เมื่อมีสัญญาอยู่ในมือ บ่อนพนันก็กลายเป็ของไป๋เซี่ยเหออย่างรวดเร็ว
เพียงแต่นางไม่ได้ใช้นามไป๋เซี่ยเหอ
ทว่าใช้นามจิ้งจอกน้อย
อันเป็สมญานามของนางในอดีตชาติ
แม้จิ่วหานจะสงสัยว่าเหตุใดเ้านายถึงใช้นามที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ทว่าเขาก็ไม่ได้ถามให้มากความ
สิ่งสำคัญคือ เขาเองก็ไม่มีเวลาเช่นเดียวกัน
เพราะเ้านายผู้นั้นของเขาโบกมือคราหนึ่ง ก่อนจะสั่งให้เขามาดูแลบ่อนพนัน
ต้องทราบว่าใน่แรกๆ ของการรับ่ต่อบ่อนพนัน ภายในย่อมมีคนหลายประเภทปะปนกัน เป็เื่ยากที่จะควบคุม ทั้งยังมีคนของเถ้าแก่สวีอยู่เป็จำนวนมาก จิ่วหานจึงต้องค่อยๆ ตรวจสอบให้ชัดเจน
เมื่อภาระหน้าที่กดทับ ไหนเลยจะมีความสามารถไปสนใจเื่ชื่ออีก?
ยามที่ออกมาจากบ่อนพนันท้องฟ้าก็สว่างแล้ว หลังจากแวะกินซาลาเปาเข่งหนึ่งที่ริมถนน ไป๋เซี่ยเหอก็ปรี่เข้าไปในร้านขายสมุนไพรแห่งหนึ่ง
“ท่านลูกค้า้าสมุนไพรอะไรหรือขอรับ?”
“ข้า้าทราบว่าข้างในนี้คืออะไร”
ไป๋เซี่ยเหอหยิบถุงกระดาษถุงหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้ววางลงบนโต๊ะ ก่อนจะวางเงินห้าตำลึงเงินทับลงไปบนถุงกระดาษ
ตอนนี้บ่อนพนันอยู่ในมือนาง ก็นับได้ว่านางเป็คนร่ำรวยแล้ว
การใช้จ่ายก็ย่อมเป็ไปอย่างใจกว้างเช่นเดียวกัน
หลังจากหมอตี๋[1]มองปราดหนึ่งก็เดินเข้าไปด้านใน ก่อนจะพาผู้เฒ่าที่มีเคราสีขาวคนหนึ่งออกมา
ผู้เฒ่าสวมชุดสีขาว ทว่ายากที่จะปกปิดประกายในแววตา “แม่นางอยากรู้สิ่งใดหรือ?”
ไป๋เซี่ยเหอขลุกอยู่ในบ่อนพนันมาทั้งคืนโดยไม่มีผู้ใดจับได้ว่าเป็สตรี ทว่าหมอชราผู้นี้กลับมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งในคราเดียว
ไป๋เซี่ยเหอเองก็ไม่ได้กระมิดกระเมี้ยน นางไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนที่ถูกเปิดโปงเลยแม้แต่น้อย เพียงผลักถุงกระดาษออกไป “ข้าอยากทราบว่าข้างในนี้คืออะไร”
ผู้เฒ่าหยิบถุงกระดาษขึ้นและเปิดมันออก ใช้ปลายเล็บนิ้วก้อยแตะผงในนั้นแล้วเอาขึ้นมาดม ก่อนที่สีหน้าจะแปรเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง
เขามองไป๋เซี่ยเหอด้วยท่าทีแปลกประหลาด จากนั้นวางถุงกระดาษลง “แม่นางอย่าได้พกของพรรค์นี้ติดตัวจะดีกว่า”
“นี่คือยาปลุกกำหนัด”
นี่คือสิ่งที่ลู่เป๋าเหยาให้หลานชายของนางซ่อนเอาไว้ในกระถางธูปในห้องของไป๋เซี่ยเหอเมื่อวันนั้น
ไป๋เซี่ยเหอคาดเดาได้อย่างคร่าวๆ ว่ามันคือของจำพวกกำยานที่ทำให้ลุ่มหลงเกิดอารมณ์ ทว่าสิ่งที่นางสงสัยคือ เหตุใดหูจิ้งจอกของนางถึงโผล่ออกมาอย่างกะทันหันในวันนั้น
หากนางไม่ได้มีไหวพริบรีบใช้สิ่งของมาคลุมศีรษะไว้ คงจะเผยความลับของตนเองไปแล้ว
จากนั้นนางก็ซ่อนตัวอยู่ในเรือนด้านหลัง ใช้น้ำเย็นล้างหน้าติดต่อกันหลายรอบ จึงเก็บหูจิ้งจอกกลับเข้าไปได้
“ไม่มีอย่างอื่นปะปนอยู่ในนั้นเลยหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้เฒ่าก็แตะผงดังกล่าวขึ้นมาสูดดมอีกครา ก่อนจะมุ่นคิ้วทันที
“ข้างในนี้เหมือนจะผสมด้วยของเหลวจากจิ้งจอกหิมะพันปีตัวผู้ ซึ่งใช้เพื่อเพิ่มสรรพคุณทางยา เมื่อของเหลวในตัวของจิ้งจอกผสมกับยาปลุกกำหนัด ย่อมเป็เื่ง่ายกว่าเดิมที่จะทำให้เกิดเื่เลวร้ายขึ้น”
จิ้งจอกหิมะพันปีตัวผู้หรือ?
