โจวชิงหวาโยนกระบี่ให้กับบ่าวที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วเดินมาหาหนีเจียเอ๋อร์
นางก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ถูกชายหนุ่มรั้งร่างเอาไว้ จำต้องยืนนิ่ง ปล่อยให้อีกฝ่ายติดกระดุมถักให้อย่างที่เขา้า
สือหวู่กะพริบตาปริบๆ... สีหน้าอ่อนโยนของนายท่านในยามนี้ ช่างขัดกับบรรยากาศกดดันที่อยู่รอบตัวยิ่งนัก แต่ในฐานะลูกน้อง เขาย่อมต้องสนับสนุนเ้านาย จึงหันไปบอกให้สมุนทั้งหมดล่าถอยไป
คนเ่าั้โค้งคำนับ ก่อนแยกย้ายไปคนละทาง
เมื่อพวกเขาทำเช่นนี้ หนีเจียเอ๋อร์ก็ยิ่งรู้สึกขัดเขิน ทำทีเป็กระแอมสองสามครั้งแล้วจึงเอ่ย “วรยุทธ์ของคนชุดดำเหล่านี้ ไม่สูงเท่ากลุ่มที่เคยเจอบนูเา ไม่น่าจะใช่พวกเดียวกัน”
พอติดกระดุมถักให้แล้ว โจวชิงหวาก็เลื่อนสายตาไปมองหน้าหญิงสาว “เ้ารู้ได้อย่างไร ว่าฝีมือของพวกมันไม่เหมือนกัน?”
หนีเจียเอ๋อร์เหลือบมามอง... ชัดเจนขนาดนี้ ยังต้องถามอีก!
นางจึงตอบว่า “เห็นๆ กันอยู่ ว่าคนกลุ่มนี้สู้เ้าไม่ได้ จึงถูกเล่นงานจนาเ็ จนต้องเผ่นหนี!”
โจวชิงหวาพยักหน้าเห็นด้วย พลางลูบศีรษะนาง คล้ายปลอบโยนแมวน้อยที่กำลังเสียขวัญ “ฉลาดนัก! คาดว่าเ้าคงจะรู้อยู่แล้วว่าสวีซื่อเป็คนส่งพวกมันมา”
หนีเจียเอ๋อร์เบิกตากว้าง ไม่คิดว่าชายผู้นี้จะอ่านใจคนเป็ ทั้งยังคาดเดาเหตุการณ์ได้อย่างแม่นยำถึงเพียงนี้ ตนยังไม่ทันเอ่ยปาก เขาก็สามารถเดาใจนางได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น “ไม่เลว! เช่นนั้นเ้าคงจะเดาได้ว่า ต่อไปข้าจะทำอย่างไรกับสวีซื่อ”
นางแตะปลายนิ้วที่จมูกด้วยความเคยชิน ในสายตาของโจวชิงหวา กิริยาเช่นนี้ก็นับว่าเป็การบอกใบ้ที่มากพอแล้ว เขาจึงขยิบตา พลางถาม “หากข้าเดาถูก จะมีรางวัลให้หรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์คิดเล็กน้อย แล้วพยักหน้าอย่างเ้าเล่ห์ “ย่อมมี!”
ชายหนุ่มโน้มตัวเข้าไปใกล้ พร้อมพูดเสียงเรียบ “หากเดาถูก ให้ข้าจูบครั้งหนึ่ง”
นางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เมื่อนานมาแล้ว สมัยยังเป็เด็ก ตนเองและโจวชิงหวาก็เคยเดิมพันกันว่า หากเขาเป็ผู้ชนะ จะขอรางวัลเป็จุมพิตจากนาง
เมื่อนึกถึงเื่ราวในอดีต แววตาของหนีเจียเอ๋อร์ก็อ่อนลงอย่างยากอธิบาย นางพยายามไม่นึกถึงเื่เ่าั้ แล้วหยอกล้อเขากลับ มือเล็กดันหน้าของอีกฝ่ายออกห่าง
“แม้จะเดาถูก แต่เ้าจะไม่เอาเปรียบข้าไปหน่อยหรือ?”
