“หลายปีหลังมานี้ ไม่ใช่แค่ที่หมู่บ้านชุนเทียนที่บรรยากาศวิปริตถูกปกคลุมด้วยฤดูใบไม้ร่วง แต่ใบไม้ที่ร่วงหล่นนี้ก็ติดตามตัวข้าไปทุกๆที่ ที่ข้าไป ดอกไม้ที่งดงาม ต้นไม้ที่เขียวชอุ่มกลับร่วงโรยทันตา ยามข้าแวะเวียนผ่าน ปกติฤดูสับเปลี่ยนเป็เื่ปกติ แต่ครั้นที่เกิดเหตุะเิครั้งนั้น ร่างเ้าวั่งซูแตกสลาย และใจของข้าก็แตกสลายไปพร้อมกัน
เ้าวั่งซูแท้จริงแล้วเป็บุตรแห่งปีศาจหมาป่าดำเ้าแห่งปรภพผู้ควบคุมไฟ ในขณะที่มารดาเค้าคือเทพธิดาแห่งแสงจันทร์จากภพ ส่วนข้าพระบิดาคือเทพแสงอาทิตย์ และพระมารดาคือเทพธิดาั เ้าวั่งซูเหยียบอยู่สามภพคือปรโลก มนุษย์ และ์ ในขณะที่ข้า ภพเดรัจฉาน มนุษย์ และ์ และเราทั้งสองคือผู้ถือครองศาสตราที่แกร่ง และสำคัญที่สุดอย่างเคียวสู่ภพ และ ดาบสุสานั
ดังนั้น แม้การะเิที่จัตุรัสเฟิงสุ่ย อาจสร้างรอยแตกร้าวระหว่างภพ และความสูญเสียต่อสรรพชีวิตมากมาย แต่การแตกสลายของเราสองคน ก็มีส่วนหนักหนาไม่แพ้กันที่ทำให้ธรรมชาติบิดเบี้ยวอย่างชัดเจน สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ คล้ายว่าชะตาของเราสองเหมือนจะถูกผูกไว้กับฤดูใบไม้ร่วง ข้าจำได้ครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น ในกระจกบานที่10ที่สาบสูญ คือตอนที่จักราวั่งซูกำลังจะแตกดับ และข้าประคองเค้าไว้ในอ้อมแขนนี้และกำลังร้องไห้ ตอนนั้นมีไอพลังจักราสีแดงบางส่วนลอยออกจากร่างวั่งซู และ ไอพลังจักราจากน้ำตาข้าสีน้ำเงิน ลอยเข้าผนึกกัน และ นั่นคือครั้งแรกของการมาถึงของใบไม้ร่วง ข้าเลยเข้าใจว่ามันคงเป็พันธสัญญาที่พันผูกไว้กับเราสองคน ตอนที่ใบไม้ร่วงเริ่มปรากฏให้ข้าเห็นถี่เรื่อยๆ ข้าเลยคิดว่านั่นอาจจะเป็สัญญาณว่าเ้ากำลังจะกลับมาอย่างแน่นอน ข้าไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็เื่จริงไม๊ แต่ข้าเชื่ออยู่เสมอว่าวั่งซูจะรักษาสัญญา และไม่ทิ้งข้าไว้เพียงลำพัง” ฮวาเฟยฟาพูดอมยิ้มปิติ
“ข้าเลยกลับมาที่หมู่บ้านชุนเทียนแห่งนี้อีกทีหนึ่ง เ้ารู้ไม๊ว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน ข้าไม่คิดเลยว่าเ้าจะกลับมาจริงๆ ซูซู” ฮวาเฟยฟา พูดพร้อมหันมาอมยิ้มกว้าง
