เล่นหูเล่นตา หมายถึงชายและหญิงที่ส่งสายตาให้กัน ซึ่งที่พูดมาก็เท่ากับบอกว่าน้าสะใภ้สามเป็คนที่รักสนุกนั่นเอง ซูฉีเฉียวทำท่าใเพื่อให้ควรร่วมมือในการฟังเื่เล่า “นี่…น้าสามเขาไม่สนใจเื่นี้หรือคะ”
“สนใจสิ จะไม่สนใจได้อย่างไร แต่ต่อให้สนใจเขาก็ต้องรับฟัง ข้าจะบอกอะไรเ้าให้นะ ภรรยาของเหล่าซานเกลี้ยกล่อมให้เขามีความสุข นางไม่ทำงานทำการ แต่รู้การเอาใจใส่คน ครั้งนี้หนีความแห้งแล้งมาที่นี่ อาการเก่านางก็กำเริบขึ้นมาอีกแล้ว หลายวันมานี้ นางก็เอาแต่วิ่งไปที่บ้านครอบครัวเจิ้ง”
“อะไรนะ” เมื่อได้ยินว่านางไปที่บ้านของครอบครัวเจิ้ง ซูฉีเฉียวก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาจริงๆ
อาสะใภ้เจิ้งเป็ครอบครัวที่ซื่อสัตย์ นายเจิ้งแค่ดูก็รู้ว่าเป็คนซื่อตรง หากผู้หญิงอย่างน้าสะใภ้สามทำเช่นนั้นจริงๆ คงจะทำให้เกิดความวุ่นวายในครอบครัวแน่นอน…
ยิ่งซูฉีเฉียวคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเื่นี้มันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไร ใบหน้านั้นแสดงออกถึงความหงุดหงิดใจได้อย่างชัดเจน
นางหลัวเห็นท่าทีของเธอ จึงเอ่ยออกมาด้วยความปลงตก “เ้าว่า คนดีอย่างนายเจิ้ง คนที่มีความซื่อตรงอย่างนั้น แต่ว่าพวกผู้ชายบางครั้งก็ควบคุมความคิดของตนเองไม่ได้ หากมีคนเข้ามาหาเขา เ้าว่ามันจะไม่มีแมวขโมยได้อย่างไรกัน ข้าเห็นว่าเ้ากับภรรยาครอบครัวนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ข้าจึงมาบอกให้รู้เอาไว้ บางอย่างพวกเราคงพูดกันไม่ได้ เ้าไปเตือนครอบครัวเจิ้งสักหน่อยอย่าทำให้ครอบครัวนั้นถูกสะใภ้สามทำให้เลิกรากันเลย”
ซูฉีเฉียวเหลือบมองไปยังน้าสะใภ้ผู้อบอุ่นคนนี้ นี่นางเปลี่ยนไปเป็คนจิตใจดีั้แ่เมื่อไรกัน
“เฮ้อ ตัวข้าเนี่ย เป็คนห่วงใยคนอื่น เอาล่ะ ข้าจะไปทำอาหารแล้ว หากมีเวลาว่างจะมาคุยด้วยใหม่นะ” เอ่ยปากว่าจะกลับ แต่นางหลัวกลับไม่ขยับตัวไปไหน ดวงตาซุกของนางเอาแต่จับจ้องไปยังกองผักในบ้านของซูฉีเฉียว
ใน่นี้มีผักสดค่อนข้างน้อย พวกผักสดเหล่านี้ที่อยู่ในบ้านของซูฉีเฉียว ปกติแล้วจะนำไปขายในเมือง ผักที่เก็บเอาไว้กินเองที่บ้านก็จะเป็ผักที่มีรูปลักษณ์ไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก
“นี่หลานสาว ครอบครัวของเ้านี่ดีจริงๆ เลยนะ ครอบครัวของข้าแทบจะหาผักสดมากินไม่ได้เลย อยากจะกินพวกผักดองสักหน่อยก็ไม่มีให้กิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผักสดเลย เฮ้อ พวกข้าลำบากสักหน่อยไม่เป็อะไรหรอก แต่เด็กๆ นี่สิ ไหนจะคนแก่ที่บ้านอีก ช่างลำบากจริงๆ…” นางหลัวเอ่ยก่อนจะถอนหายใจออกมาอีก
