ฮูหยินผู้เฒ่าประหลาดใจนัก ในอดีตยามฮวาชีเยว่เข้าพบนาง เด็กคนนี้จะตัวสั่นเป็ลูกนกราวกับเห็นแม่เสือกำลังจะขย้ำตน
ทว่าวันนี้คนกลับดูสง่างามทั้งยังงดงาม เห็นใบหน้าผอมแกร็นของผู้เป็หลาน ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่านึกถึงเื่ที่เพิ่งเกิดขึ้น ทั้งยังเื่ที่นางเคยละเลยจนทำให้รู้สึกผิดต่ออีกฝ่าย
“เยว่เอ๋อร์นั่งลงเถอะ ข้ารู้เ้าโดนให้ร้าย อย่าได้กลัวไปเลย”
ฮูหยินผู้เฒ่าฮวาเป็คนใจดี แม้ความดุร้ายและลำเอียงจะทำให้นางละเลยฮวาชีเยว่ในอดีต แต่ยามนี้นางกลับแปลกใจในรูปลักษณ์ของหลานสาวจริงๆ
“ท่านย่า หลานขออภัยที่ทำให้ท่านเป็ห่วงเ้าค่ะ หลานอกตัญญู ระหว่างทางกลับบ้านหลานจึงแวะหาแตงกวาทะเลมาให้ท่าน แตงกวาทะเลสดๆ หายากเหลือเกินเ้าค่ะ มีเพียงไต้ซือเสวียนจีที่วัดหรงฝูที่ช่วยหามาได้บ้าง แตงกวาทะเลนี้บำรุงเืและใบหน้า ท่านย่าทำเพื่อตระกูลมามาก หลานก็ควรจะขอบคุณท่านย่าให้ดี”
สิ่งที่ฮวาชีเยว่เอ่ย ทำให้ฮวาเมิ่งซือและฮวาเสี่ยวอีชะงักงัน
พวกนางเคยได้ยินเื่นี้มาบ้าง ทว่ามิเคยคิดเื่การเอาสิ่งนี้มาเอาใจท่านย่ามาก่อนเลย
“ฮ่าๆ น่ารักเสียจริง บอกคนครัวให้รีบต้มน้ำแกงเร็วเข้า มาทานอาหารเที่ยงที่นี่แล้วกินแตงกวาทะเลด้วยกัน”
ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุขยิ่ง นางมิคาดว่าฮวาชีเยว่จะเฉลียวฉลาดช่างคิดขึ้นมาได้
อนุรองเดินเข้ามาจับมือฮวาชีเยว่อย่างอ่อนโยน เอ่ยชื่นชม ทั้งยังกล่าวว่าฮวาชีเยว่คงจะเหนื่อย รวมถึงนางเป็ห่วงฮวาชีเยว่มากเพียงใด
“ขอบคุณที่เป็ห่วง ข้าสบายดี” นางดึงมือกลับอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงเอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าด้วยรอยยิ้ม “ท่านย่า หลานขอให้ไต้ซือเสวียนจีดูดวงให้ ท่านกล่าวว่าดวงชะตาหลานไม่เลวเลย แต่หลานต้องรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม... หลานเคยหัวอ่อนนัก…”
ฮวาชีเยว่ดูอับอาย นางทราบดีว่าร่างเดิมนี้ขี้ขลาด กระทั่งยามบ่าวไพร่รังแก นางยังไม่กล้าขัดขืน กระทั่งเส้นลมปราณก็ยังใช้การไม่ได้ นางจึงเป็คนไร้ประโยชน์
ยามนี้นางทำลายแผนการของพระอี้หานและหลานจูไปแล้ว ทำให้ผู้คนมองนางเสียใหม่
“ดังนั้น หลานจึงอยากขออนุญาตท่านย่ารับเลี้ยงบุตรบุญธรรม มีเด็กคนนี้ หลานจะได้เข้าใจว่าความยากลำบากของบิดามารดาและความเหน็ดเหนื่อยของผู้าุโเป็อย่างไร”
ฮูหยินผู้เฒ่านิ่วหน้า ก่อนจะสังเกตเห็นชุดเสื้อผ้าเก่าของหลานสาวตน
เทียบกับฮวาเมิ่งซือและฮวาเสี่ยวอี เสื้อผ้าของหลานคนนี้ดูเก่าเกินไป
“ในเมื่อไต้ซือเสวียนจีแนะนำ เ้าก็ควรทำตามที่เขาว่า แต่เยว่เอ๋อร์ อีกหน่อยออกไปด้านนอก เ้าควรแต่งตัวให้ดีกว่านี้เสียหน่อย…” ฮูหยินผู้เฒ่าเป็ห่วงหน้าตาตนเอง หากคุณหนูสกุลฮวาแต่งกายเหมือนบุตรสาวชาวบ้านทั่วไป มิใช่แปลว่าคนในตระกูลรังแกนางหรือ?
ได้ยินดังนั้น ฮวาชีเยว่ก็ดูขลาดอายขึ้นมา
สีหน้าฮูหยินรองเปลี่ยนไปทันที รีบเอ่ยขึ้น “ใช่แล้วเยว่เอ๋อร์ หากเ้าไม่มีเสื้อผ้าดีๆ ข้าย่อมมอบให้เ้าได้ หรือมิเช่นนั้นข้าสามารถให้ช่างตัดเสื้อมาตัดชุดใหม่ให้เ้า อย่าทำให้ตระกูลเราเสียชื่อ”
โหย่วชุ่ยแค่นเสียง “คุณหนูของเราได้รับเบี้ยเพียงเดือนละสองเหรียญ เพียงหาอาหารให้พอก็ลำบากแล้ว จะตัดชุดใหม่ได้อย่างไรเ้าคะ?”
ในสกุลฮวา บุตรีภรรยาหลวงจะได้รับเงินสองตำลึงเงินทุกเดือน ขณะที่บุตรีอนุได้รับคนละหนึ่งตำลึงเงิน ทว่าในความเป็จริง อนุรองกลับขโมยเงินส่วนของฮวาชีเยว่ที่ขี้ขลาดตาขาว ฮูหยินผู้เฒ่าก็มิได้ให้ความสำคัญกับนาง ดังนั้นแม้จะถูกรังแกอย่างไรก็ไม่กล้าร้องเรียน
โหย่วชุ่ยและลู่ซินเคยจะบอกความจริงกับฮูหยินผู้เฒ่าแต่ฮวาชีเยว่ห้ามเอาไว้ นางเกรงว่าทั้งสองจะทำให้อนุรองโกรธแล้วมาก่อปัญหาร้ายแรงอะไร
อนุรองมิคาดโหย่วชุ่ยจะโพล่งออกมาเช่นนี้ ทำให้ใบหน้าซีดขาวไปหมด
ฮวาเมิ่งซือเองก็ทราบความจริง นางกังวลเสียจนกำมือแน่น เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือจนเ็ป
“อะไรนะ? เพียงสองเหรียญ?” สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนไป เื่เช่นนี้มีแต่จะทำให้คนหัวเราะจนฟันร่วง แม้มารดาของฮวาชีเยว่ ฮูหยินของฮวาหลี่ถิงจะจากไปนานแล้ว รวมถึงฮวาชีเยว่เป็คนไร้ค่า ทว่าอย่างไรก็ไม่ควรร้ายกาจกับนางถึงเพียงนี้