ผู้คนเห็นเ้าเมืองเฉียนคุกเข่าคารวะเย่เฟิงต่างก็ตาแข็งทื่อด้วยความใ เช่นนี้พวกเขาก็แน่ใจแล้วว่าเย่เฟิงคือคังผิงโหวจริง ๆ
ชายหนุ่มผู้ไม่เคยอยู่ในสายตาของพวกเขา บัดนี้ไม่เพียงแต่มีพลังแกร่งกล้าที่ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 ในหนึ่งการโจมตี แต่ยังเป็คังผิงโหวผู้ทรงอำนาจ
“ท่านโหวเย่ว์ ข้าน้อยไม่ได้รักษาความปลอดภัยของท่านให้ดี ๆ จึงทำให้ท่านเกือบตกอยู่ในอันตราย ท่านโหวเย่ว์โปรดลงโทษ”
ขณะนั้นชายวัยกลางคนที่มากับเ้าเมืองเฉียนเดินมาข้างหน้า ก่อนกล่าวกับเย่เฟิงเช่นนั้นพร้อมโค้งตัวคำนับ
“ขอบังอาจถาม ท่านคือใครหรือ?” เย่เฟิงถามขณะมองชายวัยกลางคนผู้นั้น เขานั้นสงสัยในตัวตนของชายวัยกลางคนผู้นี้มาก ไม่รู้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงรู้เื่ของเขา และเหตุใดถึงมารับโทษกับเ้าเมืองเฉียน?
“ข้าน้อยคือคนของจวนผู้ว่าการไท่โจว ท่านผู้ว่าการสั่งมาว่าให้คอยคุ้มกันท่านโหวเย่ว์ลับ ๆ แต่ว่าร่องรอยของท่านกลับหายไปในระหว่างทางที่ท่านมาโยวโจว หลังจากสืบข่าวหลาย ๆ ที่ก็รู้ว่าท่านมาถึงตระกูลลู่ จึงรุดมาที่นี่ทันที” ชายวัยกลางคนผู้นั้นกล่าวพร้อมคำนับเย่เฟิง
“เป็เช่นนี้นี่เอง ผู้ว่าการไท่ฉื่อคิดมากไปแล้ว”
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าผู้ว่าการไท่ฉื่อจะทำถึงเพียงนี้ แม้จะบอกว่ามาคอยคุ้มครอง แต่เย่เฟิงก็ไม่ชอบความรู้สึกถูกสะกดรอยตามเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า “ข้าไปไหนมาไหนคนเดียวจนชินแล้ว ั้แ่วันนี้ไปไม่รบกวนท่านแล้วละ เื่นี้ท่านเชิญไปแจ้งผู้ว่าการไท่ฉื่อว่าอย่าให้เขาส่งคนมาอีก”
“เป็ท่านโหวเย่ว์!”
ชายวัยกลางคนผู้นั้นได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็ชะงักไปชั่วขณะ ตอนเขาออกจากจวนผู้ว่าการ ท่านผู้ว่าการสั่งให้เขาคุ้มครองเย่เฟิง แต่บัดนี้ในเมื่อเย่เฟิงเป็คนเอ่ยปากเอง เช่นนั้นเขาจะกลับจวนผู้ว่าการหลังจากสะสางธุระที่นี่เสร็จสิ้น
บรรยากาศเงียบกริบ คนของตระกูลลู่รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์จวนเ้าเมืองที่ล้อมกรอบเย่เฟิงต่างไม่กล้าวู่วาม แม้แต่ลู่ตง ลู่หว่าน และเฉียนหงก็หน้าซีดเผือด ก่อนหน้านี้พวกเขายโสโอหังและไม่เห็นเย่เฟิงอยู่ในสายตามาตลอด
บัดนี้ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจ สาเหตุที่เย่เฟิงนิ่งเงียบมาตลอดก็เพราะดูแคลน ดูแคลนพวกเขาที่ไร้เดียงสาไม่รู้ความอะไร
“ท่านโหวเย่ว์ คนผู้นี้พยายามลอบทำร้ายท่าน ต้องลงโทษเก้าชั่วโคตร ข้าน้อยจะจับกุมพวกเขาและรอตัดสินวันลงโทษ!” ชายวัยกลางคนจากจวนผู้ว่าการกล่าวพร้อมคำนับเย่เฟิง ทั้งยังมองคนของตระกูลลู่และจวนเ้าเมืองที่ล้อมกรอบเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นะเื
เมื่อกล้าลอบทำร้ายจูโหว ตามกฎของอาณาจักรจ้าวแล้ว บทลงโทษคือสังหารเก้าชั่วโคตร!
