โดยไม่รู้ตัว เวลาก็ได้ผ่านล่วงเลยไปอย่างเงียบๆ ถึงสามสิบขีดแล้ว หมายความว่าทุกคนได้เข้ามาในโลกเร้นลับแห่งนี้มาเป็เวลานานกว่าหนึ่งเดือน
ในเขตแดนธารน้ำแข็งอันกว้างใหญ่ มีทะเลสาบน้ำแข็งเล็กๆ แห่งหนึ่งที่มีขนาดเพียงสามถึงสี่พันตารางหมี่ตั้งอยู่ ที่ใจกลางทะเลสาบน้ำแข็งแห่งนี้มีวังน้ำแข็งที่สร้างขึ้นจากน้ำแข็งที่ไม่ละลายมานานนับหมื่นปีตั้งตระหง่าน
วังนี้กินพื้นที่มากกว่าหนึ่งพันตารางหมี่ สูงประมาณสามสิบหมี่! ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น วังจะส่องแสงเป็ประกายระยิบระยับ งดงามราวกับภาพวาด
ที่ริมทะเลสาบน้ำแข็ง มีผู้ใช้พลังิญญามากกว่ายี่สิบคน หรือแบ่งออกได้สามกลุ่มที่ต่างก็พื้นที่ของตนเองอยู่
ทั้งสามกลุ่มนี้คือเหล่าศิษย์ของสามสำนักแรกที่เข้ามาในดินแดนลับธารน้ำแข็ง
ศิษย์ของสำนักแม่มดเพลิงร้อนซึ่งนำโดยหลงเฮ่อ ทเหลือคนอยู่เพียงแปดคน เห็นได้ชัดว่าใน่ครึ่งเดือนให้หลัง คณะเพลิงร้อนได้สูญเสียสมาชิกในกลุ่มไปอีกหนึ่งคนแล้ว
สำนักิญญาเมฆาซึ่งนำโดยเกาเสี่ยวเองก็มีสมาชิกเหลืออยู่แค่แปดคนเช่นกัน หลังจากที่เข้ามาในดินแดนลับธารน้ำแข็งนี้ ก็สูญเสียคนในคณะไปสองคนแล้ว
สำนักคุมสัตว์ิญญา ซึ่งนำโดยสืออวิ๋นเทียน มีจำนวนสมาชิกมากที่สุด คือยังมีสิบคนครบ แต่สัตว์อสูรของสมาชิกสามคนตายไปแล้ว และสัตว์อสูรอีกสองตัวก็ได้รับาเ็สาหัส พวกเขามาถึงริมทะเลสาบน้ำแข็งแห่งนี้ได้เป็เวลาสองวันกว่า แต่ถึงแม้จะใช้ยารักษาอาการาเ็ที่ใช้สำหรับสัตว์อสูรโดยเฉพาะไปมากมาย สัตว์อสูรเหล่านี้ก็ยังไม่หายดีเลย
ช่างเป็เื่บังเอิญนักที่ศิษย์ทั้งสามสำนักต่างก็มาถึงที่ริมทะเลสาบน้ำแข็งแห่งนี้ในเวลาที่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งชั่วถ้วยชา
น้ำในทะเลสาบเล็กๆ แห่งนั้นใสแจ๋วราวกับสีคราม แต่ถึงจะดูสะอาดและใส แต่เมื่อก้มลงไปมอง กลับมองเห็นได้เพียงแค่สองฉื่อเท่านั้น ลึกลงไปกว่านั้นเหมือนกับมีสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นบดบังสายตาของเหล่าผู้ใช้พลังิญญาเอาไว้
ทุกคนไม่กลัวสัตว์ประหลาดในน้ำ เพราะศิษย์ของสามสำนักนั้นมีของวิเศษบินได้อย่างน้อยกลุ่มละหนึ่งถึงสองอย่าง
สิ่งที่ทำให้ทุกคนกังวลก็คืออาคมป้องกันไม้ให้เข้าใกล้วังน้ำแข็งนั้น
ใน่สองวันที่ผ่านมา ศิษย์ของสามสำนักที่นำโดยหลงเฮ่อ เกาเสี่ยว และสืออวิ๋นเทียน ได้พยายามบินเข้าไปจากหลายทิศทางอยู่หลายหน แต่ก็ถูกกำแพงอาคมนั้นขวางเอาไว้ทุกครั้ง และไม่สามารถเข้าไปในวังน้ำแข็งที่อยู่ตรงใจกลางทะเลสาบได้เลย
สิ่งที่ทำให้พวกเขาปวดหัวที่สุดก็คือ ยิ่งใช้พลังโจมตีใส่เ้ากำแพงอาคมนี้มากเท่าไร แรงสะท้อนกลับมาก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ใน่ที่ผ่านมานี้ พวกเขาเคยคิดที่จะใช้ความรุนแรงฝ่าเข้าไป
