เพื่อนบ้านในชุมชนต่างรู้ว่าบ้านเหลียงไม่ได้มีฐานะ ตอนนี้เหลือเพียงเหลียงหานเพียงคนเดียว จึงระดมเงินช่วยกันจัดงานศพให้เจี่ยงหยวน อวี๋มู่ก็ลางานสองวัน อยู่เป็เพื่อนเขาตลอด
วันที่เหลียงหานพบจดหมายลาตายของเจี่ยงหยวน เขาเดินถือมีดทำกับข้าวไปยืนรอหน้าห้องเช่าของเฉินซื่อเลี่ยงทั้งคืน
เขาแอบอยู่ใต้ตึกในซอย เงยหน้ามองห้องพักชั้นสอง มือกำมีดไว้แน่น จวบจนสว่าง
แสงตะวันแรกในวันอาทิตย์ ดวงตาเส้นเืฝอยแดงก่ำมองดูชายหนุ่มเดินออกมาจากห้อง พร้อมกับหญิงกลางคนกับเด็กหญิงอายุสิบสองสิบสามขวบ เด็กหญิงกอดชายหนุ่มไว้ ท่าทางรักและหวงแหน
จากนั้นทั้งสามก็ล็อกประตู เหลียงหานแอบเข้าไปในเงามืด
เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้น จนสุดท้ายก็ไม่ได้พุ่งตัวไปฟันเฉินซื่อเลี่ยงให้ตาย
ในจดหมายลาตายของเจี่ยงหยวนเขียนเนื้อหาไว้มากมาย คำพูดสับสน ลายมือนั้นทะลุกระดาษ น้ำหนักมือหนักแน่น ดูออกว่าตอนเขียนนั้นสติแทบไม่มีเหลืออยู่ มีเพียงความบ้าคลั่ง
บอกว่าเธอนั้นช่างน่าสงสาร บอกว่าพี่เฉินหลอกเธอ
เฉินซื่อเลี่ยงเป็คนนอกพื้นที่ แต่งงานแล้ว และมีลูกสาวแล้วด้วย หกปีที่แล้วมาทำงานที่เมืองเป่ย ไม่นานนักก็มาเกี่ยวข้องกับเจี่ยงหยวน เห็นเธอสวยและหลอกง่าย จับมาเป็ที่ระบายความใคร่ได้พอดี เป็ความสัมพันธ์แบบนี้มายาวนานห้าปี ปากหวานหยดย้อย ทำให้เจี่ยงหยวนนึกว่าภาพทุกอย่างคือเื่จริง
่ก่อนหน้านี้ทั้งลูกทั้งภรรยามาหาเขา เฉินซื่อเลี่ยงกลับมาเห็นความสำคัญของครอบครัว จึงเอ่ยปากขอเลิกกับเจี่ยงหยวน คำพูดคำจานั้นโหดร้าย เริ่มแรกก็เชิดชูเธอสูงส่ง มาตอนนี้กลับเขี่ยเธอทิ้งอย่างไม่ใยดี
เจี่ยงหยวนทั้งร้องไห้ทั้งโวยวาย เสียดายที่ต่อหน้าชายที่เืเย็นเช่นนี้ วิธีพวกนี้ไม่ได้ผลแม้แต่น้อย
เดิมเธอก็เป็คนที่ควบคุมประสาทได้ไม่ดีอยู่แล้ว ได้รับการปฏิบัติตัวแบบนี้จึงยิ่งบ้าคลั่ง ท้ายที่สุดก็เลือกหนทางการฆ่าตัวตายด้วยยาฆ่าแมลง
เหลียงหานกำจดหมายลาตายในมือแน่น บดเป็ก้อน นั่งอยู่ตรงข้างกำแพงหินอยู่นาน
แม้ว่าเขาจะอยากฆ่าเฉินซื่อเลี่ยง แต่เขายังมีครูอยู่ ครูไม่มีทางอยากเห็นเขาฆ่าใครเป็แน่
อีกอย่างภรรยาและลูกของอีกฝ่ายก็บริสุทธิ์ แม่ตัวเองยินยอมจะเป็มือที่สามของเขาเอง หากว่าเขาลงมือ ก็เท่ากับทำลายชีวิตของสองแม่ลูกนั่น
จริยธรรมไม่อาจให้เขาทำแบบนั้นได้
ไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน เขาเดินกลับมาที่ลานชุมชนพร้อมแสงอรุณยามเช้า เหลียงหานมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งทันทีที่ก้าวเท้าเข้าประตูบ้านพัก
ในคืนฤดูร้อนปีที่แล้วก็เป็เช่นนี้ ชายหนุ่มนั่งสูบบุหรี่บนบันไดหินอย่างนิ่งเงียบ ก้นบุหรี่เป็กอง เมื่อเห็นเขากลับมาก็ลุกขึ้นยืน ดับบุหรี่ในมือ ส่งยิ้มให้เขา “กลับมาแล้วเหรอ ฉันต้มไข่ไว้ แล้วก็โจ๊ก มากินด้วยกันนะ”
อวี๋มู่เดินไปหน้าเหลียงหาน ยื่นมือขวามา แล้วคว้ามีดทำกับข้าวในมือเหลียงหานไป ดึงแขนเขาไปข้างหน้า เนื่องจากสูบบุหรี่เยอะไปหน่อย เสียงก็เลยแหบ
เขาบอก “ไปเถอะ กลับบ้านกับครู”
เพียงแค่คำพูดเดียว แววตาของเหลียงหานก็อ่อนลง
ในที่สุดเขาก็เหมือนถูกดึงกลับมาสู่โลกแห่งความเป็จริงของตัวเอง รู้ตัวว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ ความจริงทำให้เขาใจสั่น
เขาจับมืออวี๋มู่กลับ เม้มปากแล้วตอบรับ
ใช่ เขาต้องกลับบ้าน กลับบ้านที่มีครูอยู่
*
อวี๋มู่รออยู่ข้างนอกมาทั้งคืนจนเกือบจะบ้า ระบบบอกเขาว่าเหลียงหานเจอจดหมายลาตายของเจี่ยงหยวน ก็คว้ามีดทำกับข้าวออกจากบ้านไป ั้แ่ตอนนั้นเขาก็เริ่มมานั่งรอ
แต่พอคิดๆ ดู สุดท้ายก็ไม่ได้ตามไป เพราะเขารู้ว่าหลายๆ เื่ ก็ต้องให้เหลียงหานเป็คนโน้มน้าวใจตัวเองให้ได้ หากว่าเขาคอยออกหน้าตลอด แม้ว่าเหลียงหานจะยินยอมตอนนั้น แต่หลังจากนั้นล่ะ? เขาก็ยังเคียดแค้นเฉินซื่อเลี่ยงอยู่ดี เผลอๆ วันไหนคิดไม่ได้ขึ้นมาอาจจะไปฟันคนเลยก็ได้
ดังนั้นจึงได้แต่รอแล้วรออีก สูบบุหรี่ไปพลางให้ระบบป้อนข้อมูลเกี่ยวกับเหลียงหานไปพลาง
แต่โชคดีที่เหลียงหานยังมีจริยธรรมในใจ ไม่ได้ถูกความแค้นบังตา แล้วเผลอทำเื่ผิดพลาดไป
อวี๋มู่โล่งอกไปเปราะใหญ่ หัวใจก็พลอยรู้สึกสงบเหมือนเดิม เขาพาเด็กหนุ่มกลับบ้าน ให้เขาล้างหน้าล้างตากินข้าว จากนั้นกินข้าวพร้อมกับนั่งมองใต้ตาดำคล้ำของกันและกันไป
หลังเก็บมีดทำกับข้าว อวี๋มู่ทิ้งตัวลงบนเตียง หาวไปหนึ่งที เขาตบที่ข้างๆ ให้เหลียงหาน “มา นอนเป็เพื่อนครูหน่อย”
เขาดึงผ้าห่ม ทำเสียงน่าสงสาร “เฮ้อ เมื่อวานเธอไม่กลับมา ครูนอนไม่หลับเลย คิดอยู่ว่าเสี่ยวหานไปไหนกันน้า คิดอยู่ทั้งคืนจนไม่ได้นอน”
ระบบขนหัวลุก บ่นเขา [โฮสต์ครับ คุณหาข้ออ้างได้เส็งเคร็งมาก คุณทำแบบนี้ผมอิจฉาตาร้อนนะครับ]
อวี๋มู่ : …….ระบบ ฉันกว่าจะหาเื่ให้เขามานอนได้ นายไม่ให้กำลังใจไม่พอ ยังมาซ้ำเติมฉันอีก!