ลู่ตง ลู่หว่าน และคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือด และอดตัวสั่นเทาไม่ได้ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นที่หน้าผากราวกับได้กลิ่นความตาย
เย่เฟิงเงียบไม่พูดอะไร เพียงมองลู่ตง ลู่หว่าน และคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าเฉยเมยไร้ความผันผวนใด ๆ แต่ท่าทีของเขากลับดูน่าหวาดกลัวในสายตาของคนตระกูลลู่และจวนเ้าเมือง
“ตุบ ๆ ๆ!” พลันเสียงหลายเสียงดังขึ้น ลู่ตงผู้นำตระกูลลู่ และผู้ฝึกยุทธ์หลายคนคุกเข่าลงต่อหน้าเย่เฟิงและหนานกงอวี่ ในแววตายังไร้ซึ่งความดูแคลนและจิตสังหาร ทว่าแทนที่ด้วยความสำนึกผิด และความหวาดกลัว
“ลู่หว่าน! รออะไรยังไม่รีบคุกเข่าอีก? หากเ้ากับเฉียนหงไม่ยุยง ข้าจะมีจุดจบเยี่ยงนี้ได้อย่างไร? ซ้ำยังทำผิดต่อท่านโหวเย่ว์อีก!” ลู่ตงดุบุตรสาวคนโตของตน ลู่หว่านได้ยินก็อดตัวสั่นเทาไม่ได้ก่อนจะคุกเข่าลงทันที
“ข้ามีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินท่านโหวเย่ว์ หวังว่าท่านจะไม่ถือสาหาโทษที่ข้าไม่รู้ตัวตนท่าน ได้โปรดให้อภัยข้าและครอบครัวข้าสักครั้ง” ลู่ตงกล่าวเสียงสั่นเล็กน้อย คล้ายกลัวเย่เฟิงพิโรธ หากเป็เช่นนั้นบทลงโทษก็คือสังหารเก้าชั่วโคตร
“เ้าหมายความว่า หากเป็คนธรรมดา เ้าตระกูลลู่ก็จะปฏิบัติเช่นนี้น่ะหรือ?” เย่เฟิงกล่าวขณะมองลู่ตงด้วยสีหน้าดูแคลน ทำให้ลู่ตงตัวสั่นเทาและใจเต้นระรัว
“ชะตากรรมของพวกเ้าตระกูลลู่ไม่ได้อยู่ในกำมือของข้า ข้าว่าเ้าขอร้องผิดคนแล้ว” เย่เฟิงกล่าวต่อ
เมื่อลู่ตงได้ยินเช่นนั้นก็ได้สติทันที ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และสาวเท้าไปหาลู่เหยา
“ลู่เหยา ลูกรักของพ่อ ข้าเป็พ่อที่ไม่ดีเอง เชื่อคำพูดของพี่สาวเ้าจนเกือบประสบหายนะครั้งใหญ่ เ้าช่วยพ่อขอร้องศิษย์พี่เ้า ให้ศิษย์พี่เ้าเมตตาตระกูลลู่ ข้าสัญญาว่าจะให้เ้าคบกับเขา” ลู่ตงวิงวอนลู่เหยา บัดนี้มีเพียงลู่เหยาคนเดียวที่เขาจะขอร้องได้แล้ว
