นายหญิงเสิ่นก็เห็นด้วยกับความคิดของสามี “ไปอยู่ในบ้านที่ทางวังเตรียมไว้ให้ น่าจะสะดวกกว่าอยู่ที่นี่”
“อีกอย่าง พวกเ้าสองคนไม่อยากลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเพียงลำพังแค่สองคนหรือ?” นายหญิงเสิ่นมองลูกชายและลูกสะใภ้อย่างเย้าแหย่ นางเป็ผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์มาก่อนย่อมทราบดี
กู้เจิงหน้าแดง
เสิ่นเยี่ยนลอบมองภรรยา ก่อนจะหันไปพูดกับมารดา “ข้าจะทำตามที่ท่านแม่ว่าขอรับ”
ก่อนเข้านอน กู้เจิงได้เอาภาพร่างของหอสมุดที่นางทำไว้ให้เสิ่นเยี่ยนดู
“มีเื่หนึ่ง ข้ายังไม่ได้บอกท่านเลยเ้าค่ะ" กู้เจิงกล่าวขึ้น
“เื่ที่เ้าจะเปิดหอสมุดร่วมกับตวนอ๋องน่ะหรือ?” ภายใต้แสงเทียนอันอบอุ่น ใบหน้าของเสิ่นเยี่ยนดูอ่อนโยนขึ้น
“ท่านรู้เื่ทั้งหมดแล้วหรือเ้าคะ?”
“ฉางหลิ่วบอกข้าตอนที่เข้ามารับของในสำนักราชเลขา ฉางหลิ่วเป็องครักษ์ของตวนอ๋องน่ะ”
กู้เจิงจำบุรุษที่มักจะติดตามตวนอ๋องได้ คิดดูแล้วเขาน่าจะเป็ฉางหลิ่วที่สามีพูดถึง
“เ้ากลัวท่านอ๋องที่สุดไม่ใช่หรือ? เื่ที่ทำคราวนี้นับว่าใจกล้ามาก” เสิ่นเยี่ยนลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้ามาเช็ดหน้าและล้างมือ
กู้เจิงเบ้ปาก “ข้าไม่ได้กลัวท่านอ๋องเ้าค่ะ เพียงแต่ไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเอง และเื่คราวนี้ก็เกี่ยวพันกับร้านหนังสือของข้า แต่ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ ท่านอ๋องก็้ามาหุ้นทำหอสมุดด้วยกัน”
เสิ่นเยี่ยนล้างหน้าล้างตาเสร็จ เขาก็เห็นภรรยาขึ้นไปนั่งรอเขาอยู่บนเตียงแล้ว
เสิ่นเยี่ยนตรงไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่าน “ข้ายังไม่ง่วงเลย”
“แต่พรุ่งนี้ท่านต้องตื่นแต่เช้านะเ้าคะ” กู้เจิงตบเตียงข้างกายเบาๆ “ท่านพี่ มานอนเถอะเ้าค่ะ”
เสิ่นเยี่ยนไม่สนใจ เขายังคงอ่านหนังสือต่อไป
“ท่านพี่ มานอนเถอะเ้าค่ะ” กู้เจิงออดอ้อน
เสิ่นเยี่ยนยังคงเมินเฉย
กู้เจิงสังเกตเห็นความผิดปกติ นางพลิกตัวลงจากเตียงแล้วลุกไปนั่งเบียดเขา
สายตาเ็าของเสิ่นเยี่ยนหันมามองนาง
“ท่านโกรธอะไรข้าหรือเ้าคะ?” กู้เจิงเอนหัวซบกับโต๊ะมองเขา “ถ้าเป็เื่ที่ท่านอ๋องมาร่วมลงทุนกับข้า ข้าปฏิเสธท่านอ๋องไม่ได้จริงๆ นะเ้าคะ”
“ข้าไม่ได้โกรธ”
“แล้วท่านเป็อะไรล่ะเ้าคะ?”
“ข้าแค่อยากอ่านหนังสือ”
กู้เจิงไม่เชื่อ นางกระตุกแขนเสื้อเขาเบาๆ “หากท่านไม่ชอบ ข้าก็จะไม่เปิดหอสมุดแล้วเ้าค่ะ อันที่จริงถึงข้าจะอยากทำ แต่ข้าก็ยังคิดไม่ตกว่าจะต้องทำอะไรยังไงบ้าง”
“งั้นก็ล้มเลิกไปเสียเถอะ” เสิ่นเยี่ยนพูดเสียงเรียบ
ยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตัวเอง* กู้เจิงดึงแขนของเสิ่นเยี่ยนมาโอบรอบตัวเอง นางซุกหน้าในอ้อมอกของเขา “ท่านพี่? ตกลงท่านเป็อะไรเ้าคะ?”
