วิชาสุดท้ายของการสอบขึ้นมัธยมปลายคือ วิทยาศาสตร์รวมกับ ฟิสิกส์ เคมี
นี่เป็วิชาที่มีการเขียนน้อยที่สุด ซูอินต้องไม่ทำให้มันดูง่ายเกินไป เธอเขียนเสร็จอย่างราบรื่นก่อนจะตรวจทานคำตอบอีกครั้ง เธอได้รับอนุญาตให้ส่งข้อสอบครึ่งชั่วโมงหลังตามเวลาที่กำหนด เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจแต่ก็เป็ไปตามคาดทำให้ซูอินออกจากห้องสอบด้วยความภาคภูมิใจ
คะแนนของเธอโดดเด่นเช่นนี้มาตลอด
ออกจากประตูโรงเรียน เธอก็เรียกแท็กซี่เหมือนกับทุกวัน
รอบรองชนะเลิศ วันนี้ทีมเกาหลีใต้ปะทะทีมอิตาลี เป็ไปตามคาด อีกไม่กี่วันเธอจะได้รับเงินก้อนใหญ่
เงินก้อนนี้แน่นอนว่าซูอินไม่มีทางเอาไปฝากธนาคารและปล่อยให้เงินเฟ้อ จนกระทั่งอีกสิบปีข้างหน้าไม่มีค่าจนซื้ออะไรไม่ได้
เธอต้องหาวิธีต่อยอดจากเงินก้อนนี้
แม้ว่าตระกูลหลิงจะเลี้ยงดูเธอมา แต่หลังจากนี้ธุรกิจของตระกูลหลิงจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อู๋อู๋คงกีดกันเธอราวกับเป็หัวขโมย และแน่นอนว่าไม่มีทางยอมให้เธอแตะต้องธุรกิจของพวกเขา
เธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับธุรกิจ จึงทำได้เพียงนำเงินไปลงทุน
ที่ประเทศจีนการลงทุนที่ดีที่สุดคือซื้อที่พักอาศัย
เื่นี้หากเป็คนที่มาจากโลกในอีกสิบปีข้างหน้าต่างก็รู้กันทั้งนั้น ในเวลาสั้นๆ เพียงสิบปี ราคาบ้านพุ่งราวกับจรวด ทะยานสุดขอบฟ้า ขึ้นสูงจนผู้คนในยุคปี 2000 ต้นๆ ไม่อาจจินตนาการได้
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ประเทศจีนเพิ่งเปิดธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ได้เพียงไม่นาน หลายหน่วยงานยังคงรักษานโยบายสวัสดิการที่พักอาศัย มีเงินเพียงเล็กน้อยก็สามารถซื้อบ้านหลังใหม่ ชาวชนบทต่างก็มีที่อยู่เป็ของตนเองภายใต้นโยบายของประเทศ จึงมีคนส่วนน้อยมากที่คิดจะซื้อบ้าน แต่ก็มีหลายคนที่รู้สึกว่าคนที่ไม่รอนโยบายสวัสดิการที่อยู่อาศัย และไปซื้อที่อยู่เองนั้นคือคนโง่
เมื่อกลับมาเกิดใหม่ ซูอินตัดสินใจแล้วว่าเธอจะเป็คนแรกที่กล้าทำสิ่งนั้น
่สอบหลายวันมานี้ เมื่อส่งข้อสอบก่อนเวลาทำให้เธอว่างและไม่มีอะไรทำ จึงนั่งแท็กซี่ไปรอบเมือง ชาติก่อนหลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตระกูลหลิงก็ย้ายเข้าไปอยู่ในมณฑล และไม่กลับมาที่เมืองนี้อีก ทำให้เธอไม่ค่อยรู้เื่ของเมืองผิง อย่างไรก็ตามมันเป็สถานที่ที่เธออยู่มาหลายปี เมื่อนั่งแท็กซี่วนดูสองรอบก็พอจะฟื้นความทรงจำได้
เธอจำสถานที่ที่จะมีการพัฒนาใน่สองปีนี้
