เมื่อได้ยินว่าเด็ก ๆ ไม่เป็อะไร จุนห่าวโล่งอก แต่พลันต้องมาเป็ห่วงหานรุ่ยอีก เขาไม่ลืมว่า เขาพาหานรุ่ยเข้ามาในเทศะ เพื่อให้เสี่ยวไป๋ดูอาการาเ็ของหานรุ่ย ในเมื่อเสี่ยวไป๋มองออกว่าหานรุ่ยได้รับาเ็ ก็คงจะมีที่วิธีรักษาได้ อันที่จริงคนที่อยู่ในแดนเซียนต่างมีพลังที่แข็งแกร่ง มีประสบการณ์ และมีความรู้กว้างขวาง จะต้องหาหนทางรักษาหานรุ่ยได้เป็แน่ เืของจุนห่าวพุ่งพล่าน เขามองเสี่ยวไป๋และเอ่ยถาม “เสี่ยวไป๋ ในเมื่อเ้ามองออกว่าหานรุ่ยาเ็ ถ้าอย่างนั้นเ้าก็รู้วิธีรักษาเขาใช่ไหม?” มีคำกล่าวว่า คนที่รักก่อน มักจะแพ้ก่อน เสี่ยวไป๋มองจุนห่าวออกในทันที นับั้แ่เขาพบกับหานรุ่ย ความสุขุมนุ่มลึกของเขาที่มีก่อนหน้านี้ ถูกโยนทิ้งไปเสียหมด ราวกับคนหนุ่มเืร้อน ที่มุ่งมั่นแต่เื่ความรักและไม่สนใจแม้แต่การบำเพ็ญเพียรของตน เขาอุทิศทั้งหัวใจให้แก่หานรุ่ยเพียงอย่างเดียว
เสี่ยวไป๋เห็นสายตาของจุนห่าวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง จึงไม่อยากกล่าวอะไรกับจุนห่าวมาก เขารู้ว่าจุนห่าวเป็ทาสเมียคนหนึ่ง หากเขารักษาหานรุ่ยไม่ได้ จุนห่าวคงจะไม่มีกระจิตกระใจบำเพ็ญเพียร จนใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาเป็เพื่อนหานรุ่ยก็เป็ได้ เสี่ยวไป๋ครุ่นคิดในใจ ถ้าไม่ทำเพื่อคนอื่น อย่างน้อยก็ต้องทำเพื่อตัวเองก็ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องรักษาหานรุ่ยให้หายให้ได้ หากสุดท้ายจุนห่าวไม่บำเพ็ญเพียรก็คงจะหมดหนทางที่จะบินกลับขึ้นสู่แดนเซียน หากมันบินกลับเองไม่ได้ ก็คงจะกลับไปแดนเซียนไม่ได้ มันยังคงอยากกลับไปยังแดนเซียน แม้ว่ามันจะเป็ลูกที่พ่อแม่พึ่งพาไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ แต่ใครให้มันมาเกิดเป็ลูกชายของพวกเขาเล่า มันยังคงคิดถึงพวกเขา แม้จะไม่รู้ว่าพวกเขาคิดถึงมันบ้างไหม เสี่ยวไป๋เดาว่า พวกเขาคงไม่ถึงมันเป็แน่ เพราะในอดีตท่านพ่อมักจะบอกว่า มันคือตัวภาระที่เกิดมารบกวนโลกของเขาทั้งสอง