ทว่าเหลียงหานกลับหลงกลมุขนี้เสียอย่างนั้น ได้ยินอวี๋มู่พูดแบบนี้ ความมัวหมองในใจของเขาถูกพัดหายไปทันใด ใบหน้าซีดขาวเริ่มมีสีแดงระเรื่อ
“อื้อ ได้ฮะ” เขาปีนขึ้นเตียงอย่างว่าง่าย แล้วนอนลงไป ค่อยๆ หลับตาลง
อวี๋มู่หาวอีกหน
เพราะการตายของเจี่ยงหยวน เขากังวลว่าเหลียงหานมองเห็นภาพที่ทำให้รู้สึกะเืใจ เลยต้องกลับมาอยู่ด้วยกันโดยปริยาย
ไหนๆ ก็ไม่มีทางเลือกสำหรับเขาอยู่แล้ว ถึงยังไงเสีย นอนกับหมอนี่ก็ไม่ได้ทำให้ส่วนไหนในร่างกายหายไปสักหน่อย อย่างมากก็……
ตอนนี้เขาง่วงถึงขีดสุด ไม่นานก็ผล็อยหลับไป
เหลียงหานที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินเสียงกรนของเขา ก็ขยับตัวชิดเข้ามา แล้วเอาหัวซุกเข้าไหล่เขา ถึงหลับไปอย่างสบายใจ
*
มัธยมปีที่ห้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหลียงหานเข้าสู่่ที่น่าตื่นเต้นที่สุด ปิดเทอมใหญ่มีเพียงหนึ่งเดือน เดือนสิงหาก็ต้องกลับมาเรียน
หลังจากกลับมาเรียนอีกครั้ง เหลียงหานก็ทำใจให้อยู่ในสภาวะปกติได้แล้ว เขาต้องพยายามตั้งใจเรียน เพื่อตอบแทนความหวังของครู
ทั้งครูและนักเรียนมีไม่น้อยที่รู้สึกเห็นใจเขา แต่เหลียงหานไม่้าความเห็นใจจากคนเหล่านี้
ตอนนี้ในชีวิตเขาสิ่งมีที่สำคัญที่สุดก็คือครู มีเพียงอวี๋มู่ที่เบี่ยงเบนความสนใจ ความรู้สึกจากเขาได้ เขามีชีวิตอยู่เพื่อครู ไม่เกี่ยวกับคนอื่น
เถียนฟางกับอวี๋มู่กลับมาเป็เพื่อนกันดังเดิม ครึ่งปีให้หลังก็เจอชายคนที่รักเธอจากใจจริง
วันเวลาผ่านไปแบบนี้เรื่อยๆ จนใกล้วันสอบเข้ามหาวิทยาลัย อวี๋มู่ดูท่าทางจะตื่นเต้นกว่าเหลียงหานเสียอีก
เขาถึงขั้นอยากทำกับข้าวให้เหลียงหานกินแทน แน่นอนว่าล้มเหลวในท้ายที่สุด
เหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีพร์ในด้านนี้แม้แต่นิด ให้ต้มไข่หรือต้มโจ๊กยังพอได้ แต่ถ้าซับซ้อนกว่านั้น ทำออกมาก็สิ้นเปลืองวัตถุดิบอยู่ดี แทบกลืนไม่ลง
แต่หลายครั้งเหลียงหานยังคงจ้วงเข้าปากราวกับว่ารสชาติล้ำเลิศกินด้วยสีหน้ามีความสุข จนเกือบทำให้อวี๋มู่นึกว่าตัวเองทำได้ไม่เลว ปรากฏว่าพอลองชิมเอง ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี รีบเททิ้งแทบไม่ทัน
หลังเสร็จจากวันสอบเข้า อวี๋มู่พาเขาไปทานข้าวนอกบ้าน ระหว่างนั้นมีพูดถึงเื่โรงเรียนกับสาขาที่ในอนาคตอันใกล้ต้องเลือกลง
เขานึกได้ว่าในนิยายมีพูดถึงว่าเหลียงหานจะกลายเป็คนใหญ่คนโต เขาเริ่มต้นจากการเปิดเว็บออนไลน์ไม่มีต้นทุน จนสุดท้ายสร้างบริษัทขึ้นมาใหญ่โต ร้ายกาจมาก