คิ้วของซูฉีเฉียวกระตุกสองสามครั้ง นางหลัวคนนี้ แค่จะมาขอทรัพย์สินจากคนอื่นสินะ แบบนี้ไงนางถึงได้ชอบให้คนอื่นออกไปข้างนอกและทำอาหารคนเดียว ไม่ว่าอาหารอะไรก็จะทำตามใจตนเอง
อาหารที่ทำออกมาเต็มโต๊ะอาหาร เห็นได้ชัดเจนเลยว่าอาหารส่วนมากเป็อาหารที่เธอรับประทาน คอยกันคนชราและเด็กๆ อยู่เสมอ…หญิงผู้นี้ เอาแต่ของอร่อยเข้าปากตนเองจริงๆ
ซูฉีเฉียวหน้าบึ้ง ไม่เอ่ยปาก เธอไม่ได้ห่วงผักเพียงเล็กๆ น้อยๆ เ่าั้ สิ่งที่สำคัญก็คือคนที่ตั้งใจจะมาขอของจากคนอื่นอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ โดยเฉพาะคนที่หน้าหนา บางครั้งก็ไม่ควรไว้หน้า
นางหลัวเห็นซูฉีเฉียวนั่งนิ่ง ราวกับไม่เข้าใจที่ตนเองกำลังพูด ในใจของนางก็รู้สึกหงุดหงิด ก็แค่ขอกินผักนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่น่าจะงกขนาดนี้เลยนะ
แต่นางก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์นี่นา ผักพวกนี้ได้ยินว่าขายอยู่ในเมืองราคาหนึ่งจินไม่น้อยเลย
“ภรรยา ข้ามาเอาผักไปผัด” ในตอนนี้ จางเฉาิเปิดประตูเข้ามาพอดี
เมื่อเห็นว่านางหลัวยังไม่กลับไปจึงทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย
“อ๋อ บ้านนี้ หลานเขยเป็คนทำอาหารหรือ ไอ้หยา ข้าว่าแล้วว่าหลานสาวของข้าโชคดี เ้าดูสิ ชายหนุ่มของบ้านไหนกันที่ทำอาหารเป็ จุ๊จุ๊ หลานเขยของพวกเรามีความสามารถ ช่างเป็เื่ที่ดีจริงๆ เลยนะ”
จางเฉาิคิดไม่ถึงเลยว่านานขนาดนี้แล้วนางหลัวยังไม่กลับ ถ้าเขารู้ว่าตอนนี้นางยังอยู่คงไม่เข้ามาแน่นอน เพราะการที่ผู้ชายเป็ฝ่ายทำอาหารมักจะถูกนำไปพูดถึงต่างๆ นานา อันที่จริงเขายินดีทำเื่นี้ และในเื่การทำอาหาร ซูฉีเฉียวก็ชมว่าเขามีพร์
“เหอๆ ข้าเป็คนชอบทำอาหาร ได้เห็นลูกและภรรยาได้กินอาหาร ก็รู้สึกประสบความสำเร็จ” ในตอนที่เขากำลังจะเอ่ยปากชวนให้นางหลัวอยู่รับประทานอาหารด้วยกัน กลับได้รับสายตาที่ไม่พอใจจากซูฉีเฉียว ดังนั้นเขาจึงกลืนคำพูดเก็บเข้าไป
เขายิ้มแหยก่อนจะเดินไปตัดผักและเตรียมส่งผู้มาเยือนกลับไป
นางหลัวที่เป็คนหน้าหนาเป็ทุนเดิม เมื่อเห็นซูฉีเฉียวไม่เอ่ยปากพูดอะไร นางจึงเป็ฝ่ายเอ่ยปาก
“นี่หลานเขย ผักที่เ้าตัด ตัดเพิ่มอีกสักหน่อยได้ไหม ท่านตาของหลานสาวก็อยู่ที่นี่ ให้เขาได้กินผักสักหน่อย หากมีพวกน้ำมันกับข้าวด้วย คงจะดีมากเลย เฮ้อ บ้านหลังใหญ่หลังนี้ ไม่มีอะไรในบ้านเลย ข้ากำลังคิดอยากจะขอให้จ่ายเงินล่วงหน้าสักหน่อยแต่ก็เกรงว่าหลานสาวและหลานเขยจะไม่สะดวก…ฮ่าๆ…”
…
มือที่ตัดผักของจางเฉาิหยุดชะงัก ที่แท้ก็รู้ชัดแล้วว่า้าจะขอให้จ่ายเงินล่วงหน้านี่เอง