ผลลัพธ์คือยี่สิบกว่าคนผลัดกันโจมตีด้วยพลังิญญา วิชาิญญา และอาคมต่างๆ มากมายหลายพันครั้ง แต่กำแพงป้องกันนั้นก็เป็เหมือนดั่งป้อมปราการที่ไม่สามารถทำลายได้เลย ไม่มีแม้แต่ร่องรอยความเสียหายใดๆ ด้วย
และสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องโมโหมากที่สุดคือ แม้ว่าจะไม่เสียหายเลย แต่การป้องกันก็ควรจะอ่อนแรงไปบ้างก็ยังดี เพราะอย่างน้อยก็ยังมีความหวังที่จะทุ่มเทกับมันให้มากขึ้นในการทำให้พลังของกำแพงนี้หมดไป แล้วในที่สุดก็ทำลายมันลงได้ แต่หลังจากที่ได้ถล่มพลังไปหนึ่งวันกว่าๆ พลังของกำแพงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
แม้ว่าทุกคนจะได้อะไรมามากมายใน่หนึ่งเดือนที่ผ่านมา แต่เมื่อมองไปที่วังน้ำแข็งอันงดงามราวกับภาพวาดตรงหน้า แต่กลับไม่สามารถเข้าไปได้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตะขิดตะขวงในใจ!
นี่เป็ครั้งแรกที่พบสิ่งก่อสร้างที่งดงามเช่นนี้ในดินแดนลับธารน้ำแข็ง และยังเป็ครั้งแรกที่พบอาคมป้องกันที่ทรงพลังเช่นนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสิ่งของที่อยู่ภายในนั้นจะต้องมีมูลค่ามากกว่าสิ่งที่พวกเขาได้มาทั้งหมดตอนนี้อย่างแน่นอน!
ในเวลานี้ทั้งหลงเฮ่อ เกาเสี่ยว และสืออวิ๋นเทียนนั่งอยู่ด้วยกันทั้งสามคน การทดลองใน่สองวันที่ผ่านมานี้ ทำให้ทั้งสามรู้ว่า หากอาศัยพลังของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงอย่างเดียว ก็ไม่มีทางที่จะทำลายอาคมของวังน้ำแข็งได้อย่างแน่นอน มีเพียงแต่ทั้งสามฝ่ายต้องร่วมมือกันเท่านั้น จึงจะมีความหวังบ้าง
ทั้งสามคนปรึกษากันอยู่นาน ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าจะใช้ความรุนแรงเพื่อทำลายมัน เพราะมีเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้น เนื่องจากในบรรดาสมาชิกของทั้งสามกลุ่มไม่มีใครที่เชี่ยวชาญด้านอาคมเลย
และถึงแม้ว่าจะมีคนศึกษามาบ้าง แต่การจะทำลายอาคมป้องกันระดับนี้ก็ไม่ใช่อะไรที่ผู้ใช้อาคมในระดับผู้ใช้พลังิญญาอย่างพวกเขาจะทำลายได้เลย
แต่หากรวมพลังของสมาชิกทั้งสามกลุ่ม โจมตีเข้าไปที่จุดเดียว!
เมื่อเซียวหลิงอวิ๋นกับพรรคพวกมาถึงที่ริมทะเลสาบน้ำแข็งนี้ สิ่งที่พวกเขาพบก็คือ เหล่าผู้ใช้พลังิญญามากกว่ายี่สิบคนกำลังระดมใช้วิชาิญญาต่างๆ โจมตีวังน้ำแข็งที่อยู่ใจกลางทะเลสาบอย่างบ้าคลั่ง!
ศิษย์สำนักคุมสัตว์ิญญา: “มีคนมาเพิ่มอีกแล้ว!”
ในขณะศิษย์สำนักิญญาเมฆาทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าดีใจ: “ยอดไปเลย นั่นศิษย์พี่หญิงหม่าและศิษย์พี่อูนี่นา”
ส่วนเลี่ยวเคอและคนจากสำนักแม่มดเพลิงร้อนกลับมีสีหน้าหม่นหมอง: “ทำไมต้องเป็คนพวกนี้ด้วยนะ?”