ดังนั้นเขาจึงแนะนำให้เหลียงหานเลือกลงเอกคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยจะได้ลงการจัดการทางการเงินควบคู่กันไป ให้เขาได้มีทางเลือกมากขึ้น
เหลียงหานเชื่อฟังคำพูดเขาทั้งหมด ตกปากรับคำ
หลังจากทานข้าว อวี๋มู่ไปซื้อตำราเกี่ยวกับสาขาคอมพิวเตอร์ให้เขาหลายเล่ม แล้วค่อยพากลับบ้าน
วันที่ผลสอบออกมา เป็วันเกิดที่เหลียงหานอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์พอดี 712 คะแนนทำให้เหลียงหานชนะเลิศในสาขาวิทยาศาสตร์ประจำเขต และทำให้เขากลายเป็ความภาคภูมิใจของเมืองเป่ย
ในเมืองนั้นป่าวประกาศออกมา จะให้ทุนรางวัลการศึกษาจำนวน 20,000 หยวน เพื่อเป็รางวัลและการยกย่อง
มีหลายมหาวิทยาลัยในเมืองเป่ยโทรหาโรงเรียนมัธยมภาคห้า ยื่นข้อเสนอให้เหลียงหาน
เสียดายที่ตอนนี้เหลียงหานเพียงแค่อยากกลับบ้านแล้วกินเค้กกับอวี๋มู่
ตอนที่รู้ผลอวี๋มู่ตื่นเต้นกว่าเขา ะโกอด ปากก็ะโนี่มันเทพเ้าชัดๆ เขาไม่เคยเห็นนักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงเช่นนี้มาก่อน นี่ไม่ใช่แค่ผลการเรียนของอัจฉริยะแล้ว นี่มันเทพแห่งการเรียน
ระบบบ่นเขาว่าตัวร้ายก็ฉลาดแบบนี้แหละ บอกให้เขาเลิกทำตัวตื่นตระหนกเกินไปสักที
จากนั้น อวี๋มู่ลูบผมของเหลียงหาน ชมเขาพร้อมกับชมตัวเอง “สมกับเป็นักเรียนที่ฉันสอนมากับมือ”
ทั้งสองกลับบ้านพร้อมเค้กขนาดหกนิ้ว อวี๋มู่ยังซื้อเทียนตัวเลข 1 กับ 8 มาด้วย
ตอนที่เดินเล่นซุปเปอร์มาร์เก็ต อวี๋มู่หยิบเหล้ามาสองขวด ตั้งใจจะให้เหลียงหานทำกับแกล้มสักสองอย่าง ฉลองกันสักหน่อย
“ครูฮะ หลังจากคืนนี้ ผมก็จะเป็ผู้ใหญ่แล้ว” จากเหตุการณ์ที่แม่เขาเสียก็ผ่านมาปีกว่าแล้ว สภาวะจิตใจของเหลียงหานก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
ชีวิตของตัวเองที่มีครูนั้นมีความหวังเปี่ยมล้น เขาถึงขั้นเริ่มมีความคิดในสมอง วางแผนเพื่อให้พวกเราได้อยู่ร่วมกันตลอดไป
อวี๋มู่พูดด้วยน้ำเสียงขึงขังจริงใจ “ใช่สิ นายโตเป็ผู้ใหญ่แล้ว อีกหน่อยก็ต้องรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวเองแล้ว”
“อื้ม” เหลียงหานเม้มปากก่อนเอ่ย “ดังนั้น อีกหน่อยครูไม่ต้องทำเหมือนผมเป็เด็ก แต่ให้มองในฐานะผู้ชายคนหนึ่งได้ไหมครับ?”
อวี๋มู่ชะงัก
ระบบรีบแทรกออกมาทันที [เริ่มแล้วๆๆ โฮสต์ เขาน่าจะอยากจัดการคุณแล้วแน่ๆ!]
อวี๋มู่ : นายเงียบไปเลยนะ!