(*เปรียบเปรยว่า คิดจะทำร้ายผู้อื่น แต่ผลร้ายกลับย้อนมาหาตัวเอง หรือที่เรียกว่า กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง)
เสิ่นเยี่ยนปิดหนังสือลง กู้เจิงเงยหน้าสบตาดำขลับที่ทอประกายแปลกประหลาด ในใจของนางร้องะโว่าแย่แล้ว ขณะที่หมุนตัวเตรียมจะลุกขึ้น คางของนางก็ถูกนิ้วเรียวยาวจับบีบไว้ ริมฝีปากหนาของเขากดจูบลงมาอย่างหนักหน่วง
เสิ่นเยี่ยนอ้อมมือไปรั้งท้ายทอยของนางให้เงยหน้ารับจุมพิตของเขา ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ลงมาที่เอวคอด
กู้เจิงมาได้สติตอนที่แผ่นหลังอยู่แนบชิดกับเตียง นางลังเลว่าจะร้องให้หยุดดีหรือไม่ แต่คาดไม่ถึงว่าเสิ่นเยี่ยนจะควบคุมตัวเองไว้ได้ เขาหยุดทุกการกระทำพร้อมเอ่ยเสียงแหบแห้งว่า “เข้านอนเถอะ”
“ต่อไปเ้าห้ามไปพบกับท่านอ๋องตามลำพังสองคนอีก” เสิ่นเยี่ยนพูดขึ้นมาลอยๆ
กู้เจิงอึ้งงัน ผู้ชายคนนี้กำลังหึงนางอย่างนั้นหรือ? หรือเขากลัวว่าตวนอ๋องจะทำให้นางลำบากใจใช่หรือไม่? “ทราบแล้วเ้าค่ะ ข้าจะไม่ไปพบกับท่านอ๋องตามลำพังอีก” เขาคงไม่ได้หึงอยู่หรอกกระมัง? กู้เจิงสรุปเองในใจ
เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจที่อยู่ข้างกายค่อยๆ สม่ำเสมอ เสิ่นเยี่ยนจึงลืมตาขึ้น เขาหันไปมองภรรยาที่หลับสนิทข้างกาย นางกับตวนอ๋องมักจะมีเื่ให้พบเจอกันบ่อยๆ แต่กับเขาทั้งที่เป็คนสนิทของตวนอ๋องแท้ๆ การจะพบเจอตวนอ๋องสักครั้งยังยากกว่านางเสียอีก
ทั้งที่ท่านอ๋องควรรังเกียจภรรยาของเขา แต่ท่าทีของท่านอ๋องต่อกู้เจิงมักจะแปลกประหลาดจนทำให้เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้
บางโชคชะตามนุษย์เป็ผู้กำหนด แต่บางโชคชะตาก็เป็ลิขิต์ หากเป็อย่างหลังล่ะก็ มือใต้ผ้าห่มของเสิ่นเยี่ยนพลันกุมมือภรรยาไว้แน่น
หนึ่งวัน ก่อนที่กู้อิ๋งกับตวนอ๋องจะแต่งงานกัน กู้เจิงก็ได้เอาหมอนที่ปักเสร็จแล้วมาให้ที่จวนกู้
ภายในจวนกู้ถูกประดับประดาด้วยโคมไฟสวยงามไปทั่วทุกที่ ได้ยินว่าแม้แต่บ่าวในจวนก็ถูกจับแต่งชุดใหม่เอี่ยมด้วย
บิดากับเว่ยซื่อยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน หลังจากกู้เจิงคารวะพวกเขาแล้วก็ขอตัวไปหากู้อิ๋ง เพื่อมอบหมอนให้นาง
กู้อิ๋งกำลังลองสวมชุดจี๋ฝู* ชุดจี๋ฝูสีแดงเลื่อมทองขับให้นางดูสง่างามและเปล่งปลั่ง นางยืนตัวตรงสูงสง่า ฉายรัศมีพระชายาถึงเจ็ดส่วน
(*แปลว่า ชุดมงคล เป็ชุดทางการอีกประเภทหนึ่งรองจากเฉาฝู ใช้สำหรับวันงานพิธีการต่างๆ เป็รูปแบบการแต่งกายที่แสดงถึงตัวตนชาวแมนจู)
กู้เจิงนึกชื่นชมน้องสาวของนางอยู่ในใจ กู้อิ๋งงดงามเพียบพร้อม เหมาะสมกับตวนอ๋องอย่างมาก
