หลังจากเหยียนอู๋อวี้ฟื้นขึ้นมาก็หลับไปอีกครั้งเนื่องจากสภาพร่างกายนางอ่อนแอมากเกินไป ทว่ามิได้ร้ายแรงอันใด เื่ในวันนั้นแพร่สะพัดไปทั่ววังหลวงทันที คนโดยรอบต่างทอดถอนใจ ห้าสิบไม้ของเหยียนอู๋อวี้ตีได้คุ้มค่ายิ่งนัก ะโเพียงครั้งเดียวก็ได้เลื่อนถึงขั้นหกทันที
เหยียนอู๋อวี้ไม่คิดสนใจคำพูดขี้อิจฉาเ่าั้เลยสักนิด
ทว่าพวกเขาพูดถูก ตนเองอาศัยการด่าทอทุบตีเพื่อเลื่อนขั้นเป็เป่าหลินจริงๆ
ความจริงแล้วั้แ่วินาทีที่นางย่างกรายเข้าไปในตำหนักของฮวารั่วซี นางได้ตัดสินใจแล้ว ในเมื่อยากที่จะหลบหนี มิสู้ยืมมือฮวารั่วซีทำบางอย่างสักหน่อย ดังนั้นยามที่มีปากเสียงกัน นางจึงตั้งใจกล่าวคำพูดกำเริบเสิบสานเช่นนั้น
ต่อมาซ่งอี้เฉินซักถามนางว่าเหตุใดนางต้องพูดคำพูดพวกนั้น เหตุใดต้องยั่วโทสะฮวารั่วซี นางเผยสีหน้าขุ่นเคืองทันทีและกล่าวว่า “หม่อมฉันรู้ว่าการดูิ่ผู้าุโกว่าไม่ถูกต้อง ทว่าหม่อมฉันทนต่อความอยุติธรรมเช่นนี้ไม่ได้ ใต้หล้านี้เป็ของฝ่าา หรือว่ากฎของฝ่าาไม่เป็กฎแล้วหรือเพคะ? ฝ่าาทรงมีรับสั่งให้คุมขัง ในใจซูเฟยรู้สึกอยุติธรรม เช่นนั้นเหตุใดไม่รอให้ออกจากการคุมขังก่อนแล้วจึงค่อยไปเรียกร้องความเป็ธรรมกับไทเฮา? หม่อมฉันยอมรับว่าหม่อมฉันอิจฉาที่ฝ่าาใจกว้างต่อซูเฟย ทว่าเหตุใดคนที่ไม่รักษากฎต้องรักษากฎให้ผู้อื่น! นางอาศัยไทเฮากดดันฝ่าาหมายความว่าอย่างไรได้อีกเพคะ!”
ประโยคนี้เกือบเป็คำพูดแทงใจดำแล้ว หากไม่ระวังอาจถูกปะาหารเก้าชั่วโคตรได้
ทว่าซ่งอี้เฉินเพียงแค่แย้มยิ้มแกมหัวเราะ เขาตบมือนางพลางกล่าวว่า “ภายหลังอย่าเอาแต่ใจเช่นนี้อีก หากเจิ้นตามมาไม่ทันคงปกป้องเ้าไม่ได้...…”
“หม่อมฉันมิได้เสียเปรียบเช่นกัน ฝ่าาทรงแต่งตั้งให้หม่อมฉันเป็เป่าหลินมิใช่หรือเพคะ...…” นางแสร้งทำเป็พอใจ “คนด้านนอกกล่าวว่าหม่อมฉันถูกด่าทอทุบตีก็ได้เลื่อนเป็ขั้นหกแล้ว คุ้มค่ายิ่งนัก”
ซ่งอี้เฉินสีหน้าอึมครึม จากนั้นพลันเผยรอยยิ้มพลางเอ่ยถามโดยมิได้ตั้งใจ “เช่นนั้นข้าถอนอำนาจในการดูแลตำหนักหลังของซูเฟย เ้าคิดเห็นอย่างไร?”
“ฝ่าาทรงอย่าทำเช่นนั้นเด็ดขาดนะเพคะ!” เหยียนอู๋อวี้ส่ายศีรษะอย่างร้อนใจทันที “หม่อมฉันแย้งแล้ว ผู้น้อยิ่ผู้าุโ นางมิได้ทำผิดอันใด ขอเพียงฝ่าาเข้าใจเจตนาของหม่อมฉันก็เพียงพอแล้ว คนอื่นหม่อมฉันไม่คิดสนใจเพคะ!”