“ท่านน้าสะใภ้ ที่พวกท่านทำงานก็เพิ่งจะห้าวันเท่านั้นเอง แค่ห้าวันก็ขอให้จ่ายค่าแรงล่วงหน้าแล้วหรือ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะ ท่านน้าอยากได้ของจำนวนน้ำมันแล้วก็ข้าว ข้าจำได้ว่าสองสามวันก่อนเพิ่งจะส่งเสบียงอาหารไปให้ไม่ใช่หรือ หากจะพูดถึงน้ำมัน วันก่อนเหมือนข้าจะได้ยินมาว่าท่านน้าก็พากันขึ้นไปล่าสัตว์บนเขาอยู่ ถึงแม้ว่าท่านน้าล่าสัตว์อะไรไม่ได้ แต่เหมือนพ่อของต้านิวเขาก็มอบกวางโรตัวหนึ่งให้มิใช่หรือ กวางโรตัวนั้นข้าเห็นว่ามันก็อ้อนถ้วนดี หากมีการนำไปกลั่นเป็น้ำมันจะไม่มีน้ำมันออกมาอยู่หรือ
ส่วนพวกผักเหล่านี้ เป็ผักที่จะต้องต้มโจ๊กให้กับต้านิวและเ้าตัวน้อยทั้งสอง ข้าและพ่อของต้านิวก็ไม่ได้กิน เพราะตอนนี้ที่บ้านต้องเลี้ยงดูคนมากมาย ไม่สามารถกินอะไรตามใจปากได้หรอก ชีวิตยากลำบาก ผักพวกนี้เป็ผักที่สั่งมาจากในเมือง พ่อ เ้าตัดผักไปให้พอเพียงสำหรับต้านิวและน้องสาวทั้งสองกินก็พอ”
นางหลัวฟังออกว่าเธอไม่ยอมมอบผักสดเหล่านี้ให้กับตนเอง จึงมีสีหน้าเ็า และส่งเสียง “หึ…” ออกมาก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปข้างนอก
“ญาติพี่น้องอุตส่าห์มาหาถึงบ้าน แบบนี้ข้าว่าคนนอกยังจะดีกว่าเสียอีก เฮ้อ คนคนนี้จิตใจโหดร้ายเหลือเกิน ร่ำรวยแล้วก็ลืมญาติพี่น้องไปเลย”
แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อเสียงเรียงนาม แต่ในประโยคนั้นก็พูดออกมาอย่างชัดเจนว่ากำลังด่าทอใคร
ใบหน้าของซูฉีเฉียวเคร่งขรึม คนพวกนี้ ช่าง…ทำให้รู้สึกแย่จริงๆ เลย
“นี่…น้าสะใภ้นี่ก็จริงๆ เลย…พวกเราไม่ต้องไปถือสาอะไรนางหรอก ผักพวกนี้เป็ผักที่พวกเรานำไปส่งที่ภัตตาคารนี่นา เมื่อวานข้าเพิ่งจะส่งอาหารไปให้พวกนางเอง วันนี้ก็ยังจะมาเอาอีก แบบนี้มันสมเหตุสมผลที่ไหนกัน ภรรยาอย่าไปถือสานางเลย” จางเฉาิเห็นซูฉีเฉียวไม่พอใจจึงรีบเข้ามาปลอบโยน
ในตอนที่ตัดผัก เขาก็เกิดความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หากตัดเพียงเล็กน้อย ให้เพียงพอต่อการนำมาทำอาหารให้บุตรสาวทั้งสามก็พอแล้ว
ซูฉีเฉียวจ้องมองไปที่เขาด้วยความโมโห “นี่ดีที่ข้ารู้ทันนาง มิเช่นนั้นเ้าคงได้นั่งถอนหายใจแน่ เ้านี่นะ บางครั้งก็รักษาหน้าเอาไว้ไม่ได้เลย บางทีข้าก็ไม่รู้จะ…ทำอย่างไรกับเ้าจริงๆ เฉาิการที่นางมาหาเพื่อมาเรียกร้องขอนู่นนี่แบบนี้ พวกเราจะทำให้มันกลายเป็ความเคยชินไม่ได้นะ เ้าคิดดูสิ ครั้งนี้คือผักสด อีกทั้งพวกเขาก็รู้กันชัดเจนว่าพวกเราต้องเลี้ยงดูคนมากมาย หากข้าไม่แข็งพอ ข้าจะเลี้ยงดูพวกเขาได้อย่างไร แม้ว่าผักในเมืองเพียงเล็กน้อยจะไม่ได้มีราคาแพงอะไร แต่เ้าเคยคิดไหม ครั้งนี้พวกเขาอยากได้ผัก แล้วครั้งต่อไปล่ะ ครั้งต่อไปพวกเ้าคง้าเนื้อ ้าไข่ ้าเงินแน่นอน เฮ้อ วันนี้นางเอ่ยปากแล้วว่า้าเงิน หากเื่นี้ยังเป็แบบนี้ต่อไป คงไม่ดีแน่”
