ซูอินสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของน้ำพุ
เช้าวันสอบ เธอตื่นนอนตรงเวลาตามนาฬิกาชีวิตของตัวเอง ล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้า และดื่มน้ำแร่หนึ่งแก้ว
ั้แ่มาพักที่โรงแรมนี้ เธอดื่มน้ำแร่จากน้ำพุในห้วงมิติมาตลอด ในเกสต์เฮาส์ไม่มีน้ำดื่มให้บริการ มีกาต้มน้ำให้ในห้อง แต่เมื่อนึกถึงข่าวเื่กาน้ำร้อน เธอจึงไม่ใช้ แน่นอนว่าห้องอาหารด้านล่างมีน้ำบรรจุขวดขาย แต่เพราะเคยชินกับการประหยัดมาั้แ่ชาติก่อน ทำให้เธอเสียดายที่จะใช้เงินเพื่อสิ่งนี้
เมื่อดื่มติดต่อกันหลายวันทำให้เธอชินกับรสชาติของน้ำพุ
แต่น้ำพุในวันนี้กลับมีรสชาติหวานต่างจากทุกที ผสมกับความเย็นเล็กน้อยทำให้เรียกสติที่ยังสับสนจากอาการเพิ่งตื่นนอนให้มีชีวิตชีวาขึ้น
“อร่อยจัง”
เธออดไม่ได้ที่จะดื่มอีก เมื่อเห็นว่าเริ่มสายแล้ว จึงไม่ได้ลงไปกินข้าวที่ห้องอาหาร แต่นั่งลงทบทวนคำตอบของโจทย์ข้อสอบขึ้นมัธยมปลาย
จากนั้นก็เกิดเื่
นั่งได้ไม่นานก็รู้สึกข้างในร่างกายผิดปกติ เธอรีบลุกไปเข้าห้องน้ำ
เธอรู้สึกปวดท้อง เหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก หนังศีรษะเปียกอย่างรวดเร็ว สีหน้าเ็ประหว่างที่นั่งชักโครก หากเป็เช่นนี้ต่อไป จะทำอย่างไรกับการสอบขึ้นมัธยมปลายที่ใกล้จะถึงนี้
ยังดีที่ความเ็ปนี้อยู่ไม่นาน เธอแก้ปัญหาของร่างกายได้อย่างมีความสุข ท้องโล่ง ความเ็ปหายไป
เหงื่อเต็มหน้าผาก เธอล้างหน้าแบบลวกๆ ใช้ฝักบัวเปิดน้ำอุ่นชำระล้าง แล้วก็เริ่มเกิดความคิด อีกสักพักควรกินข้าวเช้าหรือไม่ หากปวดท้องแบบเมื่อครู่ขึ้นมาจะทำอย่างไร
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความคิดลึกลับบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในหัวอย่างไม่มีเหตุผล สักพักเธอดึงข้อมูลบางอย่างออกมา
การฟื้นฟูน้ำพุ
น้ำพุที่ฟื้นฟูขึ้นมามีหน้าที่หลักคือขจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย
“นั่นแสดงว่ามันคือการเพิ่มประสิทธิภาพ!”
ไม่นานซูอินก็เข้าใจ รวมถึงเหตุผลที่ทำให้มันเพิ่มประสิทธิภาพ เพราะเธอมักจะช่วยเหลือผู้อื่น ได้รับความซาบซึ้งและคำอวยพรจากคนเ่าั้ หรือเปลี่ยนวิธีเรียกก็คือ “บุญกุศล” บุญกุศลเข้าไปในน้ำพุแห่งจิติญญา เติมเต็มพลังที่น้ำพุ้า สะสมความเหน็ดเหนื่อยจนถึงขั้นวิกฤต การเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ น้ำพุแห่งจิติญญาจึงฟื้นฟูขึ้น
หลังจากนี้หากเธอได้รับบุญกุศลมากขึ้น สะสมความเหน็ดเหนื่อยจนถึงขั้นวิกฤตอีกครั้ง น้ำพุแห่งจิติญญาก็จะเพิ่มประสิทธิภาพตัวเองอยู่เรื่อยๆ
“แสดงว่ามันยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพตัวเองได้อีกหรือ”