โจวชิงหวาเดินรอบตัวนางด้วยรอยยิ้มเริงร่า อ้อมหน้าอ้อมหลัง แล้วเอียงแก้มข้างหนึ่งมาใกล้ๆ เพื่อขอรางวัล “ข้ามิได้เร่งรัด แต่หากเ้าให้รางวัล คืนนี้ข้าคงจะนอนหลับฝันดี”
ด้านหลังของชายหนุ่มเป็บันไดสิบห้าขั้น การที่เขาเอาแต่เดินถอยหลังเช่นนี้ อาจเป็อันตรายได้ หนีเจียเอ๋อร์จึงต้องคว้าร่างโจวชิงหวาเอาไว้ ทำให้ทั้งสองซวนเซจนล้มลงไปกองกับพื้น
โจวชิงหวาล้มลงบนบันไดหิน โดยมีร่างของหญิงสาวอยู่ในอ้อมแขน
หนีเจียเอ๋อร์อ้าปากค้าง เมื่อตระหนักได้ว่าริมฝีปากของบุรุษที่อยู่เบื้องล่าง กำลังแตะแก้มของตนอยู่
ใบหน้าของนางพลันเห่อร้อน หญิงสาวรีบผุดลุกขึ้นเดินหนี เหมือนคนที่ทำความผิดแล้วถูกจับได้
ด้านโจวชิงหวา เมื่อลุกขึ้นยืนแล้ว ก็นิ่งงันไปพักใหญ่ ชายหนุ่มค่อยๆ ยกมือขึ้นััริมฝีปากตัวเอง ขณะหวนนึกถึงแก้มนุ่มของหญิงสาว กลิ่นหอมๆ อ่อน ซึมซาบลึกถึงหัวใจ จนอดมิได้ที่จะยิ้มออกมา
...
บุรุษสวมหน้ากากชุดดำผู้หนึ่งหนีออกจากจวนสกุลโจว ตรงมายังจวนสกุลหนี โดยอาศัยสวนด้านหลังเป็ที่หลีกเร้นจากสายตาผู้คน จนไปถึงหน้าเรือนของสวีซื่อ ฮูหยินของนายท่านหนี
คนผู้นี้ก็คือสวีโหย่วเฉิง ที่ได้รับคำสั่งจากสวีซื่อให้ไปสังหารหนีเจียเอ๋อร์ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะช้ากว่าโจวชิงหวาไปก้าวหนึ่ง...
“เป็อย่างที่ฮูหยินคาด หนีเจียเอ๋อร์ซ่อนตัวอยู่ในจวนสกุลโจว ผู้น้อยเห็นนางด้วยตาของตัวเองขอรับ”
สวีซื่อใ “หากนางกลับมาแล้ว เหตุใดถึงไม่กลับบ้าน! หรือไม่อยากให้ทุกคนรู้?”
สวีโหย่วเฉิงส่ายหน้า ก่อนเงียบไป
หลินมามากระซิบบอก “ไม่ว่านางจะคิดอย่างไร แต่แผนการสังหารนางก็ต้องดำเนินต่อ”
สวีซื่อแตะหน้าท้องที่นูนออกมา แววตาเต็มไปด้วยแรงอาฆาต “โหย่วเฉิง ครั้งนี้เ้าไม่ต้องลงมือเอง ไปจ้างนักฆ่า แล้วส่งพวกเขาไปสังหารหนีเจียเอ๋อร์ที่จวนสกุลโจว!”
สวีโหย่วเฉิงค้อมตัวรับคำสั่งอย่างนอบน้อม
จากนั้น หลินมามาก็ประคองสวีซื่อเข้าไปนอนและดับไฟ
สวืซื่อนอนกระสับกระส่ายทั้งคืน จนถึงรุ่งเช้า...
...
โจวชิงหวาตื่นขึ้นมาฝึกกระบี่ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังลอบมองอยู่ พอกันไปดูก็เห็นเพียงยอดไม้ขยับไหวที่นอกจวน จึงรีบไปหาหนีเจียเอ๋อร์ทันที
หญิงสาวไม่คิดจะอยู่เฉย เพราะกำลังหาโอกาสพลิกสถานการณ์พอดี หลังจากปรึกษากันครู่หนึ่ง จึงวางแผนที่จะใช้ตัวเองเป็เหยื่อล่อ
นางจึงทำทีเป็แอบเดินออกมาที่ตรอกเล็กๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจวนสกุลโจวมากนัก
ตอนนั้นเอง บุรุษสวมหน้ากากซึ่งสะกดรอยตามมา ก็ปรากฏตัวขึ้นราวยี่สิบสามสิบคน พวกเขาต่างพากันชี้ปลายกระบี่สีเงินวาววับมายังนาง
หนีเจียเอ๋อร์แสยะยิ้ม... คราวนี้สวีซื่อคงยอมแลกทุกอย่าง เพื่อที่จะฆ่านางให้ได้!