แม้จะกล่าวเช่นนั้น ทว่าไม่กี่วันต่อมากลับมีข่าวออกมาว่าซ่งอี้เฉินมีรับสั่งให้ฮวารั่วซีมอบอำนาจในการดูแลให้เต๋อเฟย
จุดนี้กลับเกินความคาดหมายของเหยียนอู๋อวี้มากทีเดียว
นางรับรู้ถึงความรู้สึกที่ซ่งอี้เฉินมีต่อฮวารั่วซีเป็อย่างดี ด้วยเหตุนี้ต่อให้ฟื้นแล้วจึงยังมิได้ลืมตาในทันที ทำให้ซ่งอี้เฉินคิดว่าตอนที่นางกำลังหมดสตินางยังคงขอร้องแทนซูเฟยอยู่
ยามนี้ซูเฟยถูกปลดอำนาจ เป็เพราะคำพูดนางมีผลจริงๆ หรือเป็อีกหนึ่งวิธีที่ซ่งอี้เฉินใช้ปกป้องฮวารั่วซี ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนางได้หยิบยืมคดีของเหลียนหงมาฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยไว้ภายในใจของทั้งสามคนได้สำเร็จแล้ว
ส่วนอำนาจในการจัดการดูแลตำหนักหลังตกเป็ของเต๋อเฟย แม้เหยียนอู๋อวี้จะรู้สึกแปลกใจในตอนแรก ทว่าเมื่อคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนจึงเข้าใจในทันที
ลี่เจาอี๋สถานะต่ำต้อย ทำการใหญ่มิได้ ไทเฮาจะช่วยฮวารั่วซียึดอำนาจกลับคืนมา ทว่าตกไปอยู่ในมือเต๋อเฟยนั้นแตกต่างกันมาก
เต๋อเฟยผู้นี้ไม่ออกนอกประตูใหญ่ ถือศีลกินเจ แม้กล่าวได้ว่าละทางโลกไปนานแล้ว ทว่านางก็ถือเป็คนสนิทของไทเฮา รับใช้อยู่ข้างกายไทเฮามาั้แ่เล็ก ฉะนั้นแม้จะอายุมากกว่าซ่งอี้เฉินไม่กี่ปีก็ถูกแต่งตั้งให้เป็สนม นางมีอายุมากที่สุดในบรรดานางสนมทั้งหมด
ยามนี้นางกุมอำนาจทั้งหมด ไม่รู้ว่าฮวารั่วซีจะทำอย่างไร? ไทเฮาจะทรงยื่นมือช่วยนางอีกครั้งหรือไม่?
ไม่ว่าอย่างไร ยามนี้เต๋อเฟยกุมอำนาจทั้งหมดในมือ นางจำเป็ต้องแสดงบทบาทบางอย่างออกมา
เหยียนอู๋อวี้เรียกซูอิ่งมา
“เตรียมของบางอย่างให้ข้าแล้วส่งไปที่ตำหนักเยถิง!” เหยียนอู๋อวี้กระซิบข้างหูนาง
แม้กล่าวได้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจทำให้ฮวารั่วซีไม่พอใจตนเองยิ่งกว่าเดิม ทว่าเมื่อก้าวเข้าสู่ตำหนักหลังแล้ว หากไม่มีที่พึ่งพาจะอยู่รอดได้หรือ
ยิ่งไปกว่านั้น ฮวารั่วซีกับเต๋อเฟย สำหรับไทเฮาแล้วผู้หนึ่งเป็บุตรสาวบุญธรรม ผู้หนึ่งเป็บุตรสาวร่วมสายเื จะเทียบกันได้หรือ?
ซูอิ่งรับคำ เตรียมลุกออกไปเตรียมของให้เรียบร้อย
ทว่านางยังไม่ทันได้ก้าวออกไปพลันได้ยินเหยียนอู๋อวี้กระซิบถามหนึ่งประโยค “ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนเ้าเป็นางกำนัลที่ทำงานทั่วไปในตำหนักของเต๋อเฟย เ้าคิดว่าเต๋อเฟยเป็คนเช่นไร?”