วันนี้ซูอินจึงเปลี่ยนเส้นทาง รถแท็กซี่เคลื่อนตัวไปได้ไม่นาน ระหว่างทางผ่านสถานีขนส่งทางไกล ซึ่งมีรถบัสคันใหญ่จากชนบทมาถึงพอดี รถบัสคันใหญ่โกโรโกโส ด้านนอกสกปรก หน้าต่างเต็มไปด้วยฝุ่น
จู่ๆ เธอก็นึกบางอย่างขึ้นได้
“โชเฟอร์ กลับรถด้านหน้า”
ซูอินแจ้งที่อยู่ของโครงการบ้านที่ตระกูลหลิงอาศัยอยู่
เธอไม่รู้ว่าสองสามีภรรยาตระกูลซูจะกลับมาวันนี้หรือเปล่า แต่ถ้ามา ด้วยนิสัยของอู๋อู๋และหลิงเมิ่งสองแม่ลูกนั่นที่เห็นเธอมีชีวิตที่ดีไม่ได้ จะต้องพูดอะไรแน่ๆ สิ่งที่เธอทำอยู่ในตอนนี้ แม้ว่าจะทำด้วยเจตนาดี แต่หากเปลี่ยนวิธีสื่อสารเพียงเล็กน้อยก็ง่ายที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด
เธอเป็เพียงเด็กสาวธรรมดาที่คาดหวังจะมีชีวิตครอบครัวปกติ ได้รับความรักจากผู้เป็บิดามารดา ทุกคนในครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ชีวิตในชาติก่อนที่ไม่อาจร้องขอ แต่ในชีวิตนี้ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอคาดหวังว่าจะมีจุดเริ่มต้นที่ดี
เพื่อความปลอดภัย กลับไปดูสักหน่อยดีกว่า
รถแท็กซี่จอดหน้าปากทางเข้าโครงการของคฤหาสน์ตระกูลหลิง เนื่องจากเธอเคยอยู่ในสถานะเ้าบ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัยจึงรู้จักเธอ
“เมื่อกี้พ่อกับแม่ของหนูมา คุณพ่อคุณแม่ทั้งสองของหนูออกมารับพวกเขาเองด้วย”
พนักงานรักษาความปลอดภัยพูดคลุมเครือ ซูอินที่กำลังรอเงินทอน หูอีกข้างก็คอยฟังคนขับรถ ทำให้ได้ยินไม่ค่อยชัด แต่ซูอินเข้าใจดี
“ั้แ่เมื่อไรคะ”
เมื่อถามได้ความชัดเจนแล้วว่าพวกเขาสี่คนเข้าไปด้านในได้สักพัก ซูอินแอบเอ่ยเบาๆ ว่าแย่ละสิ รับเงินทอนเสร็จเธอก็รีบเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหลิง
“อินอิน”
เมื่อมองผ่านตาแมวเห็นซูอิน ป้าสวี่ก็รีบเปิดประตู
เธอเป็แม่บ้านของตระกูลหลิงที่ร่ำรวย ทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว คุณผู้ชายยุ่งอยู่กับงาน คุณผู้หญิงวางตัวเย่อหยิ่ง แต่บุตรสาวของพวกเขากลับมีนิสัยอ่อนโยน เด็กสาวตัวขาวผุดผ่อง ทุกครั้งที่นำน้ำผลไม้ไปให้ก็มักจะเอ่ยขอบคุณเธอเบาๆ ไม่ใช่เพียงหน้าตาสะสวยและเชื่อฟัง ผลการเรียนก็ดีด้วย
เด็กดีเช่นนี้ใครจะไม่ชอบ ป้าสวี่เป็คนปกติ ในบ้านหลังนี้เธอชื่นชอบอินอินเป็พิเศษ
หลายวันมานี้เธอไม่อยู่บ้าน ป้าสวี่ค่อนข้างกังวล จึงเปิดประตูต้อนรับจนลืมปิดประตู ก่อนจะถามด้วยความห่วงใย
“อินอิน หลายวันมานี้ไปอยู่ที่ไหนมา ได้กินข้าวบ้างไหม”
แค่ประโยคเดียวก็ทำให้รู้ว่า่นี้ซูอินไม่ได้อยู่ที่นี่
บรรยากาศในห้องตกอยู่ในความกระอักกระอ่วน ซูเจี้ยนจวินที่นั่งเงียบมาตลอดมองอีกฝ่าย แต่เมิ่งเถียนเฟินไม่อาจยับยั้งความคะนึงหาในหัวใจ เธอรีบลุกขึ้นวิ่งไปที่หน้าประตู