เมื่อเห็นว่าทำการถล่มด้วยพลังเป็เวลานานแล้ว แต่กำแพงที่มองไม่เห็นนั้นแม้จะยังคงสั่นะเืไม่หยุด แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะพังทลายลงมาเลย! หลงเฮ่อเหลือบมองเซียวหลิงอวิ๋นกับพรรคพวกที่กำลังเดินเข้ามาแล้วรีบพูดออกไปทันที “หยุดก่อน!”
‘วิ้วๆๆๆ’ ของวิเศษบินได้ทั้งสี่บินกลับไปยังริมทะเลสาบ ‘ฟิ่วๆๆ’ มีหลายคนะโลงมา
เซียวหลิงอวิ๋นหรี่สายตามองไปที่กำแพงอาคมที่ยังคงสั่นไหวอยู่ ที่มุมปากของเขาก็ปรากฏซึ่งรอยยิ้ม
“อาคมเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใช้พลังิญญาอย่างพวกเราจะสามารถทำลายได้ด้วยพลังหรอก หากพวกเ้ายังใช้พลังเข้าถล่มแบบนี้ ต่อให้ใช้เวลาสามสิบหรือห้าสิบปีก็อย่าได้หวังเลย”
หลงเฮ่อได้ยินดังนั้น คิ้วที่หนาของเขาก็ขมวดเล็กน้อย “แล้วเ้าสามารถทำลายได้หรือ?”
“แน่นอน!” เสียงอันสงบเยือกเย็นของเซียวหลิงอวิ๋นนี้กลับดังสนั่นเข้ามาในหูของหลงเฮ่อและพรรคพวก แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดนี้ไม่เพียงแต่นำมาซึ่งความตกตะลึงและการสั่นะเืเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งความยินดีและความตื่นเต้นอีกด้วย!
หลงเฮ่อระงับความดีใจเอาไว้ในใจ แล้วพูดอย่างใจเย็นและตรงไปตรงมา: “พวกเ้า้าอะไร ว่ามา!”
เซียวหลิงอวิ๋นมองหลงเฮ่อและชื่นชมในความเด็ดขาดของอีกฝ่าย จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าว “อาคมนี้ถูกขนานนามว่า ‘อาคมปิดผนึกสามชั้นห้าธาตุ’ แม้ว่าข้าจะเปิดทางเข้าอาคมนี้ได้ แต่ก็สามารถเข้าไปได้แค่เพียงสิบห้าคนเท่านั้น ข้อเรียกร้องของข้าจึงง่ายมาก กลุ่มทั้งสามของพวกเ้าเข้าไปได้แค่กลุ่มละสามคน ส่วนที่เหลือเป็กลุ่มของพวกเรา ว่าอย่างไร?”
“พวกเ้า้าหกที่เลยอย่างนั้นหรือ?” หลงเฮ่อขมวดคิ้ว!
“อย่าลืมสิ ว่าจริงๆ แล้วพวกเราเป็สองกลุ่มน่ะ” เซียวหลิงอวิ๋นชี้ไปที่หลินอิ๋งและเจียงอิ่งแล้วพูดต่อ “เนื่องจากรวมสองคนที่เหลืออยู่ของสำนักรวมสมบัติิญญาเข้าไปด้วยน่ะ”
การกระทำของเซียวหลิงอวิ๋นนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ดวงตาของพวกหลินอิ๋งสว่างขึ้นและรู้สึกขอบคุณในใจเท่านั้น แต่ยังได้รับความชื่นชมและนับถือจากหลงเฮ่อด้วย การจำกัดจำนวนที่มีค่าเช่นนี้ กลับยกให้กับสองสาวรวดเดียวเช่นนี้ นี่คือความใจกว้างและความกล้าหาญอย่างที่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถทำได้เลย
อย่างน้อยหลงเฮ่อก็ถามตัวเองแล้วว่าตัวเขาคงทำไม่ได้แน่
“ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ขัดข้อง!” หลงเฮ่อพยักหน้าอย่างหนักหน่วง แล้วหันหน้าไปมองเกาเสี่ยวกับสืออวิ๋นเทียนและกล่าว “หากพวกเขายินยอมก็ไม่ขัดข้องอะไร”
สืออวิ๋นเทียนมีสีหน้ายินดีและกล่าว “พวกเราไม่ขัดข้องอะไร เห็นด้วยเป็อย่างยิ่ง!”