เสี่ยวไป๋ใช้ปราณััตรวจหานรุ่ยอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกล่าวขึ้นว่า “เส้นลมปราณแตกซ่าน จุดตันเถียนถูกทำลาย ซึ่งไม่ใช่เื่ใหญ่ มีตำรับยาซู่ถีที่สามารถรักษาให้หายขาดและไม่กลับมาเป็อีกได้” เสี่ยวไป๋พูดอย่างภาคภูมิใจ “ไม่เพียงแต่รักษาให้หายขาดได้ ยังมีข้อดีอีก คือ หลังจากรักษาหายแล้ว เส้นลมปราณและจุดตันเถียนจะยิ่งขยายกว้างขึ้น ซึ่งสำหรับผู้บำเพ็ญเพียรแล้ว ถือว่ามีประโยชน์เป็อย่างมาก เมื่อเส้นลมปราณและจุดตันเถียนขยายกว้างขึ้น ก็จะรับพลังปราณได้มากขึ้น พวกเ้าคิดดูสิ หากนักพรตระดับเดียวกันต่อสู้กัน ถ้าเ้ามีพลังปราณสะสมมากกว่าศัตรู แล้วพลังปราณของศัตรูหมดสิ้น ในขณะที่เ้ามีเหลืออีกมาก สุดท้ายก็แน่อยู่แล้ว ศัตรูต้องพ่ายแพ้ต่อเ้าเป็แน่”
จุนห่าวกล่าว “ถ้าอย่างนั้น หานรุ่ยก็ยังมีความโชคดีในความโชคร้าย เสี่ยวไป๋เ้านี่รู้เยอะทีเดียว เทียบกับเ้าแล้วข้านี่บ้านนอกจริง ๆ ” เพราะเสี่ยวไป๋รู้วิธีรักษาหานรุ่ย จุนห่าวจึงไม่ลังเลที่จะกล่าวชมเสี่ยวไป๋สักหน่อยหรือแม้จะต้องกล่าวยกยอปอปั้นเสี่ยวไป๋จนดูถูกดูแคลนตนเองก็ตาม แต่เพื่อหานรุ่ยแล้ว ภาพลักษณ์ของตนเองจะเป็อย่างไร เขาก็ไม่สน
พอเสี่ยวไป๋ได้ฟังจุนห่าวกล่าวเยี่ยงนี้ ก็หลงใหลได้ปลื้มอยู่ครู่หนึ่ง “นั่นก็ใช่... แต่อย่าเอาความรู้ของข้าไปเทียบกับคนธรรมดา ๆ อย่างเ้าเลย ตอนนี้เ้าได้รู้ความเก่งกาจของท่านลุงแล้ว มีอาวุธวิเศษอย่างข้าเนี่ย ถือเป็โชคที่เ้าต้องสะสมถึงแปดชาติได้ ต่อจากนี้ไปเ้าต้องดีต่อท่านลุงหน่อย แล้วจะมีประโยชน์ต่อเ้าอย่างไม่ขาดสาย”
จุนห่าว: แน่นอนอยู่แล้ว ข้ารู้ว่าเ้าไม่ใช่เสือโคร่งธรรมดา เ้าต้องเป็ผู้มีความรู้ที่สุดของครอบครัวเราเป็แน่
เสี่ยวไป๋: ก็ใช่... ก็ใช่ ทุกคนในเผ่าต่างบอกว่าข้าเป็อัจฉริยะ น่าเสียดายที่ข้าดันสิ้นใจไปก่อนวัยอันควร การที่ข้าจากไป แดนเซียนก็คงขาดผู้มีพร์เลิศล้ำไปอีกหนึ่งล่ะนะ
หานรุ่ย: ....... ข้าไม่รู้จักพวกเขา เ้าสองคนนี้ช่างน่าอายเสียจริง
หลังจากที่จุนห่าวยกยอเสี่ยวไป๋อยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นว่า “เสี่ยวไป๋ เ้ารีบไปเอาตำรับยาซู่ถี่ออกมาเถอะ ยิ่งเอาออกมาเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งรักษาหานลุ่ยได้เร็วขึ้นเท่านั้น” จุนห่าวรอแทบจะไม่ไหวแล้ว เขาอยากจะเห็นท่าทางกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวาของหานรุ่ยเหลือเกิน
