เมิ่งอ้ายเยว่พลันหันขวับมามอง ก่อนจะต้องตกตะลึงไปทันที
เมื่อครู่นางมัวแต่ตั้งใจเล่นเพราะอยากได้เงินสักก้อนไปเป็ทุน จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีหนุ่มน้อยหน้าหยกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านข้างตน
ใบหน้าของเขาหล่อเหลาเป็อย่างมาก ผิวพรรณของเขาขาวจัด ริมฝีปากแดงระเรื่อ ดวงตาก็ทรงเสน่ห์หาใดเปรียบ ทุกอย่างบนใบหน้าของเขาราวกับถูกเสริมสรรค์ปั้นแต่งมาเป็อย่างดี
“เ้าคือ?”
“ข้ามีนามว่าอาอี้”
อาอี้หรือ?
เหตุใดตอนนางอ่านนิยายจึงไม่เห็นเจอตัวละครชื่อนี้เลย เอาแล้วสิ ทุกอย่างในตอนนี้มันไม่เหมือนกับในนิยายเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงพิจารณามองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
"เ้าอายุเท่าไหร่หรือ หน้าตายังดูอ่อนวัยเหมือนหนุ่มน้อยอยู่เลย"
ชายหนุ่มตรงหน้าพลันชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มมุมปาก
"ปีนี้ข้าอายุสิบแปดแล้ว"
เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับร้องอุทานในใจ ที่แท้ก็เป็หนุ่มน้อยเสเพลที่ผลาญเงินพ่อแม่มาเล่นการพนันนี่เอง หญิงสาวมีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อย นางนึกถึงประโยคที่ว่าเด็กๆ คือความหวังของชาติ จะให้อบายมุขมามอมเมาเขาไม่ได้ เงินน่ะนางอยากได้ แต่การได้เงินจากการทำลายอนาคตเด็กหนุ่มคนหนึ่ง นางคงไม่อาจเชิดหน้าได้อย่างภาคภูมิใจ
"อ้อ ข้าอายุสิบเก้าปี แก่กว่าเ้าปีหนึ่งพอดี นี่ น้องชาย อย่าหาว่าพี่สาวสอนเ้าเลยนะ การพนันเป็สิ่งไม่ดีหรอก ที่พี่สาวมาเล่นเพราะรู้สึกเบื่อ แต่ครั้งหน้าคงไม่มาแล้ว เอาเป็ว่าเ้ากลับบ้านไปเถอะ อย่ามาที่นี่อีกเลย เงินน่ะพี่สาวก็อยากได้ เพียงแต่."
“หนึ่งพันตำลึง”
เมิ่งอ้ายเยว่ถึงกับลอบซูดปาก น้องชายหน้าอ่อนผู้นี้เหมือนจะ้าให้นางสอนให้ได้ มารดามันสิ เงินตั้งหนึ่งพันตำลึงนางจะเอาเช่นไรดี
สอนหรือไม่สอน?
หญิงสาวมีท่าทีครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยตอบ
“เช่นนั้นขอเวลาให้พี่สาวคิดสักสามวันได้หรือไม่น้องชายคนดี”
ชายหนุ่มที่ถูกเมิ่งอ้ายเยว่เรียกว่าน้องชายคนดีพลันยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนกำลังค้นพบสิ่งที่น่าสนใจ ซึ่งอาจจะทำให้ชีวิตที่แสนน่าเบื่อของเขาไม่จำเจอีกต่อไป
"หากพี่สาวยังตัดสินใจไม่ได้ เช่นนั้นน้องชายจะให้เวลาท่านสามวัน ่บ่ายของวันที่สามข้าจะไปรอคำตอบจากพี่สาวที่โรงน้ำชาหงหลัว หวังว่าพี่สาวจะไม่ผิดนัด นี่คือเงินสามร้อยตำลึงเป็ค่านัดพบกันล่วงหน้า"
ว่าจบเด็กหนุ่มหน้าหยกก็ยัดเยียดเงินสามร้อยตำลึงใส่มือนาง เมิ่งอ้ายเยว่คิดจะปฏิเสธแต่เขากลับบอกว่าให้นางเก็บเอาไว้ นางจึงรับมาอย่างเสียไม่ได้
"ข้ามีนามว่า เมิ่งอ้ายเยว่ ยินดีที่ได้รู้จักนะ"
"อ่อ พี่เมิ่งนี่เอง"
อาอี้มองเมิ่งอ้ายเยว่ด้วยแววตาที่ล้ำลึกคราหนึ่ง
"อีกสามวันข้าจะมาให้คำตอบเ้า ยามนี้ข้าคงต้องรีบกลับจวนก่อน เ้าก็รีบกลับจวนด้วยเล่า"
เอ่ยจบนางก็เดินออกไปจากโรงพนันทันที ระหว่างทางมีเด็กๆ ขอทานมาขอเงิน เมิ่งอ้ายเยว่สงสารนัก จึงมอบเงินและซื้อขนมให้เด็กๆ อย่างไม่ตระหนี่ จากนั้นก็นำเงินที่เล่นพนันได้เป็กอบเป็กำไปฝากไว้กับร้านแลกเงินแห่งหนึ่งในเมืองหลวง ร้านแลกเงินแห่งนี้นอกจากจะรับแลกตั๋วเงินแล้ว ยังมีบริการเก็บรักษาตั๋วเงินให้กับลูกค้าอีกด้วย อีกทั้งลูกค้ายังสามารถถอนเงินจากต่างสาขาที่ตั้งอยู่ทั่วแคว้นได้อย่างสะดวกสบาย
ดีชะมัด การบริการถือว่าใช้ได้เลย อารมณ์เดียวกับเราไปฝากถอนเงินต่างสาขาในยุคปัจจุบันอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางก็รีบกลับจวนทันที ระหว่างทางยังแจกขนมให้เด็กๆ หลายคนและซื้อของอร่อยไปฝากอาหมี่อีกด้วย
อีกด้านหนึ่งบนชั้นสอง หนุ่มน้อยหน้าหยกยังคงไม่ได้จากไปไหน เขายกถ้วยชาขึ้นดื่ม พร้อมกับมองไปยังเมิ่งอ้ายเยว่ที่กำลังหยอกเล่นกับเด็กขอทานอย่างไม่ถือตัว ซ้ำยังแจกเงินให้อย่างไม่ตระหนี่อีกด้วย
แซ่เมิ่งอย่างนั้นหรือ?