หากมีแค่คนเดียวที่มาเรียกร้องแบบนี้มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรหรอก แต่ถ้าหากทุกคนต่างก็้าขึ้นมาล่ะ เธอรับคนพวกนี้เอาไว้ให้อยู่ที่นี่ ช่างเป็เื่ที่วุ่นวายมากจริงๆ
แต่ว่าเธอจะขับไล่คนในครอบครัวของน้าสะใภ้ไปได้จริงหรือ
เื่นี้ต่อให้เห็นแก่หน้าของนางเฉินเอง ก็คงจะทำเช่นนั้นไม่ได้
คนมากมายในครอบครัวเฉินนี้ เธอ…ก็คงจะต้องรับพวกเขาเอาไว้จริงๆ เพียงแต่ว่าเื่ให้รับเอาไว้เนี่ยเธอทำได้ แต่คนพวกนั้นเธอคงไม่สามารถปล่อยปละละเลยได้เลย
เมื่อเตือนจางเฉาิอีกครั้งแล้ว เธอจึงหมุนตัวเดินออกไปหาต้านิว
ต้าซวงและเสี่ยวซวงใกล้จะสองขวบแล้ว ั้แ่ที่เด็กน้อยทั้งสองได้รับสารอาหารที่ดีขึ้น สุขภาพร่างกายก็เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี เส้นผมหนาขึ้น ท่าทีน่ารักของเด็กน้อยก็ทำให้ใครต่อใครรักใครเอ็นดู
ลูกๆ ของครอบครัวเจิ้งต่างก็ชื่นชอบอุ้มต้าซวงและเสี่ยวซวง รวมไปถึงต้านิวด้วย เด็กๆ หลายๆ คนต่างก็ชอบยียวนและเล่นกับพวกเธอทั้งนั้น ทำให้ในระยะนี้มักจะเห็นเด็กๆ ทั้งสามคนไปเล่นที่บ้านของอาสะใภ้เจิ้งอยู่เสมอ
เด็กโตนำเด็กเล็ก รวมไปถึงเหล่าลูกชายของครอบครังเจิ้งต่างก็รักใคร่เด็กสาวทั้งสามคนมาก ซึ่งซูฉีเฉียวรู้สึกวางใจมากที่บุตรสาวทั้งสามคนไปเล่นที่บ้านของครอบครัวเจิ้ง
ในตอนที่ไปถึงยังบ้านของครอบครัวเจิ้ง เด็กๆ ทั้งเจ็ดคนยังคงง่วนอยู่กับการแข่งขันวาดรูป เด็กๆ พากันนั่งอยู่บนพื้นใต้ต้นไม้พร้อมกับไม้คนละหนึ่งอัน และวาดรูปของตนเองลงบนพื้น
“พี่สาว…ข้าอยากวาดเป็ด พวกเราจะได้กินเนื้อเป็ดกันทุกวัน…” ต้าซวงหัวเราะคิกคักออกมา แขนเล็กๆ ค่อยๆ วาดภาพด้วยความตั้งใจ
……
“มันเป็รูปภาพ กินไม่ได้” เสี่ยวซวงกำลังวาดภาพดอกไม้ แต่เมื่อได้ยินว่าพี่สาววาดของที่อยากกิน ตนเองก็เอ่ยถามพี่สาวด้วยความสับสน
“วาดรูปแล้วกินเนื้อไม่ได้หรือ ดอกไม้กินได้ไหม” ต้าซวงเอ่ยถามน้องสาวคนเล็กด้วยความรู้สึกลำบากใจ
“ดอกไม้หรือ ได้สิ แต่ต้องให้เสี่ยวซวงวาดเท่านั้นถึงจะได้” ดวงตาของเสี่ยวซวงเต็มไปด้วยไหวพริบและเอ่ยคำพูดออกมาด้วยความโกรธ
“คิ…เสี่ยวซวง เ้ากำลังปลอบใจพี่สาวหรือ ใครวาดดอกไม้ก็กินไม่ได้ทั้งนั้นแหละ” ต้านิวที่ทนฟังต่อไม่ได้ก็ช่วยแก้ตัวให้ต้าซวงทันที