“อินอินเด็กดี ลูกต้องลำบากแย่เลย”
ซูอิน : …
นี่ไม่เหมือนที่เธอคิดสักเท่าไร
เธอลังเลครู่หนึ่ง ก็ได้รู้เื่จากปากของเมิ่งเถียนเฟิน
ความจริงคนที่อยู่เื้ัหลิงเมิ่ง ซึ่งเข้ามาหาเื่เธอวันนั้นมีญาติของเธอที่มาจากตระกูลเมิ่งด้วย นี่ขนาดยังไม่ได้กลับไปตระกูลซู หลิงเมิ่งก็ซื้อใจคนเพื่อลอบกัดเธอแล้ว วางแผนเก่งจริงๆ
ทว่าท่าทีของเมิ่งเถียนเฟินนั้น…
เมื่อถูกอีกฝ่ายโอบกอด จากมุมนี้ทำให้ซูอินเห็นชุดน้ำชาลายครามประณีตวางอยู่บนโต๊ะ
ผลิตจากเตาเผาที่มีชื่อเสียงในเมืองจิ่งเต๋อ บอกได้ว่ามันค่อนข้างพิเศษ นี่คือชุดน้ำชาที่หลิงจื้อเฉิงชอบมากที่สุด เมื่อมีแขกมาเยี่ยมไม่มีทางนำออกมาใช้ต้อนรับ แต่ครั้งนี้นำออกมาใช้ต้อนรับสองสามีภรรยายากจนจากชนบท
ซูอินจำได้แม่น คราวก่อนที่ตระกูลซูมา แม้แต่ชุดน้ำชาที่มีตำหนิมากที่สุด หลิงจื้อเฉิงยังไม่นำออกมาใช้ ทุกคนใช้แก้วชาแบบใช้แล้วทิ้ง
การต้อนรับในครั้งนี้แตกต่างจากคราวก่อนมาก
เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นสีหน้าที่ปกปิดไม่มิดของหลิงจื้อเฉิง ก็รู้ว่าโชคเข้าข้างเธอแล้ว
เธอหันกลับมาตบหลังปลอบเมิ่งเถียนเฟิน ก่อนจะตอบป้าสวี่ที่ห่วงใยเธอ “ขอบคุณป้าสวี่ที่เป็ห่วง หลายวันมานี้หนูพักอยู่ที่โรงแรม ห้องพักที่นั่นไม่เลว ที่สำคัญคือสะอาดมาก อยู่ที่นั่นก็สบายดีค่ะ”
จากนั้นเธอดันตัวเมิ่งเถียนเฟินออกเบาๆ ก่อนจะยืนตัวตรง
ดวงตาสองคู่ประสานกัน เธอเห็นน้ำตาของเมิ่งเถียนเฟินที่ไม่อาจปกปิดความกังวล เธอรู้สึกอุ่นใจก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมากขึ้น
“ไม่ต้องเป็ห่วงนะคะ หนูก็อยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่หรือ แขนขาไม่ได้ขาดเสียหน่อย ไม่มีเื่อะไรหรอกค่ะ”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่สามารถเยียวยาจิตใจ เมิ่งเถียนเฟินใจเย็นลง เธอมองอีกฝ่ายั้แ่หัวจดเท้าอีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่าลูกปลอดภัยดีจึงหายห่วง เธอปาดน้ำตาก่อนจะเอ่ยอย่างดีใจ “ไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว ไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว”
ซูอินจับแขนของเธออย่างสนิทสนม ก่อนที่สองแม่ลูกจะเดินไปยังโซฟาที่อยู่ข้างหน้า หยุดยืนข้างๆ ซูเจี้ยนจวิน แล้วมองสองสามีภรรยาตระกูลหลิง
“เคยพูดไว้แล้วว่าหากสอบขึ้นมัธยมปลายเสร็จหนูจะกลับไป ตอนนี้สอบเสร็จแล้ว และทุกคนก็อยู่ที่นี่พอดี พวกคุณสองคนมีธุระยุ่งมากมาย เพื่อจะได้ไม่ต้องยุ่งยากในการเดินทางมาอีกครั้ง หนูจะย้ายสำมะโนครัวกลับไปพร้อมกับพวกคุณเลย”