นึกไม่ถึงว่าจะมีจิ้งจอกหิมะพันปีตัวผู้ด้วย
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าแท้จริงแล้วนางไม่ใช่จิ้งจอกหิมะพันปีเพียงตัวเดียว ทว่าจิ้งจอกหิมะพันปีตัวผู้นี่คืออะไรกันแน่?
แล้วของเหลวนั้นตกไปอยู่ในมือของลู่เป๋าเหยาได้อย่างไร?
น่าเสียดายที่ลู่เป๋าเหยาตายไปแล้ว ไร้หนทางที่จะสอบถาม ทว่าขอเพียงพวกนางสองแม่ลูกยังไม่รู้ตัวตนจิ้งจอกของนาง นางก็วางใจ
แท้จริงแล้วการตายของสาวใช้ผู้นั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ
ช่างเป็สตรีที่เปรียบได้กับอสรพิษอย่างที่คาด
เพียงแต่เวรสนองเวร กรรมสนองกรรม นับว่าลู่เป๋าเหยาเองก็ได้รับผลจากการทำชั่วแล้วเช่นเดียวกัน
เมื่อกลับมาถึงจวนท้องฟ้าก็สว่างแล้ว
ฝูเอ๋อร์เองก็เคยชินกับการที่ไป๋เซี่ยเหอไม่อยู่ในจวนเป็ครั้งคราวแล้วเช่นเดียวกัน
“คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว...”
จากนั้นเสียงก็สูงขึ้นหลายระดับทันที
“คุณหนู ชุดของท่านเล่า? เหตุใดถึงสวมชุดเช่นนี้เ้าคะ?”
ชุดคลุมยาวสีน้ำเงินเข้ม มองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ชุดของสตรี หรือคุณหนู...
ไป๋เซี่ยเหออารมณ์ไม่ดี นางแจกมะเหงกให้ฝูเอ๋อร์หนึ่งที “หากเ้าะโอีก ทั้งจวนคงได้รู้กันหมดแน่”
“อย่ามัวแต่ใอยู่เลย ภายหลังเ้าจะรู้เอง”
ไป๋เซี่ยเหอกลับเข้ามาในเรือน นางหยิบสมุดบันทึกออกมาอ่านตลอดทั้ง่บ่าย
หลังมื้ออาหารกลางวัน
เสียงฝีเท้ายุ่งเหยิงหลายคู่ดังขึ้น
“คุณหนูใหญ่ เหลาเหยี่ยเชิญท่านไปที่ห้องหนังสือเ้าค่ะ”
การตายของลู่เป๋าเหยา กอปรกับการที่ไป๋เซี่ยเหอถูกให้ความสำคัญขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนไม่กล้าดูแคลนนางอีกต่อไป หันมาพูดจาพินอบพิเทาและแสดงถึงความเคารพ
“พี่สาวท่านนี้ ทราบหรือไม่ว่าเหลาเหยี่ยเรียกหาคุณหนูใหญ่ด้วยเื่อะไร?”
แท้จริงแล้วฝูเอ๋อร์เพียงถามไปอย่างนั้นเอง นางไม่ได้คาดหวังว่าจะมีผู้ใดตอบนาง ในอดีตนางเคยโดนกลอกตาใส่บ่อยยิ่งกว่ากินข้าวเสียอีก
ทว่าคราวนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว
เมื่อนางกล่าวจบ ใบหน้าของอีกฝ่ายก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “แม้จะไม่รู้ว่าเื่อะไร แต่อารมณ์ของเหลาเหยี่ยดียิ่งนัก”
ฝูเอ๋อร์ใที่ได้รับความสำคัญขึ้นมา ขณะเดียวกันเมื่อรู้ว่าคุณหนูไม่ได้ถูกเรียกหาด้วยเื่เลวร้ายอะไร จึงรู้สึกวางใจทันที
ณ ห้องหนังสือ
“เหอเอ๋อร์ เ้าคงรู้ว่าน้องสามจะกลับจวนในวันนี้แล้วกระมัง”
ประโยคที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุนี้ ทำให้ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
ใครกลับมาแล้วเกี่ยวอะไรกับนางด้วย?