“ใบหน้างามขนตายาวและแก้มแดงเป็พวงนั่น ข้าอยากเข้าไปสวมกอด และกล่าวขอโทษที่ข้าต้องจากไปปล่อยเค้าไว้เพียงลำพังกับความทุกข์ระทมที่ไม่มีวันหมดเช่นนั้น และขอบคุณเค้าที่เฝ้ารอข้ามานานแสนนานขนาดนี้” เ้าวั่งซูใกับความคิดของตัวเอง นี่ข้าคิดอะไร นั่นมันสหายท่านปู่ทวดเชียวนะ หรือตะกี้จะเป็ความทรงจำของท่านปู่ทวด
“เ้าหน้าแดง หรือเ้าคิดอะไรทะลึ่งตึงตังอีกแล้วหล่ะสิ ซูซู” ฮวาเฟยฟาเอ่ยแซวมองหางตา
“เปล่าๆ นะ ข้าคิดว่าพวกเราคงแช่กันนานเกินไปแล้ว ในร่างกายอาจจะร้อนเกินไป ควรไปนั่งตากลมระเบียงกันได้แล้ว ขึ้นกันเถอะข้างนอกคงเตรียมสำรับและสุราดอกดำมฤตยูรอพวกเรา” เ้าวั่งซูพูดปัดเขิลอายชวนขึ้นไปกินข้าวเย็น ทั้งคู่ขึ้นจากน้ำ ห่มผ้าเรียบร้อยกำลังจะเดินออก ก็ไปหยุดตรงหน้ากิเลนไฟและหงส์ฟ้า
“นี่สินะคือหนึ่งในที่ที่เ้าและท่านปู่ทวดเก็บดวงจิตเอาไว้ งั้นตอนนี้กิเลนไฟและหงส์ฟ้านี่ ก็เป็แค่รูปปั้นหินธรรมดาแล้วสิ ในเมื่อสัญญาเจตสิกถูกนำไปใช้ในการจำศีลเ้าแล้ว” เ้าวั่งซูเอ่ยถาม
“ไม่ใช่หรอกยังคงเป็ กิเลนไฟและหงส์ฟ้าเฉกเช่นเดิม เพราะหลังจากเมื่อกี้ตอนเข้ามา ข้าได้นำดวงจิตพวกเรากลับคืนใส่เข้าไปเหมือนเดิมแล้ว” ฮวาเฟยฟาเล่ายิ้มอ่อนโยน
เ้าวั่งซูทำหน้าประหลาดใจ และฉีกยิ้มปิติ “ถ้างั้นในนี้ก็ยังมีความทรงจำของพวกเราเหมือนเดิมเนอะ” ฮวาเฟยฟายิ้มรับ “ทุกๆ ที่ ที่เราสองคนไป” ทั้งคู่ยิ้มมองกัน บรรยากาศรอบตัวกลายเป็ฤดูใบไม้ร่วงอีกครา จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกคืนสติจากคนในเรือน
“คุณชายเชิญขอรับ พวกเราได้จัดสำรับให้คุณหนู และองค์ชาย ที่เรือนจันทร์ส่องริมน้ำ” เสียงจากเลี่ยงฉี
“ขอบใจมากอาฉี เดี๋ยวข้ากับเฟยเฟยจะกิมื้อค่ำและพักที่เรือนริมน้ำอคืนนี้” วั่งซูเอ่ยบอกบ่าวคนสนิท
“ไปกันเถอะเฟยเฟย นั่งกินที่เรือนนั่นบรรยากาสดีและสามารถชมพระจันทร์ได้ เราไปที่นั่นกันเถอะ” เ้าวั่งซูเอ่ยชวนพร้อมเข้าโอบตัวและผลักเฟยฟาจากด้านหลังให้รีบไปกัน หลิ่งกวางและชิงหลงก็ลอยตามมาติดๆ ทั้งสี่ไปเรือนริมน้ำ
