มันเกินความคาดหมายงั้นหรือ?
ก็ไม่
เซียวเจวี๋ยไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งงานกับนางเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่านางเองก็ไม่เคยคิดที่จะแต่งงานเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ชิงอีกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ หากไม่แต่งงาน นางจะหาพลังมาจากไหน?
พลังนี่แหละที่เป็ปัญหา
“แล้วยังไงล่ะ” ชิงอีส่งเสียงฮึด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “ตอนแรกท่านเป็คนพูดเองไม่ใช่หรือว่า้าแต่งงาน ตอนนี้คนที่พูดว่าไม่อยากแต่งก็เป็ท่านเหมือนกัน ส่วนข้าเองก็ไม่อยากให้ท่านได้ในสิ่งที่ท่าน้า”
เซียวเจวี๋ยมองไปที่นางครู่หนึ่ง “เพียงเพราะไม่อยากให้ข้าได้สิ่งที่ข้า้างั้นหรือ? หากพูดเช่นนี้องค์หญิงเตรียมตัวที่จะอภิเษกแล้วใช่หรือไม่?”
ชิงอีกระตุกมุมปาก คำพูดนั้นทำเอาพูดไม่ออกจริงๆ
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางเป็ผีเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มาแปดพันปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายจะมาตกม้าตาย เพราะหนุ่มน้อยในโลกมนุษย์ได้อย่างไรกัน?
“ข้าจะบอกเหตุผลให้ก็ได้ ในเมื่อข้าหลับนอนกับท่านไปแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด อย่างไรแล้วสุดท้ายก็ต้องเลือกราชบุตรเขยอยู่ดี ถึงแม้ว่าหนุ่มน้อยอย่างท่านจะไม่ดีสักเท่าไร ทว่า ท้ายที่สุดหน้าตาของท่านก็ยังถือว่าไปวัดไปวาได้ ถึงจะโดนบังคับให้แต่งเข้ามา มันก็ไม่ได้แย่ไม่เสียทีเดียว”
เหตุผลก็พูดไปแล้ว คงไม่ได้กำลังพูดเหตุผลแปลกๆ ออกไปหรอกใช่ไหม?
เซียวเจวี๋ยหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับความเยาะเย้ยในดวงตา “แต่งเข้าไป? องค์หญิงคิดว่ามันเป็ไปได้งั้นหรือ?”
“ถ้าไม่ลองจะรู้ได้ยังไง?” ชิงอีจ้องกลับไปอย่างยั่วยุ
แต่งงาน ยังไงมันก็เป็ไปไม่ได้อยู่แล้ว!
้าให้นางรู้เห็นเป็ใจกับเื่ของเขาในภาคหน้างั้นหรือ ฝันไปเถอะ!
แค่เลือกให้เขาแต่งเข้ามาในบ้าน ยังต้องใช้ความอดทนไปตั้งมากมายเท่าไร ต่อไปในวันข้างหน้า นางจะสั่งให้เขาเสิร์ฟชา ล้างเท้าให้นางทุกวันเลยคอยดู!
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็มาดูกันว่าใครจะเป็คนที่หัวเราะทีหลังแล้วดังกว่า” เซียวเจวี๋ยยิ้มอย่างเ็า
เมื่อเตรียมลุกขึ้นและกำลังจะออกไป ชิงอีคิดเื่บางอย่างขึ้นมาได้ จึงเรียกเขาให้หยุด และเผยรอยยิ้มราวกับปีศาจเฒ่าบนหุบเขาลึกที่ลักพาตัวนักปราชญ์ในวัดโบราณ “ไหนๆ ก็มาแล้ว เช่นนั้นมาดื่มสักแก้วสองแก้วแล้วค่อยไปเถอะ บางทีเราเจอกันครั้งหน้าอาจจะไม่ได้นั่งในระดับสายตาเช่นนี้แล้วก็ได้?”
ดื่มสักแก้วงั้นหรือ?
เซียวเจวี๋ยหันกลับมามองที่นาง และแสร้งทำตัวเ้าเล่ห์ในสายตาของนาง
“ไม่มีสุรา”
นี่คือปัญหา
ที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้ ชิงอีคงไม่สามารถเสกสุรามากลางอากาศได้ อีกอย่างนางก็ใช้พลังไปจนหมดเกลี้ยงแล้ว
“ก็แค่เื่ง่ายๆ ตามข้ามา” ชิงอีลุกขึ้นและเดินออกไป
เซียวเจวี๋ยหยุดชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินตามนางไป พร้อมกับรอยยิ้มที่พาดผ่านในดวงตาของเขา นางคิดจะทำเื่บ้าบออะไรกันแน่?