หานรุ่ยเองก็มองเสี่ยวไป๋ด้วยสายตาแห่งความหวัง แต่เดิมเขาคิดว่าตัวเองคงไม่อาจรักษาได้จนสิ้นหวังแล้ว พอได้ยินว่ายังมีหนทางรักษา จึงจุดประกายความหวังให้หานรุ่ยอีกครั้ง
เมื่อได้ยินจุนห่าวขอตำรับยาซู่ถี่ ใบหน้าอันภาคภูมิใจของเสี่ยวไป๋หงอยลงไปทันที เมื่อกี้เขาพึ่งแสดงศักยภาพของเขาให้เป็ที่ประจักษ์ แต่กลับลืมไปว่า เขาไม่มีตำรับยาซู่ถี่ ซึ่งตำรับยาซู่ถี่ถือเป็ยาวิเศษแสนล้ำค่าในแดนเซียน ไม่ใช่ยาที่เด็กอย่างเขาจะมีมันได้ เขาจำได้ว่าท่านพ่อของเขามีอยู่หนึ่งเม็ด หนึ่งเม็ดนั้นเป็ของรักของหวงของท่านพ่อขนาดแม้แต่เขาที่เป็ลูกก็ไม่ให้ดูและที่เขากล่าวว่ายาวิเศษนี้ใช้ช่วยชีวิตได้ ก็เพราะได้ฟังจากท่านพ่อนี่แหละ ถึงได้รู้ว่า ตำรับยาซู่ถี่มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูจุดตันเถียนและพลังลมปราณ
จากที่เห็นว่าเสี่ยวไป๋หน้าหงอยลง จุนห่าวมีลางสังหรณ์ไม่ดี จึงถามแบบกึ่ง ๆ กัดฟันว่า “เสี่ยวไป๋ ไม่ใช่ว่าเ้าไม่มียาวิเศษหรอกนะ” จุนห่าวแอบคิด หากเสี่ยวไป๋ไม่มีก็แย่ล่ะซิ เมื่อกี้เห็นหานรุ่ยดวงตาเปล่งประกายออกมา หลังได้ยินว่าสามารถฟื้นฟูจุดตันเถียนและลมปราณของเขาได้ ยามนี้ได้ให้ความหวังเขาไปแล้ว สุดท้ายความหวังก็ต้องพังทลายลง เพราะไม่มียาวิเศษ ยิ่งจะเป็การซ้ำเติมหานรุ่ยเข้าไปอีก ไม่ว่าจิตใจจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็คงห้ามไม่ให้รู้สึกผิดหวังได้
เสี่ยวไป๋มองดวงตาที่เดือดดาลของจุนห่าว แล้วพูดอย่างใจฝ่อว่า “ข้าไม่มีหรอก ยาวิเศษนี้ในแดนเซียนถือว่าเป็ของล้ำค่า แต่ทว่า......” เสี่ยวไป๋หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง พลางเหลือบมองจุนห่าวอย่างหวาดระแวงอีกครั้ง เสี่ยวไป๋คิดในใจว่า สายตาเ็าของจุนห่าวตอนนี้ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
“แต่อะไรรึ เ้ารีบพูดมาเถอะ” จุนห่าวถามอย่างกังวลใจ เ้าเสี่ยวไป๋ชอบอ้ำอึ้งพูดไม่ออกใน่เวลาสำคัญเสมอ
หานรุ่ยเห็นสายตาหงอย ๆ ของเสี่ยวไป๋ จึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “จุนห่าว เสี่ยวไป๋ยังเด็ก อย่าทำให้เขากลัวสิ มีอะไร ก็ค่อย ๆ พูดเถอะ เสี่ยวไป๋อยากจะช่วยเราอยู่นะ”
จุนห่าว: เขาอายุตั้งห้าร้อยปีแล้ว ยังเป็ถือว่าเด็กหรือ?
