“เหตุใดเ้าเพิ่งมา งานเลี้ยงเริ่มไปครึ่งทางแล้ว” สวีฝูลุกขึ้นเดินไปรับ คนในงานมองไปทางพวกเขากันหมด ให้ความสนใจกับบุรุษร่างอ้วนที่ยืนอยู่ข้างสวีเต๋อเซิ่งเป็พิเศษ บุรุษผู้นั้นสวมหมวกเหลี่ยมทรงสูงที่ทำจากผ้าต่วน[1] ใส่ชุดผ้าแพรสีน้ำตาลเข้มลายสวัสดิกะ สีหน้าดูร้อนใจ
“มาช้าเพราะติดงานน่ะขอรับ” สวีเต๋อเซิ่งตอบ
“ท่านนี้คือผู้ใดเล่า?” สวีฝูถาม
สวีเต๋อเซิ่งรีบแนะนำ “ท่านนี้คือเถ้าแก่หลัว ที่วันนี้มาช้าเพราะยุ่งอยู่กับเื่ของเขา ประเดี๋ยวข้ากับเถ้าแก่หลัวยังต้องไปต่อ กลัวว่าแยกกันแล้วจะยุ่งยากและเสียเวลาจึงพามาด้วย”
ขณะที่พูดก็ส่งสายตาเป็นัยให้สวีฝู สวีฝูรู้ว่าเขาจะสื่อสิ่งใด ทำแค่พยักหน้าตอบ สวีเต๋อเซิ่งเป็อันรู้ว่าเตรียมการเรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าเขามีรอยยิ้มปรากฏ
กวาดตามองบ้านหลังตรงหน้า แววตามีประกายหยิ่งผยอง อีกไม่กี่วันบ้านหลังนี้ก็จะเป็ของพวกเขาแล้ว
“เถ้าแก่หลัว เชิญนั่ง” สวีฝูพาเขาไปนั่งที่โต๊ะว่างด้านข้างประหนึ่งเป็เ้าบ้าน
เวลาในหมู่บ้านจัดงานเลี้ยงจะมีธรรมเนียม คือปล่อยโต๊ะว่างไว้หนึ่งตัวเพื่อเผื่อแขกที่มาสาย
“ต้าเกอ ข้าไปนั่งโต๊ะนู้นเป็เพื่อน” สวีเต๋อเม่าที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่งลุกขึ้นพูด
ครอบครัวพวกเขาย้ายไปนั่งที่โต๊ะใหม่ ทั้งยังพาเถ้าแก่หลัวที่เป็คนแปลกหน้าไปนั่งด้วยกัน
“คารวะสวีเหล่าเหยีย สวีเอ้อร์เหยีย” ก่อนนั่งลง หลัวจินซานประสานมือคารวะให้ทั้งคู่
ทั้งสองฝ่ายทักทายกันพอเป็พิธีเสร็จก็นั่งลง
สวีไคซาน สวีเทาและสวีลั่งแบกหน้ามานั่งด้วยเช่นกัน ดูก็รู้ว่าเถ้าแก่หลัวคนนี้เป็นักธุรกิจใหญ่ พวกเขาอยากตีสนิทด้วย
สวีเทากับสวีลั่งยังต้องใช้ไม้เท้า แต่รอยช้ำบนหน้าจางหายหมดแล้ว
ความจริงทั้งคู่รู้ว่าถูกผู้ใดจับยัดกระสอบ แต่พวกเขาไม่กล้าพูดกระไรมากเพราะยังต้องพึ่งพาสวีเต๋อเซิ่ง
ผู้ใดใช้ให้หลินซย่าจื้อพูดจามั่วๆ กันเล่า หากรู้แต่แรกคงไม่ให้หลินซย่าจื้อจัดการเื่นี้เป็แน่
พฤติกรรมไร้ยางอายของบ้านสวีอยู่เหนือความคาดหมายของบรรดาชาวบ้าน หลายคนอิจฉา แต่ก็มีคนรู้สึกว่าพวกเขาทำเกินไป ทั้งที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่งแต่กลับย้ายไปนั่งโต๊ะใหม่