นอกจากนี้ตามความทรงจำของเ้าของร่าง คุณหนูสามสกุลไป๋ผู้นี้ไม่เคยทำเื่ดีๆ เลยนอกจากพาคนมารังแกนางทุกวัน ราวกับไม่มีเื่อะไรให้ทำอย่างไรอย่างนั้น
เพียงแต่สองสามวันก่อนที่นางจะทะลุมิติมา อีกฝ่ายไปเยี่ยมเยียนอี๋เหนียงสามที่วัด
เมื่อกล่าวถึงอี๋เหนียงสาม นางก็นับได้ว่าเป็สตรีที่ลึกลับเช่นเดียวกัน
หลังให้กำเนิดคุณหนูสามก็เข้าสู่ทางธรรม ละทางโลก
นอกจากคุณหนูสามที่จะไปเยี่ยมเยียนและพักอยู่ที่วัดหลายวันทุกๆ ครึ่งปีแล้ว นางก็ไม่ได้พบผู้อื่นอีก
“ไม่รู้เ้าค่ะ”
มุมปากของไป๋เสียนอันกระตุก รู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย สถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่ว่าไป๋เซี่ยเหอควรตอบว่ารู้เอาไว้ก่อน จากนั้นค่อยถามว่ามีเื่อะไรหรอกหรือ?
ไป๋เซี่ยเหอดันไม่ปฏิบัติตามครรลองเสียอย่างนั้น
หลังตอบว่าไม่รู้นางก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงยืนอยู่ด้านข้างอย่างสงบนิ่ง รอคอยให้อีกฝ่ายเปิดปากสนทนา
สุดท้ายแล้วไป๋เสียนอันก็พ่ายแพ้ อุปนิสัยของบุตรสาวคนนี้นับวันยิ่งเข้าใจได้ยากขึ้นเรื่อยๆ
“ระหว่างทางเหอเอ๋อร์ป่วยเป็ไข้หวัดโดยไม่ระวัง ตอนนี้พักอยู่ที่เมืองข้างๆ ชั่วคราว เ้าก็รู้ว่าทักษะด้านการแพทย์ของหมอในเมืองนั้นธรรมดามาก ดังนั้นน้องสามของเ้าจึงอยากให้เ้าไปรับนาง”
หัวใจของไป๋เซี่ยเหอเกิดความระแวดระวังขึ้นมาทันที “ในเมื่ออยู่ที่เมืองข้างๆ แล้ว ประเดี๋ยวเดียวก็มาถึงจวน เหตุใดถึงต้องทำเื่ที่ไม่จำเป็ด้วยเล่า? หมอดีๆ ในเมืองหลวงก็มีตั้งมากมาย”
ไป๋เสียนอันที่ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่ารู้สึกเสียหน้าจนใบหน้าหมองคล้ำ
“ให้เ้าไปเ้าก็ไปเสีย จะพูดจาไร้สาระมากมายปานนี้ไปไย? เหตุใดถึงได้เ็ากับน้องสาวของตนเองปานนี้? จะให้นางกลับมาทั้งที่ป่วย เ้ามีหัวใจบ้างหรือไม่?”
“เ็าหรือ?” ใบหน้าเล็กที่ขาวผ่องราวกับหยกของไป๋เซี่ยเหอทอประกายเย็นเยียบ
“หลายปีมานี้มีผู้ใดในจวนไม่เ็ากับข้าบ้าง? มีผู้ใดมีหัวใจกับข้าบ้าง?”
“เหิมเกริม ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว!” ไป๋เสียนอันรู้สึกอับอายขายหน้ายิ่งนัก “บิดาจะบอกเ้าให้ หากวันนี้เ้ากล้าไม่ไป ก็พาแม่ของเ้าไสหัวออกจากจวนสกุลไป๋เสีย!”
แววตาของไป๋เซี่ยเหอฉายแววดูแคลน คนพรรค์นี้คู่ควรเป็บิดาได้อย่างไร?
ไป แน่นอนว่าต้องไปแน่ ทว่านางไม่อาจไปโดยที่ยังไม่รู้เื่รู้ราวอะไรเลย
“ได้ ข้าจะไป!”
หากไม่ไปจะรู้ได้อย่างไรว่า ‘น้องสาวแสนดี’ ของนางเตรียมความประหลาดใจอะไรไว้ให้นางกันแน่?
โทสะของไป๋เสียนอันจึงสงบลง เพียงแต่ความรังเกียจที่มีต่อบุตรสาวคนนี้มีแต่จะเพิ่มขึ้น ไม่มีทางลดลง
นางไม่ควรมาที่นี่!
หากไม่ใช่เพราะรูปภาพนั้นเมื่อปีนั้นละก็...
“หนิงเอ๋อร์คารวะท่านพ่อเ้าค่ะ”
ไป๋หว่านหนิงสวมชุดกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อน ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือดูอิดโรย เห็นได้ชัดว่าเื่ของลู่เป๋าเหยาส่งผลกระทบต่อนางไม่น้อยเลย
วันนี้นางไม่ได้ประทินโฉม จึงยิ่งดูบอบบางอย่างชัดเจน
------------------------
[1] หมอตี๋ หมายถึง ผู้ขายและแนะนำยาโดยไม่ใช่เภสัชกร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้