ช่างบังเอิญนัก เขากำลังคิดไม่ตกกับแผนการในหัวอยู่พอดี แต่์กลับส่งปลาตัวหนึ่งมาติดเบ็ดของเขาเสียได้
เยี่ยมยอดจริงๆ!
“ฝ่าา เล่นสนุกเกินงามเช่นนี้จะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ ให้นางมาสอนพระองค์เล่นการพนันมันไม่เหมาะเลย ไหนบอกว่าเพียงอยากมาดูความเป็ไปของผู้คน เหตุใดจึงมาจบลงที่การนัดพบกับสตรีนางนั้นเล่า บ่าวได้ยินมาว่าชื่อเสียงของนางไม่ใคร่จะดีนัก นางเป็บุตรสาวบุญธรรมของใต้เท้าเมิ่ง ผู้คนต่างไม่ชอบหน้านาง เพราะนางมีใจละโมบ ริษยา มักใหญ่ใฝ่สูง อีกทั้งบิดาของนางก็ไม่ได้มีใจภักดีต่อฝ่าา ฝ่าาต้องทรงระมัดระวังให้มากนะพ่ะย่ะค่ะ สตรดีดีที่ไหนกันจะมาเข้าโรงพนันเช่นนี้ ทางที่ดีอย่าได้เอาพระวรกายที่ล้ำค่าดั่งทองคำมาเกลือกกลั้วกับนางเลยพ่ะย่ะค่ะ คิดแผนการใหม่เถอะ"
ฟ่านกงกงที่ติดตามมาด้วยพูดเตือนจนปากเปียกปากแฉะ แต่ดูเหมือนคนที่นั่งอยู่จะฟังเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวาไปเสียอย่างนั้น
เขาคือฮ่องเต้แคว้นเยี่ย ฮ่องเต้น้อยที่ีมีอายุเพียงสิบแปดปีนามว่าซือหม่าอี้เฉิน หลังจากเสด็จพ่อทรงสิ้นพระชนม์จากไป เขาก็ขึ้นครองราชย์ั้แ่อายุสิบหก เหล่าขุนนางต่างบอกว่าเขามันเป็ฮ่องเต้ใจดำอำมหิต เป็ทรราช ผู้ใดทำให้ไม่พอใจก็สังหารทิ้งไม่เลือกหน้า อีกทั้งยังระแวงว่าเหล่าขุนนางจะแย่งชิงอำนาจไปจากตน แล้วยังไม่เห็นหัวผู้ใด ทำตามใจตนจนติดเป็นิสัย ชื่อเสียงของเขาไม่ใคร่จะดีนัก
ซือหม่าอี้เฉินหยิบลูกเต๋าในมือขึ้นมาโยนเล่นอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจึงหันมาเอ่ยกับฟ่านกงกง
"เ้าว่านางนิสัยไม่ดี แต่เ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าก็นิสัยไม่ดีเช่นเดียวกัน ให้ตายเถอะ ข้ากับนางช่างเหมาะกับประโยคที่ว่าหญิงโฉดชายชั่วยิ่งนัก ฟ่านกงกงเ้าว่าการที่ข้าและนางได้พบกันเช่นนี้ เป็เพราะ นรกลิขิตใช่หรือไม่ ฮ่าๆ ไหนเ้าลองเรียกข้าว่า ไอ้เ้าคนชั่วที่มาจากนรกดูสิ เร็วๆ ข้ารอฟังอยู่ ตื่นเต้นเหลือเกิน!"
ฟ่านกงกง "......"
โปรดปะากระหม่อมเถิด ั้แ่รับใช้ข้างกายพระองค์มา ผมกระหม่อมก็ขาวไปทั้งหัวแล้ว อีกไม่นานคงร่วงจนล้านแล้วพ่ะย่ะค่ะ!