หญิงสาวเหลือบมองบุรุษสวมหน้ากากที่อยู่ใกล้ๆ พลางเอ่ยเสียงเรียบ “เฝ้ากันมาทั้งคืนแล้ว พวกเ้าคงลำบากน่าดู!”
พอสังเกตเห็นรอยยิ้มอันแปลกประหลาดของนาง บุรุษผู้นั้นก็เอะใจ แต่ไม่ทันได้ออกคำสั่งให้ล่าถอย กลับพบว่าถูกปิดทางหนีทั้งหน้าหลัง บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยคนถืออาวุธครบมือ ทั้งยังมีพลธนูพร้อมโจมตีจากทั่วสารทิศอีกด้วย
บุรุษสวมหน้ากากผู้เป็หัวหน้า พลันหันไปคว้าหนีเจียเอ๋อร์ หมายจะจับเป็ตัวประกัน แต่ก็สายเกินไป ด้วยโจวชิงหวาเข้ามาแทรกกลางเสียแล้ว...
ทั้งสองฝ่ายจึงยืนหยั่งเชิงกันอย่างเงียบเชียบ
จากนั้น โจวชิงหวาก็ถามขึ้นว่า “จะให้ยิงธนูสังหาร หรือจับมันไปเฉือนเนื้อทีละชิ้นจนตาย?”
หนีเจียเอ๋อร์จึงตอบ “เฉือนเนื้อทีละชิ้นหรือ? ดูเหมือนจะต้องใช้ความพยายามไม่น้อย เก็บไว้ก่อน พวกมันยังมีประโยชน์อยู่”
โจวชิงหวาเหลือบมองสตรีที่อยู่ข้างๆ พบว่าในดวงตาของนางไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ
หนีเจียเอ๋อร์พึมพำออกมาอย่างแ่เบา “หากอยากจะกินมันฝรั่ง ก็ต้องค่อยๆ ปอกเปลือกที่ละชิ้น ช่างยุ่งยากนัก!”
ต้องยอมรับ ว่าชายหนุ่มตกหลุมรักด้านนี้ของนาง
แม้ศัตรูจะเคลื่อนไหวอย่างโเี้ แต่เขาก็พร้อมจะสวนกลับอย่างดุดันไม่แพ้กัน
“จัดการเสีย!” โจวชิงหวาออกคำสั่ง
แล้วยื่นแขนข้างหนึ่งไปคว้าเอวบางของหญิงสาว พานางทะยานไปบนกำแพง แล้วกลับไปรอที่จวนอย่างสบายใจ
...
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป หลังจากสังหารมือสังหารจนหมดจนเหลือเพียงหัวหน้า คนผู้นั้นก็ถูกนำตัวมาที่จวนสกุลโจว
หนีเจียเอ๋อร์สั่งให้สือหวู่ทุบตีอีกฝ่ายอย่างหนัก ก่อนบีบบังคับให้เขาเขียนจดหมายไปรายงานสวีซื่อ ว่าตนได้ทำสำเร็จตามแผนแล้ว พร้อมขอรับเงินค่าจ้างส่วนที่เหลือ
ด้านสวีซื่อ เมื่อได้รับจดหมายก็รีบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ว่าจะมอบเงินเพิ่มให้อีกสองร้อยตำลึงเพื่อเป็การรางวัล ทั้งยังนัดหมายให้หัวหน้ากลุ่มมือสังหารไปพบนางที่วัดซ่างชิง ที่ตั้งอยู่ตรงชานเมืองในวันพรุ่งนี้อีกด้วย
หนีเจียเอ๋อร์มองจดหมาย พลางยกยิ้มมุมปาก “พรุ่งนี้ ข้าจะหาของขวัญแบบไหนไปมอบให้ท่านแม่ดีนะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้