ห้องเครื่อง
ตอนนี้เป็เวลาเปลี่ยนกะ
ในตอนที่ชิงอีเดินวางมาดเข้ามา ก็มีคนไม่มากนักที่อยู่ภายในห้อง
เมื่อพ่อครัวและเหล่าข้าหลวงเห็นถึงการมาขององค์หญิงและเซ่อเจิ้งอ๋อง ก็รีบวางมือจากงานที่ทำอยู่และคุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพ
“นำสุราที่ดีที่สุดมาให้ข้า”
เหล่าข้าหลวงต่างมองหน้ากัน ไม่กล้าที่อืดอาดยืดยาด จึงรีบไปที่ห้องเก็บสุราเพื่อนำมันมา
ชิงอีมองไปยังโถเหล้าที่อยู่ตรงหน้า คิดว่าจำนวนสุรานั้นน่าจะเพียงพอแล้ว นางจึงโบกมือให้พวกเขา “พวกเ้าออกไปให้หมด”
เอ่อ...
หรือว่าองค์หญิงใหญ่กับเซ่อเจิ้งอ๋องประสงค์ที่จะดื่มสุราที่นี่งั้นหรือ?
ทุกคนที่ไม่กล้าถามอะไร จึงทำได้เพียงถอยออกไปเงียบๆ ทว่าอีกไม่นานก็คงมีข่าวลือหลุดลอยไปในวังหลวงอีกครั้งอย่างแน่นอน
ทันทีที่ชิงอีกเปิดฝาโถสุรา กลิ่นของสุราก็ตีจมูกขึ้นมา เพียงแค่นางสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ก็เผยให้เห็นสีหน้าของความมึนเมา นางเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม “ไม่รู้ว่าความสามารถในการดื่มสุราของเซ่อเจิ้งอ๋องจะเป็อย่างไรกัน?”
“ก็พอใช้ได้” เซียวเจวี๋ยเหลือบมองไปที่โถสุราเหล่านี้และพูดออกมาอย่างมีเลศนัย
ชิงอีหยิบโถสุราขึ้นมาและเขย่ามันเบาๆ เพื่อกะปริมาณ จากนั้นก็วางมันไว้ตรงหน้าเขา ท่าทางที่กล้าหาญอย่างเปิดเผย มาพร้อมกับการเตรียมตัวที่จะยกโถสุราขึ้นมาดื่ม
นั่นทำให้เซียวเจวี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ปกติก็จู้จี้จุกจิกอยู่แล้ว เกิดดื่มจนเมาขึ้นมาคงไม่สงบสุขแน่ๆ
“รออะไรอยู่ล่ะ ดื่มสิ!”
ชิงอีจ้องมองไปที่เขา เซียวเจวี๋ยเองก็หมดหนทาง ทันทีที่หยิบโถสุราขึ้นมา นางยกโถขึ้นเพื่อมาชนแก้ว เมื่อโถทั้งสองโถชนกัน สุราก็กระเซ็นออกมาจนทำให้ชุดราชสำนักเปียกในทันที
เมื่อเห็นนางยกโถสุราพร้อมกับดื่มไปอึกใหญ่ เซียวเจวี๋ยก้มศีรษะลงและเหลือบมองโดยไม่ได้พูดอะไร
เฮ้อ...
ทำไมเขาต้องตามนางมาด้วยนะ?
โถสุราค่อยๆ ว่างเปล่าไปทีละโถโดยไม่รู้ตัว
แน่นอนว่าชิงอีนั้นก็คอแข็งพอควร ตอนที่นางอยู่ในปรโลกในการดวลสุรานางไม่เคยแพ้ผู้ใดเลย อย่างไรก็ตาม สุราที่เหล่าผีน้อยพวกนั้นทำค่อนข้างขมไปหน่อย พวกคนบน์เองก็มักจะโก่งราคาเอาเปรียบอยู่เสมอ สุราชั้นยอดของเทพเซียนนั้นแพงหูฉี่ ช่างแตกต่างกับสุราบนโลกมนุษย์ที่ทั้งราคาถูก รสชาติดี แล้วก็ไม่ขม!
หากสามารถนำสิ่งนี้สามารถกลับลงไปข้างล่างได้ นางคงดื่มมันอย่างมีความสุขไปได้อีกหลายสิบปีแน่นอน
เพียงทว่า...
เหตุใดวันนี้ดื่มไปแค่เพียงสี่ห้าโถ กลับรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเล็กน้อยแล้วล่ะ?
ชิงอีส่ายศีรษะและมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้าม
สีหน้าของเซียวเจวี๋ยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าเขาจะยกโถสุราขึ้นดื่มด้วยมือเดียว ท่าทางของเขาก็ยังคงสวยงามดุจดั่งภาพวาดศิลปะที่วาดด้วยพู่กันอย่างประณีตเฉกเช่นเดียวกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เมื่อสุราไหลลงไปตามลำคออย่างสง่างาม และผ่านลูกกระเดือกที่ขึ้นลงเมื่อกลืนลงไป...
ชิงอีถึงกับกลืนน้ำลายดังอึก
โถว่างเปล่าไปอีกหนึ่งโถ และเซียวเจวี๋ยที่กำลังจะหยิบอีกโถหนึ่งขึ้นมา ทว่า ชั่วพริบตานั้นเองเขาก็เห็นนางหยิบโถนั้นไป พร้อมกับสายตาที่จ้องมองตรงมาที่ตนเอง แก้มทั้งสองข้างบนใบหน้าของนางแดงก่ำ รวมไปถึงจมูกก็ขึ้นสีชมพู ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าเปลือกตาของนางเริ่มปรือเล็กน้อย...