ทั้งเซียวหลิงอวิ๋น ศิษย์พี่หญิงหม่า และศิษย์พี่อู ต่างก็เป็คนของสำนักเดียวกัน ดังนั้นยิ่งได้เก้าอี้มากก็ยิ่งดีอยู่แล้ว
เกาเสี่ยวมองไปที่หลงเฮ่อและสืออวิ๋นเทียน จากนั้นก็มองไปที่พวกหม่าิฮุ่ย ในที่สุดก็หยุดอยู่ที่ใบหน้าของเซียวหลิงอวิ๋นก่อนจะพยักหน้า “ตกลงตามนั้น”
เซียวหลิงอวิ๋น: “ดี ทุกคนตรงไปตรงมาดี เพียงแต่การจะทำลายทางเข้าอาคมนี้ยังคงต้องอาศัยการช่วยเหลืออย่างมากจากทุกคนอยู่ดี”
“ขอเพียงสามารถทำลายอาคมบ้าๆ นี่ได้ เ้า้าให้พวกเราทำอะไรก็บอกมาได้เลย!” หลิ่วเฉิงิ่พูดเสียงดัง
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยน้ำชา ผู้ใช้พลังิญญาสิบสี่คนที่มีพลังิญญาธาตุไม้ ไฟ ดิน ทอง และน้ำ ก็มายืนอยู่ตรงหน้าเซียวหลิงอวิ๋น
หนึ่งไม้ สองไฟ สามดิน สี่ทอง และห้าน้ำ! และเนื่องจากจำนวนผู้ใช้พลังิญญาที่มีพลังิญญาธาตุทองมีเพียงแค่สามคนเท่านั้น และทั้งสามคนนี้ล้วนมีพลังิญญาธาตุทองแค่น้อยนิดเท่านั้น คนที่มีพลังิญญาธาตุทองสูงที่สุดมีเพียงแค่ระดับสามเท่านั้น ในขณะที่อีกสองคนที่เหลือมีแค่เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเซียวหลิงอวิ๋นจึงจำต้องเติมในส่วนที่ขาดหายไปด้วยตัวเอง อีกทั้งหนึ่งในนั้นก็ยังไม่เคยฝึกวิชาิญญาธาตุทองด้วย เซียวหลิงอวิ๋นจึงจำเป็ต้องสอนด้วยตัวเอง ณ ตรงนั้น
จนกระทั่งการเตรียมการทั้งหมดเสร็จสิ้น ก็กินเวลาไปสามชั่วยาม
‘อาคมปิดผนึกสามชั้นห้าธาตุ’ หรือชื่อเต็มๆ คือ ‘อาคมเขาวงกตปิดผนึกสามชั้นห้าธาตุ’ ซึ่งคำว่า ‘เขาวงกต’ จะปรากฏขึ้นหลังจากที่เข้ามาในอาคมแล้ว
หากพลังของอาคมนี้ไม่ได้สูงถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็พอจะสามารถใช้พลังที่ทรงพลังทำลายได้อยู่ แต่เป็เื่ยากสุดๆ สำหรับผู้ใช้พลังิญญาที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่คิดที่จะใช้พลังเข้าทำลายมัน หรืออาจพูดได้ว่าไม่มีทางที่จะทำลายมันได้เลย
เนื่องจากอาคมนี้มีพลังของทั้งห้าธาตุอยู่ จึงก่อตัวกันเป็วัฏจักรห้าธาตุ ทำให้สามารถดูดพลังจากบริเวณโดยรอบเพื่อทำการไหลเวียนพลังิญญาห้าธาตุได้อย่างต่อเนื่องไม่รู้จบ! ดังนั้นพออาคมนี้สร้างเสร็จแล้ว ก็จะสามารถดำรงอยู่ได้เป็หลายพันหรืออาจจะหลายหมื่นปีโดยที่พลังิญญาไม่หมดหรือต้องทำลายปราการอาคมด้วยตัวเอง
เซียวหลิงอวิ๋นรู้จักอาคมปิดผนึกนี้เป็อย่างดี
แม้ว่าพลังยุทธ์ของเขาจะยังไม่เพียงพอที่จะทำลายมันได้ด้วยตนเอง แต่ด้วยความช่วยเหลือของทุกคนแล้ว แค่การเปิดช่องทางสำหรับเข้าออกถือเป็เื่ที่ง่ายดายยิ่ง