“พี่ใหญ่ ท่านมาแล้วหรือ?” กู้อิ๋งเห็นกู้เจิงถือหมอนเดินเข้ามา จึงพูดอย่างดีใจว่า “พี่ใหญ่รีบเอามาให้ข้าดูเร็วเ้าค่ะ”
ชุนหงรีบกางหมอนออก “คุณหนูสามเชิญดูเ้าค่ะ”
“น่ารักจัง” เป็ภาพวาดที่ปักเหมือนครั้งก่อนที่มอบให้นาง กู้อิ๋งดีใจมาก
“คุณหนูสามดูอีกทีเ้าค่ะ” ชุนหงหัวเราะคิกคักก่อนจะพลิกไปอีกด้าน ที่ด้านหลังไม่ได้ปักลายเ้าบ่าวเ้าสาวแบบเดิม แต่ปักเป็สามีภรรยาคู่หนึ่งอุ้มเด็กอ้วนอยู่สองคน
กู้อิ๋งใบหน้าแดงระเรื่อในพริบตา “พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงปักแบบนี้ล่ะเ้าคะ”
“รอสักปีสองปี เ้าก็จะมีลูกเหมือนลายที่ข้าปักนั่นแหละ” กู้เจิงหยอกล้อ
“จริงสิ น้องสี่ล่ะ?” กู้เจิงไม่เห็นกู้เหยาเลย
“ยังถูกท่านแม่ทำโทษอยู่เ้าค่ะ” กู้อิ๋งตอบ
กู้เจิงเอ่ยอย่างแปลกใจ “นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะ ท่านแม่ยังไม่หายโกรธเื่ในวันนั้นอีกหรือ?”
“นางน่ะ คิดว่าตัวเองไม่ผิด"
กู้เจิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร นางทำได้แค่ยิ้ม “น้องสี่ชอบลายบนหมอนเ้า ข้าเลยปักถุงเงินมาให้นางด้วยใบหนึ่ง ข้าขอเอาไปให้นางก่อนแล้วกัน”
กู้อิ๋งพยักหน้า เดิมทีนางอยากให้กู้เจิงช่วยเกลี้ยกล่อมน้องสี่ แต่นางรู้สึกว่ากู้เจิงเองก็ใช่ว่าจะคุยกันได้ง่าย นางจึงไม่ได้พูดอะไร
กู้เหยาเป็น้องเล็กสุด ทุกคนในจวนกู้ล้วนตามใจนางมาั้แ่เด็ก นางจึงเอาแต่ใจเป็ที่สุด เมื่อกู้เจิงไปถึงเรือนของกู้เหยา ก็ได้เห็นแม่เฒ่าซุนและแม่เฒ่าฉินกำลังยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูเรือนของนาง
แม่เฒ่าฉินเมื่อเห็นกู้เจิงมา นางก็โค้งคารวะแล้วเปิดประตูให้กู้เจิงเข้าไป
ทันทีที่กู้เจิงก้าวเท้าเข้าไปในเรือน บนพื้นรอบๆ ตัวนางล้วนเต็มไปด้วยข้าวของที่ถูกปาทิ้งจนพังยับเยิน
กู้เหยาเห็นกู้เจิงเข้ามาก็ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ กู้เจิงหยิบถุงเงินออกมาเขย่าตรงหน้าเบาๆ กู้เหยาตาเป็ประกาย นางรีบะโลงจากเตียงมารับถุงเงิน “ถุงเงินนี่น่ารักจัง พี่ใหญ่ท่านช่างใจดีจริงๆเ้าค่ะ”
“เ้าชอบไหม?” กู้เจิงถามด้วยรอยยิ้ม
“ชอบมากเ้าค่ะ” กู้เหยานำถุงเงินใบใหม่มาลองห้อยเอวแล้วแกว่งไปมา
“เช่นนั้นก็ดี เ้าพักผ่อนเถอะ ข้าจะไปล่ะ” กู้เจิงกล่าวลาก่อนหันหลังจะเดินออกจากห้องไป
“ช้าก่อนเ้าค่ะ”
กู้เจิงหันกลับไปมอง นางเห็นกู้เหยาทำท่าอึกอัก นางรออยู่นานกู้เหยาก็ไม่เอ่ยอะไร
ผ่านไปครู่ใหญ่ กู้เหยาจึงพูดช้าๆ ว่า “พี่ใหญ่อยู่คุยเป็เพื่อนข้าก่อนได้ไหมเ้าคะ หลายวันมานี้ไม่มีใครมาคุยเป็เพื่อนข้าเลยเ้าค่ะ”