เขาเลือกสรรการใช้คำ พยายามแสร้งทำตัวเป็ครูที่ดี ตอบกลับเหลียงหาน “ไม่ว่าเธอจะโตแค่ไหน เธอก็ยังเป็เด็กในสายตาครูอยู่วันยังค่ำ”
เมื่อเห็นเหลียงหานมีสีหน้ามืดมน เขาก็รีบพูดต่อ “แต่ว่าการที่เธออยากเป็ผู้ใหญ่นั่นก็ดีแล้ว นั่นหมายความว่านายกล้าที่จะรับผิดชอบ ช้าเร็วก็ต้องเป็ผู้ชายที่ดีแน่นอน”
เหลียงหานชะงักฝีเท้า พลันถาม “ถ้าอย่างนั้นในสายตาครู ผู้ชายที่ดีมีคำนิยามแบบไหนเหรอฮะ?”
อวี๋มู่เห็นสีหน้าเขาดีขึ้นมาหน่อยจึงโล่งอก กล่าวต่อ “ในสายตาฉัน ผู้ชายที่ดี ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ รักใคร่ครอบครัว มีลูกต้องดูแลเอาใจใส่ลูก ตอนทำงานก็ต้องมุ่งมั่นจริงจัง ใช้ชีวิตอยู่อย่างคุ้มค่า”
เหลียงหานขมวดคิ้วถาม “ครูหวังให้ผมมีแต่งงานมีลูกเหรอครับ?”
[เขาโมโหแล้ว เขาโมโหแล้ว!]
อวี๋มู่ : ระบบ นายไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่านายเป็ใบ้หรอกนะ
คำพูดของอวี๋มู่นั้นหมายถึงคำจำกัดความของผู้ชายที่ดีในอุดมคติของเขา แต่ก็อยากช่วยชักจูงโน้มน้าวเหลียงหานกลายๆ
ตอนนี้คะแนนความประทับใจอีกเพียงนิดเดียวก็จะเต็มห้าดวงแล้ว เขาจะจากไปเมื่อไหร่ก็ได้ เขาหวังว่าเหลียงหานจะคิดไตร่ตรองถี่ถ้วนกับทุกเื่ ทางที่ดีต้องให้เขาตัดใจจากตัวเองให้เร็วที่สุดหลังจากที่เขาไป
เขาจึงแกล้งพูด “ผู้ชายเกิดมาก็ต้องแต่งงานมีลูก ไม่ใช่แค่นาย ครูก็ต้องรีบวางแผนเื่นี้เหมือนกัน”
คราวนี้สีหน้าที่ดีขึ้นมาหน่อยของเหลียงหานก็กลับเป็มืดมนยิ่งกว่าก้นหม้อไหม้ๆ เสียอีก
“ผมไม่อยากมีภรรยา” เขากำถุงพลาสติกในมือแน่น “แล้วก็ไม่อยากให้ครูแต่งงานมีลูกด้วย”
ในใจอวี๋มู่เหมือนมีสัญญาณแจ้งเตือนดังขึ้นทันใด ทำไมเขารู้สึกว่าเ้าเด็กนี่กำลังจะสารภาพรักกับเขาอีกแล้ว!
เหลียงหานกัดฟัน เค้นพลังใจพูดออกมา “ผมแค่อยากอยู่กับ…...”
“ถึงบ้านแล้ว!” อวี๋มู่รีบขัดเขา เดินฉับๆ ผ่านไหล่เหลียงหานไปยังลานชุมชน “ฉันไปเปิดประตูก่อนนะ”
เหลียงหานอึ้งไปชั่วครู่ ใบหน้าแดงระเรื่อเปลี่ยนเป็ซีดขาว
เขารู้ว่าครั้งนี้ครูหาข้ออ้างปฏิเสธเขา
การปฏิเสธครั้งที่สอง
เขาเดินตามไป ั์ตามืดมนลง
อวี๋มู่เดินผ่านลานเข้าไปถึงหน้าบ้านตัวเอง ล้วงกุญแจออกมาแล้วเปิดประตู คล้องโซ่ไว้ตรงประตู กำลังจะเปิดออก จู่ๆ ด้านหลังก็รู้สึกเย็บวาบ สัญชาตญาณต่อความอันตรายทำให้เขากระเถิบซ้ายไปหนึ่งก้าว วินาทีถัดมาความเ็ปก็ส่งผ่านออกมา
เขาไม่ทันได้ร้อง ก็ถูกใครบางคนปิดปาก แล้วลากตัวเข้าไปในบ้าน