฟิงด้วยสายตาไม่เป็มิตร
ก่อนที่พวกเขาจะเห็นลำแสงดาบวาดผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว
ดาบนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อโอ้อวด แต่มีไว้เพื่อสังหาร
เมื่อเห็นชายที่เพิ่งะโเมื่อครู่ถูกหลินเฟิงฟันหัวขาดโดยไม่พูดไม่จา ดวงตาของทุกคนก็พลันฉายแววโมโหขึ้นมา
คิดจะใช้ความแข็งแกร่งเพื่อฮุบของมีค่าในตัวศพไว้คนเดียวอย่างนั้นหรือ?
“ทุกคนมาที่นี่ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกัน ท่านไม่ควรลงมืออย่างเหี้ยมโหดแบบนี้ มิฉะนั้นต่างฝ่ายต่างจะเสียผลประโยชน์”
ผู้บ่มเพาะที่อยู่ไม่ไกลจากหลินเฟิงมากนักกล่าวอย่างเ็า
หลินเฟิงหันไปมอง ภายใต้หน้ากากสีทอง ม่านตาของเขาได้กลายเป็สีเทาอันลึกล้ำและเต็มไปด้วยความเ็า ไร้อารมณ์และความรู้สึก
หลินเฟิงก้าวเท้าเพียงเล็กน้อย ร่างของเขาก็พุ่งถลาไปอย่างรวดเร็วดุจสายลม เพียงพริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวเบื้องหน้าของคนพูด แล้วตวัดดาบฟันออกไปหมายสังหาร
เหี้ยมโหด?
คนที่มาปล้นของมีค่าไปจากศพอย่างพวกเ้า! คนที่เหยียบย่ำศพคนตายอย่างพวกเ้า!!! ยังมีหน้ามาพูดคำนี้อยู่อีกหรือ!!!
ดาบเปล่งแสงขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของชายคนนั้นพลันเบิกกว้าง เขารู้สึกกลัวมาก
“ข้าเห็นว่าเ้าชอบซากศพมาก เพราะฉะนั้นข้าจะทำให้เ้ากลายเป็ศพเช่นเดียวกับพวกเขา”
นี่เป็ครั้งแรกที่หลินเฟิงพูด น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร เ็าและไร้ความรู้สึก ประกอบกับมีหน้ากากอยู่บนหน้าก็ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวสั่น
เพียงแค่ก้าวเดียวก็ไปปรากฏขึ้นตรงหน้าของเหยื่อ จากนั้นก็สังหารเหยื่อด้วยดาบ
“เขาคิดจะทำอะไร? เป็ไปได้ไหมที่เขา้าสังหารผู้คนทั้งหมดในหุบเขาเมฆพายุ?”
เมื่อเห็นหลินเฟิงลงมือสังหารคนอย่างต่อเนื่อง พวกเขาก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา
“หยุดเดี๋ยวนี้!!! เ้าจะทำอะไร?” ผู้บ่มเพาะอีกคนกล่าวขึ้น เมื่อเห็นหลินเฟิงเดินมาที่เขา
“เอาชีวิตเ้า”
หลินเฟิงตอบก่อนที่ดาบจะส่องสว่างอีกครั้ง
ผู้คนในหุบเขาค่อยๆ หยุดการกระทำของตัวเอง และหันไปมองชายสวมหน้ากากคนนั้นที่กำลังไล่ฆ่าคนอื่นๆ ทุกย่างก้าวล้วนมีคนตาย!!!
ตอนนี้หลินเฟิงได้สังหารคนมากกว่าสิบคน โดยที่พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรให้หลินเฟิงโกรธแค้น
“ไม่ดีแล้ว พวกเราต้องหยุดเขา ไม่เช่นนั้นพวกเราเองก็จะถูกฆ่าไปด้วย”
มีบางคนรู้สึกได้ถึงภัยอันตรายที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดังนั้นจึงเปิดปากพูดขึ้นมา ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“มาร่วมมือกัน พวกเราจะไม่ปล่อยให้มันได้สังหารใครอีก”
ฝูงชนต่างพุ่งเข้าหาหลินเฟิงและเตรียมโจมตีเขา พลังของเขาน่ากลัวเกินไป ดาบของเขาเปรียบเสมือนเคียวยมทูต ที่ไม่ว่าใครได้พบล้วนต้องตายทุกคน!