“ฮ่าๆ! ได้ๆ! นี่ไงข้าก็กำลังรีบตามเ้าไปอยู่” ฮวาเฟยฟายิ้มและปล่อยตัวตามแรงผลักของวั่งซู
ณ เรือนจันทร์ฉาย (ตำหนักริมน้ำบ้านสกุลเ้า) มีน้ำตก สวนป่าเต็มไปด้วยดอกดำมฤตยู และ แสงจันทร์ ส่องเข้ามาในชานเรือน ทั้งสองได้นั่งลงพร้อมอาหารมากมายที่ถูกเตรียมไว้บนโต๊ะพร้อม สุราดำมฤตยูอีก หลายไห ไป่ชิงหลงขดตัวใหญ่นอนรับแสงจันทร์อยู่ถัดไปโดยมีหลิ่งกวางนั่งสยายเก้าหางอยู่บนตัว
“ฮ่าๆๆ นี่ไงเฟยเฟย สุรา วันนี้ท่านต้องร่วมดื่มกับข้าจนเช้าเลยนะ” เ้าวั่งซูเอ่ยชวนร่าเริง
“ข้าดื่มได้นิดหน่อย แต่ก็จะนั่งอยู่กับเ้าตรงนี้จนรุ่งสางไม่ไปไหน” ฮวาเฟยฟาพูดเสียงนุ่มอ่อนโยน
“เ้าเคยคิดเสียใจบ้างไม๊ที่ต้องมารู้จักกับ ท่านปู่ทวดข้า และ สกุลเ้า สกุลที่ผู้คน สาปแช่งกร่นด่าไปชั่วนิรันดร์” เ้าวั่งซูยืนพิงเสาริมน้ำ และมองออกไปที่ดวงจันทร์เลื่อนลอย มือถือไหสุราดอกดำมฤตยู
“ไม่เคยเลย ไม่เคยคิดเสียใจ ถ้าย้อนเวลาได้เราก็จะยังพบกันที่เดิม และเริ่มคุยกันเื่เดิมๆ ซ้ำไปมา ท่านปู่ทวดเ้า วั่งซูเป็คนเก่ง ฉลาด รูปงาม และจิตใจงดงาม เกินกว่าใครที่ข้าพานพบ และ ข้าก็คิดว่าเ้าก็จะเป็แบบนั้นเช่นกัน” ฮวาเฟยฟาตอบหนักแน่นอ่อนโยน วั่งซูฟังและยิ้มกว้างให้กับพระจันทร์
“ช่างเป็โชคดีของข้าที่ ท่านปู่ทวดได้พบเจอสหายที่แท้จริงและส่งต่อมาให้ข้า ข้าจะไม่มีวันเดียวดายเลยในการเดินทางอันแสนไกลของชีวิตนี้” เ้าวั่งซูกล่าวยิ้มกว้าง
“ไม่ใช่แค่ชีวิตนี้ แต่เป็ชีวิตหน้า และชีวิตต่อๆ ไปด้วยต่างหาก” ฮวาเฟยฟาพูดเบาๆ ยิ้มอ่อนโยน พร้อมผายมือในอากาศ ปรากฏผีผาเกล็ดั เตรียมวางนิ้วยาวสวยเรียงร้อยลงบนสายเส้นหนวดัและเริ่มเล่นทำนองๆ เบาๆ เว้าวอน ให้กลับมา ปะปนสรวลเฮฮา พึงใจกับการได้ สิ่งที่รักที่หวงแหน สิ่งที่เฝ้ารอกลับคืนมา นิ้วสวยบรรจงไล่เรียง แตะ ดีดสลับไปมาลงบนสาย ทำนองก็เร่งเร้าแต่เบาๆ บางๆ กลมกล่อมไป บรรยากาศแสงจันทร์นวลผ่อง ณ ขณะนั้น
“ใช่ ไม่ใช่แค่ชีวิตนี้ แต่เป็ทุกชีวิตข้างหน้า” เ้าวั่งซูพูดเบาๆ อมยิ้มให้กับ พระจันทร์ ถือไหสุราดอกดำมฤตยูไว้ในมือ พร้อม ซึ้งไปกับทำนองผีผาที่ล่องลอยมาไม่ขาดสาย