ซูอิ่งที่ถูกซักถามโดยไม่ทันได้ตั้งตัวมีสีหน้ามึนงง อดที่จะนึกถึงวันวานที่ตนเองอยู่ในตำหนักเยถิงมิได้
จะว่าไปนางมิใช่เพียงแค่นางกำนัลที่ทำงานทั่วไป ทว่าความจริงนางยังเคยเห็นเต๋อเฟยโดยบังเอิญครั้งหนึ่ง
“เต๋อเฟยมีบุคลิกประหนึ่งดอกหลานฮวาเ้าค่ะ” ซูอิ่งไม่รู้ว่าตนเองควรอธิบายอย่างไรดี ทำได้เพียงเปรียบเทียบพระสนมเหมือนดอกไม้เท่านั้น
ดอกหลานฮวาหรือ? เหยียนอู๋อวี้ขบคิดคำพูดนี้ในใจ
หลังจากซูอิ่งจากไป ป้าโฉ่วก็เดินถืออุปกรณ์ล้างหน้าและอุปกรณ์หวีผมเข้ามา
เมื่อเห็นว่าเหยียนอู๋อวี้ยังคงนอนอยู่บนเตียง ยามที่คิดจะถอยออกไป เหยียนอู๋อวี้กลับเอ่ยรั้งไว้
เหยียนอู๋อวี้พลิกตัวลุกขึ้นนั่งบริเวณขอบเตียง ความรู้สึกเจ็บแปลบส่งมาจากบั้นท้าย
นางขมวดคิ้ว ป้าโฉ่วรีบหยิบเบาะนุ่มมาวางข้างกายนางทันที
“ท่อนไม้เมื่อไม่กี่วันก่อนนั่น เพียงข้าเห็นก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน” ป้าโฉ่วเอ่ยพลางอดที่จะทำหน้าบึ้งตึงมิได้ “อีกนิดเดียวท่านก็กลับมาไม่ได้แล้วนะเ้าคะ”
“ไม่เป็ไร” เหยียนอู๋อวี้เผยรอยยิ้ม
นึกย้อนไปในอดีต นางไม่เชื่อฟัง ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ทางทหาร การถูกทุบตีด้วยสามสิบไม้พลองทหารหนักหนากว่านี้มากโข
ฝึกซ้อมวิทยายุทธ์ปีนั้น พื้นฐานร่างกายนางดีเป็อย่างยิ่ง อย่าว่าแต่สิบสามไม้พลองทหารเลย ต่อให้เป็ห้าสิบไม้พลองทหาร พักหนึ่งวันก็ยังแข็งแรงมีชีวิตชีวากลับมาได้
ทว่าน่าเสียดาย...…เหยียนอู๋อวี้มองสองมือบอบบางเบื้องหน้าตนเองด้วยความรู้สึกปลงตกเล็กน้อย
“อาการาเ็ของข้าเจ็บถึงกระดูกหรือไม่?” เหยียนอู๋อวี้เอ่ยถามทันที
“ภายนอกาเ็ไม่ร้ายแรง เพียงแค่ร่างกายอ่อนแอขั้นรุนแรงเท่านั้นเ้าค่ะ” ขณะที่ป้าโฉ่วเอ่ยเช่นนี้ ในแววตาพลันเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส
เหยียนอู๋อวี้มิได้เอ่ยสิ่งใด นางเพียงมองป้าโฉ่วเบื้องหน้าตนเอง ฉับพลันนั้นนางเอ่ยพลางแย้มยิ้ม “ไม่ได้าเ็ที่เอ็นและกระดูก ไม่กี่วันก็หายดีแล้วเ้าค่ะ”
นางเอ่ยพลางลุกจากข้างเตียงเดินไปกลางตำหนักพร้อมกล่าวกระซิบว่า “หวีผมล้างหน้าเถิด! หากเป็ไปตามที่คาดไว้ เต๋อเฟยคงใกล้จะมาถึงแล้ว”
อย่างไรเสียในฐานะนายหญิงใหญ่แห่งตำหนักหลัง จะไม่มาเยี่ยมเยียนสนมคนโปรดคนใหม่ของฝ่าาได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังส่งของมาทักทายล่วงหน้าแล้ว?
เป็ดั่งที่เหยียนอู๋อวี้คาดไว้ นางกำนัลที่มาส่งของจากไปได้ไม่นานก็นำข่าวมาแจ้งว่าเต๋อเฟยกำลังเดินทางมา นางจึงแต่งองค์ทรงเครื่องให้เรียบร้อยแล้วจึงไปเฝ้าอยู่นอกประตูตำหนัก
บุคลิกดั่งดอกหลานฮวา กล่าวคือสตรีเช่นเต๋อเฟย นางไม่ทำตัวเป็จุดสนใจ ทว่าก็ไม่ขี้ขลาด มีบุคลิกสงบเสงี่ยม สำหรับเต๋อเฟย เมื่อครั้งที่นางเป็ฮองเฮานางบังเอิญพบกับเต๋อเฟยเพียงครั้งเดียว ทว่ากลับหลงเหลือความประทับใจไว้อย่างลึกซึ้ง
เวลานี้ได้มาพบกันอีกครั้ง เหยียนอู๋อวี้ยังคงชื่นชมนางเป็อย่างยิ่ง
เต๋อเฟยกลับมิได้คิดมากเกี่ยวกับเหยียนอู๋อวี้ นางงดงามดุจเทพธิดาจากสรวง์สมคำร่ำลือ เพียงแค่ร่างกายอ่อนแอไปหน่อย จำเป็ต้องพักฟื้น ฝ่าาขึ้นครองราชย์มาหลายปี กลับไร้ซึ่งทายาท ยามนี้นางเป็ผู้ดูแลตำหนักหลัง จำเป็ต้องคิดหาวิธี
แม้ทั้งสองมิได้พูดคุยกันอย่างเป็กันเอง ทว่าก็มิได้เงียบจนน่าอึดอัด ไม่คาดคิดว่าผ่านไปครู่เดียวการสนทนากลับถูกขัดจังหวะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้