หลินเฟิงสังหารคนไปอีกหนึ่งคน ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ทันทีที่ฝูงชนเข้ามาใกล้หลินเฟิง พวกเขาััได้ถึงกลิ่นอายของความตายจากร่างของชายที่สวมหน้ากาก
“อย่าไปกลัวมัน พวกเรามีตั้งหลายคน หากรวมมือกันต่อให้มันแข็งแกร่งแค่ไหนก็ต้องถูกกำจัดไปอยู่ดี”
ราวกับจะสังเกตเห็นถึงร่องรอยความหวาดกลัวของผู้คนที่อยู่รอบๆ ทำให้บางคนพูดปลอบใจขึ้นมา
หลินเฟิงก้าวเดินช้าๆ ไปยังกลุ่มคนที่กำลังรุมล้อมเขาไว้ คลื่นดาบของเขาพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย ยิ่งเดินเข้าไปใกล้มากเท่าไร คลื่นดาบก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็บดขยี้ความมั่นใจของพวกเขา
“ข้าไม่้าสมบัติใดๆ”
ในที่สุดความมั่นใจของหนึ่งในนั้นก็ถูกคลื่นดาบของหลินเฟิงทำลายจนย่อยยับ เขาหันหลังและวิ่งหนีไป เขามีความรู้สึกว่าหากพวกเขาเผชิญหน้ากับชายสวมหน้ากากคนนั้น พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
“ดาบแห่งความตาย”
หลินเฟิงกวัดแกว่งดาบอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นลมปราณแห่งความตายสีเทาก็พลันปรากฏขึ้นมาที่คลื่นดาบ และทำให้คลื่นดาบนี้ทรงพลังยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า!
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ…
เสียงการเคลื่อนไหวเล็กๆ ดังขึ้น ทำให้ร่างของกลุ่มคนที่ร่วมมือกันกำจัดหลินเฟิงแข็งทื่ออยู่กับที่ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อพวกเขาก้มหน้าลงก็เห็นว่าที่ท้องของตัวเองมีรอยดาบลากเป็ทางยาว พร้อมกับหยดเืที่ค่อยๆ ไหลออกมาจากาแ
“ทำไม?!”
แต่ละคนค่อยๆ ทรุดลงกับพื้น แม้ในตอนที่กำลังจะตาย พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ทำไมชายผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ถึงต้องสังหารพวกเขาด้วย?
“เพราะพวกเ้าทั้งหมดสมควรตาย”
หลินเฟิงจับดาบแน่น เมื่อสายตาที่เ็ากวาดมองไปที่ใด ฝูงชนที่อยู่ที่นั่นก็พากันวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
พลังของหลินเฟิงแข็งแกร่งเกินไปแล้ว เพียงดาบเดียวก็สังหารคนได้เป็สิบ ทำให้อีกร้อยคนที่เหลือตัดสินใจหนีไปจากที่นี่ พวกเขามาแสวงโชค ไม่ได้มาตาย!!!