นี่...เมาแล้วหรือ?
เซียวเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะอยากหัวเราะออกมา ก็แค่ดื่มสุราเล็กๆ น้อยๆ เหตุใดถึงกลายเป็เช่นนี้ไปได้เล่า?
เกรงว่านางคงจะลืมไปแล้วว่าตนเองอยู่ในร่างกายมนุษย์?
“จุ๊ๆ หนุ่มน้อย หน้าตาของท่านเป็อย่างไรกันแน่?”
ชิงอีวางโถสุราลง แล้วเหยียดมือทั้งสองออกไป
เดิมทีเซียวเจวี๋ย้าที่จะปัดออก ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดร่างกายของเขายังคงไม่ขยับเขยื้อน จนกระทั่งมือเย็นๆ เล็กๆ เ่าั้วางลงมาบนใบหน้าของตนเอง และเริ่มปัดป่ายลูบคลำอย่างไม่รู้จบ
“ผิวเรียบเนียนขนาดนี้ ใบหน้าก็ขาวขนาดนี้...” ชิงอีเรอออกมา พร้อมกับสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว “มีสิทธิ์อะไรกัน?!”
เซียวเจวี๋ยจับมือทั้งสองข้างของนาง พร้อมกับขมวดคิ้วแน่น เมื่อมองไปยังท่าทางของนางที่เมาและเริ่มเลอะเลือนเล็กน้อย ไม่รู้เหตุใดถึงนึกอยากที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้ง
ขนาดเมาแล้วยังกังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของผู้อื่นอีกงั้นหรือ?
“ท่านเมาแล้ว!”
“ข้าไม่เมา!” ชิงอีเบิกตากว้าง “ข้ายังดื่มกับท่านได้อีกสามวันสามคืน!!”
เซียวเจวี๋ยกระตุกมุมปาก ความจริงแล้วสุรานี้ก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไรเหมือนกัน
“ไม่สิ...สรุปแล้วท่านดูแลใบหน้าอย่างไรกันแน่?” ชิงอีกระทืบเท้าทั้งสอง สองมือของนางยังคงลูบไปลูบมาไม่หยุด ราวกับกระต่ายที่โง่เขลา
มุมปากของเซียวเจวี๋ยยกขึ้นอย่างควบคุมได้ ทว่า ก็ถูกเขาทำให้หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเตือนตัวเองว่านางคือน้องสาวของใคร
“ท่านลุกขึ้นยืนให้ดีๆ” เขาออกแรงดัน
ชิงอีถึงกับเดินโซเซและล้มลงกับพื้น จากนั้นก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาที่มือในทันใด นางยกมือขาวเล็กๆ ขึ้น
เป็รอยถลอกและมีเืออก...
“เืออกแล้ว ข้าเืออก ต้องตายแน่ๆ เลย...โอ๊ย ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว...”
ดวงตาของชิงอีที่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มร้องไห้ออกมา โดยที่ไม่มีน้ำตา มีเพียงแค่เสียงครวญคราง...
ท่าทางนั้นเหมือนกับตอนที่เซียวเจวี๋ยใช้เกลือดึงปลิงออกจากเท้านางตอนอยู่ด้านหลังของวัดตงหวาอย่างไรอย่างนั้น
เซียวเจวี๋ยถึงกับปวดหัวไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรดี เขาจับไปที่ตรงกลางระหว่างคิ้วและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
เหตุใดถึงได้มีผีผู้หญิงอวดดีเช่นนี้กันนะ?
เขาลงนั่งยองๆ รู้สึกเกร็งและตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย
เกลี้ยกล่อมเด็กผู้หญิง เขาทำไม่เป็หรอก เกลี้ยกล่อมเด็กผู้ชาย ก็ยิ่งแล้วใหญ่...
เขายกมือขึ้นและค้างอยู่ในอากาศ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ค่อยๆ ลูบศีรษะของนาง “อย่าร้องไห้นะ...”
ชิงอีเบะปากและเงยหน้าขึ้นมา ทว่า เมื่อเห็นท่าทางของนางแล้วกลับดูน่าสงสารเป็อย่างมาก
ในใจของเซียวเจวี๋ยรู้สึกราวกับโดนอะไรกระแทกเข้ามา มือที่ปลอบโยนนางก็หยุดชั่วคราว ก่อนที่จะวางลงไปใหม่อีกครั้ง
ทันใดนั้น ร่างทั้งร่างของเขาก็แข็งทื่อ
ร่างเล็กๆ ที่นุ่มนวลพุ่งเขามาในอ้อมแขนของเขาและกอดเขาเอาไว้แน่น
“เ้าบ้าเย่เหยียน ท่านไปอยู่ที่ไหนมา...”