“ท่านแม่ ต้านิวรังแกเสี่ยวซวง” เสี่ยวซวงมีสายตาที่ดี ตอนแรกตั้งใจว่าอยากจะเล่นลูกไม้ แต่เมื่อเห็นซูฉีเฉียวเดินมา ก็รีบยื่นมืออวบๆ ไปขอให้เธออุ้มทันที
ซูฉีเฉียวอุ้มบุตรสาวขึ้นมาบีบที่จมูกของเธอหนึ่งที “เด็กดื้อ แกล้งต้านิวอีกแล้วหรือ เ้าเด็กฉลาด อย่าใช้เหตุผลที่ไม่ถูกต้องมาแกล้งพี่สาวเ้าแบบนี้สิ”
ต้าซวงและเสี่ยวซวงนั้น ต้าซวงจะเป็เด็กที่มึนงงสักหน่อย ส่วนเสี่ยวซวงเป็เด็กที่เห็นได้ชัดว่ามีความเฉลียวฉลาด ทั้งคู่อายุเท่ากัน ต้าซวงเกิดก่อนเสี่ยวซวงเพียงไม่กี่นาที แต่เสี่ยวซวงมีความฉลาดหลักแหลม และค่อนข้างมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว ในทางกลับกันต้าซวงนั้นมีสติปัญญาที่เทียบเท่ากันเด็กปกติทั่วๆ ไป
และเพราะเหตุนี้ ทำให้ความรู้หลายๆ อย่าง ต้าซวงมักจะตอบสนองช้ามากว่าเสี่ยวซวงอยู่เกือบครึ่ง เมื่อเสี่ยวซวงถูกมารดาสอนก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย และนำนิ้วมือเล็กๆ ที่เลอะเทอะยัดเข้าไปในปาก
ซูฉีเฉียวใจนเบิกตากว้าง “ที่มือมีอะไรน่ะ”
เสี่ยวซวงมองมือของตนเอง ก่อนจะหัวเราะคิกคักให้เธอ ดวงตากลมโตแสนเ้าเล่ห์คู่นั้นยิ้มกริ่มจนดวงตาโค้ง เ้าตัวน้อยกลัวจะถูกเธอทำโทษ จึงกอดเธอและจูบซ้ายขวา “ท่านแม่ จูบ จูบ”
บุตรสาวตัวน้อยคนนี้ทุกครั้งที่ทำอะไรผิด มักจะหาคำพูดมาเกลี้ยกล่อมเธอ เมื่อเป็เช่นนั้นแล้วเธอก็ใจอ่อนลง มิน่าล่ะจางเฉาิถึงได้รักและเอ็นดูเสี่ยวซวงมากขนาดนั้น มันก็ไม่แปลกหรอก ท่าทีของเด็กน้อย ใครกันเล่าจะไม่รักไม่เอ็นดู
“ท่านแม่!” ในตอนนี้ต้าซวงจึงมองตาปริบๆ และเข้ามาร่วมด้วย อยากจะให้เธออุ้มด้วย แต่ก็ไม่กล้าก้าวไปเบื้องหน้า เธอคิดว่าตนเองช่างโง่เขลา ไม่ได้ฉลาดเหมือนน้องสาว ต้าซวงเต็มไปด้วยความรู้สึกกดดัน…
“มา ต้าซวงก็มากอดแม่เร็ว” ซูฉีเฉียวจะไม่รู้ความในใจของบุตรได้อย่างไรกัน เมื่อเห็นต้าซวงมีท่าทีไม่กล้าเข้ามา ช่างทำให้รู้สึกสงสารจริงๆ ซูฉีเฉียวจึงยื่นมือออกไปเพื่อเรียกให้เธอเข้ามาในอ้อมกอด
ต้าซวงได้ยินว่ามารดาไม่ได้รังเกียจตนเอง ก็ไม่สนมือที่เปื้อนของตนเองอีก เ้าตัวน้อยวิ่งเข้ามาและใช้แขนนิ่มๆ กอดเธอเอาไว้ “ท่านแม่ จูบ จูบ”
ดวงตาโตจ้องมาที่เธอ ขนตายาวกะพริบ แม้ว่าต้าซวงจะไม่ได้ฉลาดเท่ากับเสี่ยวซวง แต่ก็เป็เด็กที่มีหน้าดี ในบรรดากลุ่มเด็กทั้งหมด ดวงตากลมโตคู่สวยนั้นทำให้ใครต่อใครเอ็นดู
บุตรสาวที่น่ารักเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็เด็กมีสติสัมปชัญญะ ดึงดูดให้สองสามีภรรยารักและเอ็นดู เธอโอบกอดบุตรสาวทั้งสอง พวกเธอพูดคุยกันก่อนจะปล่อยเ้าตัวน้อยจากออกอ้อมกอด
—-----------------------------------------------------------