ลู่เหยากะพริบตาปริบ ๆ ขณะมองบิดาตนด้วยสีหน้าสับสน การกระทำของบิดาตนทำให้ลู่เหยาอดหวั่นไหวไม่ได้ ไม่ว่าบิดาตนจะทำผิดอะไร แต่สุดท้ายก็เป็บิดาของนางอยู่ดี
แต่ลู่เหยาไม่พูดอะไร เพียงเหลือบมองลู่ตงแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินไปหาหนานกงอวี่
“ศิษย์พี่ ข้าขอโทษท่านโหวเย่ว์และศิษย์พี่แทนท่านพ่อ หวังว่าท่านโหวเย่ว์กับศิษย์พี่จะให้อภัยเขาและตระกูลลู่สักครั้ง”
ลู่เหยาเม้มปากเล็กน้อยขณะมองหนานกงอวี่ บิดานางและตระกูลลู่ล่วงเกินเย่เฟิงกับหนานกงอวี่ ตามหลักแล้วนางไม่มีหน้าจะขอร้องพวกเขาสองคนด้วยซ้ำ แต่นางทนดูครอบครัวของตนถูกทำลายเพราะเื่นี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงลดศักดิ์ศรีและขอร้องเช่นนี้ ทั้งยังโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อแสดงท่าทีขอโทษ
“ไยศิษย์น้องพูดเช่นนี้เล่า? รีบลุกขึ้นมาเร็ว!”
หนานกงอวี่ประคองลู่เหยาขึ้นมา จากนั้นหันไปมองเย่เฟิง แต่เขายังไม่เอ่ยปากก็ได้ยินเสียงของเย่เฟิงดังมา “ไม่ต้องสนใจข้า เื่ของตระกูลลู่ก็ให้เ้าจัดการแล้วกัน ควรจัดการอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเ้าแล้ว”
หนานกงอวี่ได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าซาบซึ้งใจ เขารู้ว่าสาเหตุที่เย่เฟิงมอบสิทธิ์นี้ให้เขา นั่นเพราะ้าให้เขาสร้างชื่อเสียงและอำนาจต่อหน้าทุกคนของตระกูลลู่
“ข้าจะให้อภัยพวกเ้าสักครั้ง เพื่อเห็นแก่ตระกูลลู่ที่ทำผิดครั้งแรก หวังว่าพวกเ้าจะจดจำและไม่ทำผิดอีก!” หนานกงอวี่กล่าวกับลู่ตงและคนตระกูลลู่ ไม่ว่าอย่างไรลู่ตงก็เป็บิดาของศิษย์น้องลู่เหยา หากถูกลงโทษ ลู่เหยาคงต้องเสียใจ นี่คือสิ่งที่หนานกงอวี่ไม่้าเห็น ดังนั้นหนานกงอวี่จึงให้โอกาสตระกูลลู่สักครั้ง เพื่อให้พวกเขากลับตัวกลับใจ
“ลู่เหยาขอบคุณท่านโหวเย่ว์ ขอบคุณศิษย์พี่!”