หานรุ่ย: ....... คิดในใจ อายุ 500 ปี ก็ไม่ใช่เด็กแล้ว แต่สัตว์อสูรมีอายุขัยยาวนาน อายุ 500 ปี ถือว่ายังไร้เดียงสา เพราะฉะนั้นเสี่ยวไป๋ยังเป็แค่เด็กน้อย
เสี่ยวไป๋: ....... คิดในใจ อายุ 500 ปี ข้าก็ยังไร้เดียงสานะ แต่ไม่กล้าะโออกมา ได้แต่ะโอยู่ในใจ
“เสี่ยวไป๋ แต่อะไรรึ เ้ารีบพูดมาเถอะ” จุนห่าวรู้ว่าตัวเองใจร้อนเกินไป เสี่ยวไป๋บอกเขาเื่วิธีรักษาก็นับว่าดีมากแล้ว เขาควรจะรู้จักพอบ้าง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น
เสี่ยวไป๋รวบรวมความกล้าพูดขึ้นมาว่า “ข้าไม่มี แต่พ่อข้ามียาอยู่หนึ่งเม็ด เขาหวงแหนยาวิเศษนั้นมากเสียจนไม่ให้ข้าดู”
จุนห่าว: พ่อเ้ามีจะมีประโยชน์อะไร พ่อเ้าอยู่ในแดนเซียนนะ
จุนห่าวคิด ว่าแล้ว เ้าเสี่ยวไป๋นี่ พึ่งพาไม่ได้จริง ๆ พูดก็เหมือนไม่ได้พูด
หานรุ่ย: จุนห่าว เ้าอย่าโทษเสี่ยวไป๋เลย แค่ได้รู้หนทางก็ดีมากแล้ว อย่างน้อยข้าก็รู้ว่า อาการาเ็ของข้า ยังพอมีทางรักษาให้หายได้ เพียงแค่ยามนี้เราไม่มียาวิเศษเท่านั้นเอง หานรุ่ยไม่อยากให้จุนห่าวต้องมาขัดแย้งกับเสี่ยวไป๋เพียงเพราะเขา อีกทั้งยังไม่อยากเห็นสีหน้าหดหู่ของจุนห่าวด้วย ในชาตินี้มีคนที่ดีต่อเขาขนาดนี้ เขาก็พอใจมากแล้ว
จุนห่าวรู้ว่าหานรุ่ยกำลังปลอบโยนเขา เขาจึงกล่าวอย่างอิดออดว่า “เ้าพูดถูก ได้รู้หนทางเป็เื่ดี เพราะฉะนั้นข้าจะช่วยเ้าหามันให้เจอ เ้าจะได้กลับมาบำเพ็ญเพียรอีกครั้ง” ณ เวลานี้ ในใจของจุนห่าวมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแข็งแกร่ง จุนห่าวฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า หากเขามีพลังแข็งแกร่ง ย่อมหายาวิเศษได้อย่างง่ายดายเป็แน่ หากเขาเป็นักปรุงยาที่แข็งแกร่งล่ะก็ เขาจะต้องสามารถฝึกตนจนบ่มยาวิเศษใด ๆ ที่หานรุ่ยจำเป็ต้องใช้ได้แน่
หลังจุนห่าวมาอยู่ในโลกบำเพ็ญเพียรได้สองวัน ก็รู้ว่าตนเองตัวเล็กนิดเดียว เขาครุ่นคิด หาก้าอยู่ในโลกบำเพ็ญเพียรให้ผ่านไปด้วยดี จักต้องแข็งแกร่ง หากไร้ซึ่งความแข็งแกร่ง คงหมดสิ้นหนทางเหมือนกับตอนนี้ เพื่อให้ภรรยาและลูก ๆ มีชีวิตที่ดีขึ้น เขาจะต้องพยายามอย่างหนัก และต้องเป็ที่พึ่งให้กับภรรยาและลูก ๆ ดั่งวีรบุรุษผู้กล้าให้จงได้