ความรู้ความเข้าใจนี้ทำให้ซูอินตื่นเต้นมาก เธอล้างศีรษะก่อนจะนุ่งผ้าขนหนูออกมา นั่งที่โต๊ะ เอามือเท้าคางและพยายามทำความเข้าใจข้อมูลที่ได้รับ
พูดง่ายๆ นี่คือการทำความดีจนได้รับความซาบซึ้งจากผู้อื่น สะสมให้เธอได้รับบุญกุศลเพิ่มประสิทธิภาพ และปลดล็อกทักษะความสามารถใหม่ๆ
ส่วนเมื่อครู่ที่ร่างกายไม่คุ้นชิน อาจเป็เพราะมันขจัดสิ่งสกปรกในร่างกายออก ซูอินเข้าใจความลึกลับนั้นผ่านความคิดแล้ว ขจัดสิ่งสกปรก หรือพูดอีกอย่างคือ ชำระล้างไขกระดูก ซึ่งเป็กระบวนการที่มีมายาวนาน หากทำในระยะสั้นคือทุกครึ่งปี ระยะยาวอาจเป็ทุกสามถึงห้าปี การชำระล้างในครั้งแรกค่อนข้างรุนแรง ส่วนที่เหลือล้วนซึมซับมาจากสภาพแวดล้อมรอบตัว
แม้จะเสียดายที่ไม่สามารถปรับร่างกายให้อยู่ในสภาพดีที่สุด แต่ซูอินรู้สึกว่าแค่นี้ก็ไม่เลวแล้ว
หากชำระล้างไขกระดูกอย่างกะทันหันในเวลานี้ ส่วนต่างๆ ของร่างกายจะปรับเปลี่ยนไปในสภาพที่ดีที่สุด การเปลี่ยนแปลงทำให้กลายเป็สาวสวย แน่นอนว่าคงทำให้คนรอบข้างสงสัย
ค่อยเป็ค่อยไปดีกว่า
เดิมทีในห้วงมิติเป็พื้นที่เปล่า การชำระล้างไขกระดูกถือเป็ความสุขที่ได้รับมาโดยไม่คาดคิด เมื่อพูดถึงสิ่งที่เธอต้องให้ความสนใจที่สุดสามปีหลังจากนี้คือตั้งใจเรียน สวยหรือไม่นั้นไม่มีผลสำหรับเธอ
สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือสอบเข้ามัธยมปลาย
เมื่อรู้ว่าสามารถกินอาหารเช้าได้ตามปกติ ซูอินก็เปลี่ยนเป็เสื้อผ้าสะอาดก่อนจะลงไปกินข้าว
หลินเฉวียนซึ่งทำงานในโรงแรม ใช้ตำแหน่งของตัวเองสั่งให้ห้องครัวเตรียมอาหารไว้ให้ อีกทั้งยังเตรียมไส้กรอกและไข่ไก่ให้เธอสองฟองเป็อาหารเช้า
“ขอบคุณค่ะคุณอาหลิน”
ซูอินยิ้มหวาน เธอกินจนเกือบอิ่ม ทั้งสบายและมั่นใจว่าพลังงานนี้จะเพียงพอสำหรับตลอด่เช้า
เธอตรวจสอบอุปกรณ์การสอบอีกครั้ง เอกสารเข้าสอบ บัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงเครื่องเขียน ครบถ้วนไม่มีปัญหา เธอจึงถือกล่องดินสอแบบใสและเดินออกจากโรงแรม
โรงแรมตั้งอยู่ค่อนข้างใกล้กับโรงเรียนมัธยมทดลอง เดินราวๆ สิบห้านาทีก็ถึง โดยต้องเดินผ่านซอยที่ค่อนข้างแคบสองซอย
ยามเช้า ซูอินเดินเข้าไปในซอยแคบที่อยู่ไม่ไกล จู่ๆ เธอก็มีอาการใจสั่น
ั้แ่กลับชาติมาเกิดความรู้สึกของเธอแม่นยำมาก
เธอเดินช้าลง มองซอยแคบๆ เบื้องหน้าอย่างลังเล จากนั้นได้ยินเสียงคนคุยกันอย่างกระตือรือร้น
ในใจเธอเกิดลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี
โชคดีในวันที่เกิดเหตุ เธอออกมาค่อนข้างเช้า อย่างไรเสียก็ยังพอมีเวลา เธอตัดสินใจเดินอ้อมไปใช้ทางเท้าอีกแห่งหนึ่ง
ตอนที่กำลังจะเดินจากไป อันธพาลที่อยู่ในซอยออกมาเห็นเธอพอดี
“มาแล้ว!”