ลู่เหยาได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจในความเมตตาของเย่เฟิงและหนานกงอวี่
“เร็ว! รีบขอบคุณท่านโหวเยว่และคุณชายหนานกง!” ลู่ตงได้ยินหนานกงอวี่ให้อภัยพวกเขาตระกูลลู่ จึงหันไปกล่าวเช่นนั้นกับทุกคนในตระกูลลู่
คนตระกูลลู่ต่างรู้สึกโล่งใจ ก่อนจะทยอยโค้งตัวคำนับเย่เฟิงและหนานกงอวี่ ทั้งยังรู้สึกขอบคุณจากใจจริง ในฐานะจูโหว มองข้ามการกระทำผิดของคนกลุ่มหนึ่งไปเช่นนี้ นี่แสดงให้เห็นถึงความใจกว้างของเย่เฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะเดียวกันคนตระกูลลู่ก็รู้ว่าทุกอย่างนี้เกิดขึ้นได้เพราะหนานกงอวี่ หาไม่แล้วเย่เฟิงไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ เช่นนี้
แต่ผู้ฝึกยุทธ์จวนเ้าเมืองที่ลงมือทำร้ายเย่เฟิงไม่โชคดีเพียงนั้น พวกเขาถูกคุมตัวเข้าคุก ซึ่งเป็เ้าเมืองเฉียนที่ทำทุกอย่างนี้โดยที่เย่เฟิงไม่ห้ามแต่อย่างใด นับจากนี้ไปเขาอาจจะอยู่ที่ไท่โยวเก้าเขตอีกนาน หากไม่สร้างชื่อเสียงและอำนาจที่นี่ เกรงว่าผู้คนมากมายจะกล้าล่วงเกินเขา
หลังจากเย่เฟิงออกโรง ในที่สุดหนานกงอวี่และลู่เหยาก็ได้ครองคู่กัน โดยไม่มีผู้ใดกล้ากังขา ตราบใดที่เย่เฟิงยังอยู่ นับจากนี้ไปฐานะของหนานกงอวี่ที่อยู่ในใจของคนตระกูลลู่จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ลู่ตงผู้นำตระกูลลู่ก็ยังเคารพลูกเขยคนนี้ของเขา
หนานกงอวี่และลู่เหยาได้เป็คู่ครองสมปรารถนา ฐานะของตระกูลลู่ในเมืองชิงโจวก็ถูกยกระดับ แม้แต่จวนเ้าเมืองก็ยังต้องให้เกียรติตระกูลลู่สามส่วน เพราะสหายของหนานกงอวี่คือคังผิงโหว หากไม่ให้เกียรติหนานกงอวี่ก็เท่ากับดูิ่คังผิงโหว
เมื่อเื่ตระกูลลู่จบลง เย่เฟิงก็กลับโยวโจวคนเดียวโดยไม่รั้งอยู่ที่เมืองชิงโจวต่อ ส่วนหนานกงอวี่รั้งอยู่ที่ตระกูลลู่
เย่เฟิงชิงอันดับที่หนึ่งของการประลองยุทธ์เลือกคู่ เื่นี้สั่นะเืไปทั่วทั้งอาณาจักรจ้าว แต่อาณาจักรเว่ยกลับขายหน้าเพราะเื่นี้
หลังจากเว่ยเจิ้นเทียนและคนอื่นกลับถึงอาณาจักรเว่ย องค์าาเว่ยทราบเื่ที่เกิดขึ้นก็โกรธเป็อย่างมาก อาณาจักรเว่ยคืออาณาจักรศูนย์กลางของแดนชิงอวิ๋น แต่จะใช่คนรุ่นเยาว์อย่างเย่เฟิงยั่วโมโหได้อย่างไร?
ครั้งนี้เย่เฟิงทำให้อาณาจักรเว่ยอับอายขายหน้าทั่วแดนชิงอวิ๋น องค์าาเว่ยตัดสินใจกำจัดเย่เฟิง จึงสั่งขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งให้ไปจัดการเย่เฟิง
แต่เพื่อภารกิจที่องค์าามอบหมายมา ขุนนางใหญ่ผู้นั้นถึงกับตามหากลุ่มนักฆ่าที่ใหญ่สุดของแดนชิงอวิ๋นที่มีนามว่าพันธมิตรชาเซวี่ยและเสนอราคาสูงเพื่อ้าชีวิตของเย่เฟิง
ด้านเย่เฟิง เขากลับโยวโจวโดยใช้วิธีเดินเท้าเช่นเดิม ผ่านมาสองวันเย่เฟิงก็มาถึงเทือกเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากเมืองโยวโจวประมาณพันลี้
เทือกเขาแห่งนี้มีชื่อว่าเขาเฉียนคุน ที่นี่ไม่เหมือนเทือกเขาปี้หลิง แต่กลับอันตรายยิ่งกว่า ทางเดินทั้งขรุขระ หน้าผาสูงชันรายล้อมรวมถึงเหวลึกที่มองไม่เห็นเบื้องล่าง ซึ่งตอนที่เย่เฟิงและหนานกงอวี่ไปชิงโจวก็เสียเวลาเดินทางไปกับเขาเฉียนคุนแห่งนี้