ต้องบอกก่อนว่าถึงโต๊ะตัวนี้จะไม่มีผู้ใดนั่ง อาหารบนโต๊ะก็เก็บไว้ให้เ้าบ้านกินตอนเย็นได้
แต่ด้วยอิทธิพลของบ้านสวี ไม่มีผู้ใดกล้าพูดกระไร
ตอนนี้เจียงหงหย่วนกำลังดูแลแขกอยู่ด้านใน สวีเต๋อเซิ่งถือเป็แขกผู้มีเกียรติเช่นกัน มีคนะโบอกให้เจียงเป่าเชิญพวกสวีเต๋อเซิ่งเข้าด้านใน
เจียงเป่าลำบากใจ สวีเต๋อเซิ่งลุกขึ้นพูดว่า “คนบ้านเดียวกันทั้งนั้น ไม่ใช่คนอื่นคนไกล นั่งข้างนอกนี่แหละ อีกอย่าง เราไม่รู้ว่าลานด้านในมีผู้ใดอยู่บ้าง หากฐานะไม่ธรรมดา ถูกพวกเราล่วงเกินเข้าคงไม่ดีแน่”
เขาแฝงความหมายไว้ในคำพูด ตอนนี้ชาวบ้านยังไม่เข้าใจ แต่อีกประเดี๋ยวก็จะเข้าใจเอง
สวีเทาฟังแล้วคิดในใจ สวีเต๋อเซิ่งช่าง…เ้าเล่ห์และเหี้ยมโหด
เหยื่อที่ถูกเขาจ้องนั้นเหมือนถูกงูพิษจ้องมอง
หนีไม่พ้น
“สวีเหล่าต้าพูดถูก เขาเป็ถึงมือปราบแต่ยังถ่อมตัวขนาดนี้ ไม่เหมือนคนบ้างคนที่แบ่งระดับแขกเป็ชนชั้น” มีคนพูดเหน็บแนม
“เหตุใดเล่า มีบ้านใดบ้างไม่ดูแลแขกผู้มีเกียรติ? หากเ้าอยากแบ่งบ้างคงต้องให้มีแขกผู้มีเกียรติไปที่บ้านเ้าเสียก่อน” ป้าสองจ้าวทนฟังไม่ได้ ะโตอบโต้ทันที
“เอาผักกาดขาวมาแค่สองหัวเพื่อกินเนื้อกินปลาบ้านผู้อื่น แต่ปากยังจะพูดมั่วๆ อีก เ้าช่างหน้าใหญ่เสียจริง”
“ป้าสองไม่ต้องพูดแล้ว นั่นมันบั้นท้ายต่างหาก ไม่ใช่หน้า!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
“ไม่กินก็ไสหัวออกไป พวกข้าจะได้กินเยอะหน่อย”
สมองมีอุจจาระชัดๆ กินอาหารบ้านเจียงแล้วยังจะพูดจาไม่ดี ไม่ปกติ
คนผู้นี้ถูกหัวเราะใส่ แม้จะไม่ยอมใจเพียงใดแต่ก็ไม่พูดกระไรอีก ก้มหน้าก้มตากินอาหารบนโต๊ะ
สวีฝูกับสวีเต๋อเซิ่งมองอย่างสบายใจ ตอนนี้คนพวกนี้ปากอ่อนเพราะกินอาหารบ้านคนอื่น แต่อีกประเดี๋ยว…
คอยดูเถิดว่าพวกเขายังจะช่วยพูดแทนบ้านเจียงอีกหรือไม่
สวีเต๋อเซิ่งบอกว่าจะไปสุขา สวีฝูตามไป หลังจากแน่ใจแล้วว่ารอบข้างไม่มีผู้ใดก็ขยับไปพูดข้างหูสวีเต๋อเซิ่ง “เขาใส่หยกแขวนติดตัว”
“โง่เง่า!” สวีเต๋อเซิ่งด่า