สักครู่ เธอถูกอันธพาลประมาณห้าถึงหกคนที่โผล่ออกมาจากซอยแคบๆ ล้อมไว้
ซูอินยกกระเป๋าหนังสือขึ้นมาป้องกันด้านหน้า กวาดตามองกลุ่มคนรอบๆ บังเอิญมากที่คนเหล่านี้ล้วนเป็คนที่เธอคุ้นเคยดี อีกทั้งยังคุ้นจนไม่สามารถคุ้นเคยไปได้มากกว่านี้
คนหนึ่งคือซุนเจี้ยน คู่เวรคู่กรรมของเธอจากโรงเรียนมัธยมขั้นทดลอง
ส่วนคนที่เหลือในชาตินี้เธอยังไม่เคยเห็นหน้า แต่ในชาติก่อนเธอคุ้นเคยมาก คนกลุ่มนี้รวมถึงคนที่เป็ลูกพี่และคนอื่นๆ ที่ยังไม่ได้โผล่มาในครั้งนี้ เปรียบเหมือนเงาตามติดเธอตลอดชั้นมัธยมปลาย
ั้แ่วันแรกที่ลงทะเบียนเข้าเรียน เธอก็ถูกคนเหล่านี้จับตาดู ต่อมาได้บอกว่าลูกพี่ของพวกเขาสนใจเธอ ในชั้นเรียนจึงข่มเหงรังแกเธอมาตลอดสามปี จนเธอไม่มีกะจิตกะใจเรียน
ขณะที่กำลังคิด ซุนเจี้ยนก็ก้าวมายืนตรงหน้าเธอแล้ว
“เป็เธอไม่ผิดตัว”
ซูอินขมวดคิ้ว “ทำไมถึงเป็นาย”
“เซอร์ไพรส์ใช่ไหมล่ะ”
ใบหน้าของซุนเจี้ยนประดับด้วยรอยยิ้มเบิกบาน ดวงตาแฝงความดีใจจนลืมตัว มือนั้นยื่นออกมาที่หน้าของเธอ
ซูอินเอนหลังหลบด้วยความว่องไว สีหน้าเธอแสดงความรังเกียจ
เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของเธอ ซุนเจี้ยนยิ่งมีความสุข
“เธอเป็คนมีความสามารถไม่ใช่หรือ หยิบวงเวียนมาชี้ฉัน แม้แต่ครูเธอยังกล้าด่า ตัวเองไม่ใช่คุณหนูแล้ว แต่ก็ยังไปคบกับคุณหนูตระกูลอวี๋…”
ปากพูดฉอดๆ ไม่หยุด ซุนเจี้ยนเอ่ยถึง “ความผิด” ล่าสุดของเธอ อีกทั้งยังเอ่ยถึงเื่น่าอายของเธอในอดีต ไม่ว่าจะเป็เื่ถูกเขาเปิดกระโปรง ถูกขังในห้องน้ำ ถูกเทขยะใส่โต๊ะเรียน…
ต้องขอบคุณเขา เพราะนับั้แ่กลับชาติมาเกิด เธอลืมหลายๆ เื่ที่เกิดขึ้นตลอดสิบปีที่ผ่านมาไปแล้ว เมื่อได้ยินซุนเจี้ยนพูดถึง “ผลงานยอดเยี่ยม” ที่ทำให้ซูอินรู้สึกว่าตัวเองช่างอ่อนต่อโลก พอนึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นกับเธอ จิตใจที่สงบนิ่งก็อดโมโหไม่ได้
แต่เธอรู้ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เธอควรโมโห
เมื่อซุนเจี้ยนเอ่ยคำพูดที่ทำให้คันยุบยิบในใจ เธอจึงคิดถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป
เมื่อเธอเห็นไก่อ่อนพวกนี้ แม้แต่ซุนเจี้ยนเธอก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถรับมือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอันธพาลร่างกำยำอีกห้าคนนั้นเลย
เธอรังเกียจคนเหล่านี้มาก แต่สถานการณ์แข็งแกร่งกว่าผู้คน การบุกออกไปเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่วิธีที่ดี อย่างไรเสียเธอก็คุ้นหน้าคนเหล่านี้ รอให้รอดจากอันตรายแล้วค่อยไปแจ้งความก็ยังไม่สาย
เธอพอจะเดาได้ว่าเื่นี้เป็ฝีมือใคร นึกถึงเหตุการณ์วันก่อนที่ร้านชานม ความเคยชินของหลิงเมิ่งคือใช้เงินซื้อใจคน เมื่อคิดถึงจุดนี้ ทำให้เธอพอจะมีวิธีรับมือ
โชคดีที่ครั้งนี้ที่บ่อนไม่ต้องเสียเงินต้น เธอจึงควรทิ้ง “หลักฐาน” ไว้บนตัวของคนเหล่านี้เสียหน่อย
เธอล้วงกระเป๋าหนังสือ ก่อนจะหยิบธนบัตรร้อยหยวนสองสามใบออกมาจากห้วงมิติ