“ใครบังอาจมาก่อกวนที่นี่!!!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจาก้าของหุบเขาเมฆพายุ จากนั้นเงาร่างทั้งสามก็ะโลงมาที่หุบเขา
“เ้าเป็ใคร?” ชายที่เป็ผู้นำของกลุ่มถาม เขาเป็ชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาเป็อย่างมากและมีท่าทางที่สง่างาม แต่ทว่าน้ำเสียงที่เขาพูดกับหลินเฟิงนั้นทั้งห้วนทั้งเ็า
คนคนนี้ก็คือเฉินซิง อดีตศิษย์สายในของนิกายหยุนไห่ แต่ชื่อของเขาไม่ได้ถูกจารึกไว้บนผนังหินจัดอันดับ ตอนที่นิกายหยุนไห่ถูกกวาดล้าง เขาก็อกสั่นขวัญหายมาตลอด ด้วยความกลัวว่าต้วนเทียนหลางจะกำจัดเขาเหมือนคนอื่นๆ
แต่โชคดีที่เหวินเริ่นเหยียนบอกให้ต้วนเทียนหลางไว้ชีวิตเขา หลังจากที่ผ่านการทดสอบจากต้วนเทียนหลาง เขาก็ได้รับการยอมรับว่าเป็ผู้ที่มีพร์ และก่อนที่ต้วนเทียนหลางจะจากไป เขาก็ได้มอบหมายให้เฉินซิงดูแลนิกายหยุนไห่
ส่วนเหวินเริ่นเหยียนนั้น เขามีพร์อย่างแท้จริง ดังนั้นต้วนเทียนหลางจึงให้ความสำคัญกับเขามาก หากลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่สร้างเสร็จเมื่อไร เมื่อนั้นเหวินเริ่นเหยียนก็จะกลายเป็คนในสังกัดของราชวงศ์ และจะกลายเป็บุคคลสำคัญที่ได้รับความเคารพ
ในอนาคตเมื่อเหวินเริ่นเหยียนออกจากลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ เขาก็จะกลายเป็คนที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรเสวี่ยเยว่ อนาคตของเหวินเริ่นเหยียนจะต้องสดใสสุดขีด กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่กล้าไปเทียบเคียงกับเหวินเริ่นเหยียน
ด้วยพร์ที่แข็งแกร่งของเขา เหวินเริ่นเหยียนจะได้ติดตามต้วนเทียนหลาง และอาจกลายเป็แม่ทัพสักวันหนึ่ง โชคชะตาของเขาถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องเหนือกว่าคนทั่วไป
“พร์ของหลินเฟิงนั้นน่ากลัวมาก น่ากลัวยิ่งกว่าเหวินเริ่นเสียอีก ถ้าหากตอนนั้นเขายอมติดตามต้วนเทียนหลางไป อนาคตของเขาจะต้องรุ่งโรจน์อย่างไร้ขีดจำกัด แต่น่าเสียดายที่เขามันโง่ไปหน่อย ถึงได้เลือกเส้นทางแห่งความตาย จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เห็นว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นมาอีก”
เมื่อคิดเกี่ยวกับเหวินเริ่นเหยียน เฉินซิงก็นึกถึงหลินเฟิงขึ้นมา ชายคนนั้นเป็คนที่น่ากลัวมาก เพียงแค่ใช้วาจาไม่กี่คำก็สามารถทำให้จิตใจของคนอื่นๆ สั่นไหวและหวาดกลัวขึ้นมาได้
เมื่อหลินเฟิงเห็นเฉินซิง ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเ็ายิ่งกว่าเดิม
ดีจริงๆ เฉินซิงทรยศนิกายเพื่อเปลี่ยนสถานะของตัวเอง แล้วยังกล้ามาหยิ่งผยองต่อหน้าทุกคนอย่างไร้ยางอายอีก!!!
“ลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ใกล้จะสร้างเสร็จแล้ว ดังนั้นอ๋องเทียนหลางจึงยุ่งมาก จนไม่มีเวลามาดูแลจัดการนิกายหยุนไห่ ดังนั้นอำนาจในการจัดการที่นี่จึงเป็หน้าที่ของข้า หากเ้าอยากจะค้นหาของมีค่าจากศพพวกนั้นก็ทำไป ข้าจะไม่เข้าไปแทรกแซง แต่อย่าก่อเื่วุ่นวายขึ้นที่นี่ มิฉะนั้นข้าจะพรากชีวิตสุนัขของเ้าซะ!!!”
เฉินซิงะโใส่หลินเฟิง เสียงของเขาก้องกังวานไปทั่วหุบเขา น้ำเสียงของเขาเหมือนก่อนหน้าที่หลินเฟิงจะใช้วาจาอันโหดร้ายทำร้ายจิตใจของเขา นิสัยของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนเป็เืเย็นและไร้ความปรานี หากเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า เขาจะสุภาพนอบน้อมประหนึ่งสุนัขเชื่องๆ แต่ถ้าเผชิญหน้ากับผู้ที่อ่อนแอกว่า เขาจะทำตัวราวกับว่าตัวเองสูงส่งและไร้เทียมทาน