“หากเป็ข้าคงนำออกมาอวดเช่นกัน พวกเขาคิดว่าเป็ของปลอม!” สวีฝูพูด ตอนนั้นเขาหลบอยู่ข้างทาง ได้ยินบทสนทนาของสองสามีภรรยาชัดเจน
“คิดว่าของจริงคงไม่มาหล่นอยู่ในหมู่บ้าน และถึงจะเป็ของปลอมก็ไม่กลัวโดนจับได้ ถึงโดนจับได้ก็แค่ไม่ยอมรับ อย่างไรเสียของปลอมก็ไม่มีราคา ผู้ใดก็ซื้อได้”
“ฮ่าฮ่า เขาโง่ก็สะดวกต่อพวกเราแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาไปค้น” สวีเต๋อเซิ่งหัวเราะ
“อืม ข้าเห็นด้วย” สวีฝูพยักหน้า
สองพ่อลูกไปห้องสุขาเสร็จก็กลับไปร่วมงานเลี้ยง บ้านเจียงถึงกับเชิญพ่อครัวจากภัตตาคารจุ้ยเซียนมาทำอาหาร ในกระเป๋าคงมีเงินไม่น้อย
หากไม่กวาดเงินบ้านเจียงเข้ากระเป๋าตัวเองให้หมด เขาขอเลิกใช้แซ่สวี
แต่แน่นอนว่าจะพลาดอาหารบนโต๊ะไปไม่ได้เช่นกัน เพราะไม่ใช่ทุกวันที่จะมีสุราและเนื้อเลิศรสเช่นนี้
กินดื่มอย่างไม่เกรงใจ ชนจอกกันไปมา บรรยากาศครึกครื้น
นี่คือภาพที่เจียงหงหย่วนกับหลินหวั่นชิวเห็นเมื่อกลับออกมา
สวีฝูกับสวีเต๋อเซิ่งยกจอกคำนับไปทั่ว
“พวกเขาทำเหมือนบ้านนี้เป็ของตัวเองแล้ว” หลินหวั่นชิวถากถาง นางไม่สบอารมณ์นัก
บ้านนี้เป็ของนางกับหย่วนเกอ
สวีเต๋อเซิ่งกับสวีฝูถึงกับใช้แผนร้ายเช่นนั้นเพื่อยึดบ้านนาง…
หากพวกนางไม่รู้ล่วงหน้า
หย่วนเกอคงโดนโทษปะาเป็แน่
นางกับหงหนิงหงป๋อ…นอกจากต้องไปอยู่ข้างถนนแล้ว…เมื่อไม่มีการปกป้องจากหย่วนเกอ เป็ไปได้มากว่าคงโดนเดรัจฉานพวกนี้เอาไปขาย
หลินหวั่นชิวมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของคนบ้านสวีแล้วอยากฆ่าพวกเขา
“ไม่ต้องโมโห! คิดเสียว่าพวกเขาเป็ตัวตลก!” เจียงหงหย่วนบีบมือหลินหวั่นชิวปลอบใจนาง “ให้พวกเขาโลดเต้นไปก่อน ยิ่งดีใจมากเท่าไร อีกประเดี๋ยวก็จะะเือารมณ์หนักเท่านั้น!”
หลินหวั่นชิวคิดตามก็รู้สึกว่าใช่ สองคนนี้เป็ตั๊กแตนปลายฤดูใบไม้ร่วง เหลือเวลาะโอีกไม่นานแล้ว
“ไปกันเถิด พวกเราควรไปคำนับสุราแล้วเช่นกัน”
เวทีจัดแสดงเรียบร้อย ผู้ชมนั่งกันครบ สุราอาหารพรั่งพร้อม ตัวแสดงปรากฏแล้ว ได้เวลาเปิดฉากเล่นละคร!
เชิงอรรถ
[1] ผ้าต่วน คือ ผ้าแพรชนิดหนึ่งทอเป็ลายสอง เนื้อเกลี้ยงมีลักษณะด้านหนึ่งเป็มันเงา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้