“ลูกสาว... น้องเขยเป็ยังไงบ้าง ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม เขากินข้าวกินปลาหรือเปล่า?” มารดากำชับถามด้วยสีหน้าเป็กังวล เมื่อส่งผ้าแพรไหมสีนิลผืนหนึ่งให้สามีภรรยาวัยกลางคน ลูกค้าประจำส่วนใหญ่ไม่ถามมากความเื่เนื้อผ้า เมื่อร้านผ้าสกุลเยี่ยนำผ้าชั้นดีมาค้าขายอยู่เป็นิจ
“ดีขึ้น ท่านแม่”
“บอกความจริงข้ามาเถอะ ข้าจะได้หาทางช่วยเหลือน้องเขยถูกทาง”
เจียลี่ส่ายหน้าไปมา “กินข้าวมากขึ้น แลดูสดใสขึ้น แต่ขี้เมาเหมือนเดิม ท่านอาร่ำสุราต่างน้ำ นำข้าวหมักชั้นดีไปใส่ถังไม้อาบ เอาตัวลงไปแช่ในสุรา”
มารดาถอนหายใจด้วยความเป็กังวล ถือโอกาสคุยเื่น้องเขยของนาง
สกุลเยี่ยยังคงนับหวังเฟยเป็เขย เมื่อการรับส่งสินค้าก็ยังต้องผ่านราชสำนัก ความช่วยเหลือของผู้มีอำนาจเป็เื่สำคัญ พวกเขาไม่มีทางเลือกมากนัก ต่อให้เขาจะกลายเป็ไอ้ขี้เมา เขายังคงทำหน้าที่ของตน มีหน้ามีตาในสังคม มีมิตรสหายมากมายมาชักชวนกันไปเมาสุราในวันหยุด
กำแพงคันดินล้อมรอบยาวหลายกิโลเมตรครอบคลุมไปทั่วเมือง เป็ศูนย์กลางการค้า โดยเฉพาะในตลาดร้านค้าฝั่งหัวเมืองเหนือ สองข้างทางคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ร้านตัดผ้าลักษณะเป็บ้านไม้ริมทาง มีแหล่งบันเทิง ร้านอาหาร โรงเตี๊ยม หอนางโลม พื้นที่ทำไร่ไถนาอยู่นอกกำแพงเมือง
เมื่อลูกค้าเริ่มทยอยกันออกไป จินเยว่ห่อผ้าไว้สำหรับน้องสาวและน้องเขยอีกสามกอง ส่งให้บุตรสาวกับมือ
“เ้านำเสื้อผ้าชุดใหม่ไปให้เขา ท่านพ่อสั่งให้ช่างเย็บใหม่สามชุด ถ้าหากว่าเขายังไม่พอใจ อาทิตย์หน้าให้มาเอาไปอีก”
มารดาฝากบุตรสาวไปเป็ธุระ ด้วยเห็นว่าหวังเฟยเอ็นดูเจียลี่กว่าใคร เป็ไปได้ว่าความบาดหมางใจระหว่างน้องเขยและน้องหญิงจะบรรเทาเบาบางลง มารดาจับมือบุตรสาว ลูบหลังมือของนางด้วยแววตาอ่อนโยน
“เ้าคอยดูแลอาเขยด้วย อย่างไรเสียเขาก็เป็คนโปรดของราชสำนัก อาหญิงเ้าไปขอถอนหมั้นจากเขา ตัดสัมพันธ์อย่างไม่ไยดี อุตส่าห์คบหาดูใจกันมาร่วมปี จะแต่งก็มิยอมแต่ง ผัดวันประกันพรุ่งให้ฝ่ายชายเขาระอาใจ”
ทั้งหมดนั้นกลายเป็หน้าที่ของหลานสาวอย่างนางไปั้แ่เมื่อไรกัน?
เจียลี่ยิ้มรับคำขอร้องจากมารดาผู้มิได้เอ่ยถึงความผิดของน้องสาวเลย ทว่ายกให้เป็ธุระของบุตรสาว แม้กระทั่งมารดาก็ยังเอาอกเอาใจน้องสาวมากกว่า
“ข้าทราบดี ข้าจะระวังไม่ให้ท่านอาโกรธเคืองท่านอาหญิงไปมากกว่าตอนนี้ ท่านแม่ไม่ต้องห่วง”
“เ้ารีบไป อย่าให้สกุลเยี่ยต้องตกที่นั่งลำบาก ไม่วานเ้าจะขอให้ใครทำ ดังนั้นเ้าก็ต้องทำ เป็หน้าที่ของเ้า เจียลี่” น้ำเสียงเข้มงวดเอ่ยคำสั่งสอน มารดาหันไปเรียกบ่าวรับใช้ให้เตรียมรถม้า บุตรสาวจะได้ออกเดินทาง
เจียลี่พยายามหลบเลี่ยงแสงตะวันในยามโหย่ว หมวกถักสานที่มีผ้าขาวบางคลุมปิดใบหน้าให้นางพอมองเห็นทาง จากตลาดร้านค้าเดินทางไปด้วยรถม้า คงถึงที่พักของท่านอาเร็วขึ้น นางให้บ่าวนำทางไป ไม่ได้เดินเท้าเมื่อมีทั้งห่อผ้าและอาหาร ระหว่างทางนางได้พบกับทหารองครักษ์สวนทางออกมา คาดว่าพวกเขาคงไปสนทนาเื่โรงงานถลุงแร่โลหะ
หวางเฟยเป็ผู้ควบคุมโรงถลุงแร่เหล็กภายใต้การดูแลของราชสำนัก เขามีช่างฝีมือดี มีบ่าวรับใช้เป็จำนวนมาก เขาเป็ผู้มีอันจะกินในเมืองหลวง แม้กระทั่งแคว้นรอบข้างก็ยังต้องมาซื้อขายอาวุธ เครื่องมือเครื่องใช้ทำจากเหล็ก แม้แต่เงินก้อนทำจากเนื้อโลหะเคลือบทอง หากไม่บอกนางเสียก่อนนางแทบไม่เชื่อว่าชายขี้เมาเป็สุภาพชนผู้มีความรู้ รายล้อมด้วยมิตรสหายบริวาร เหล่าชนชั้นสูง ขุนนางในราชสำนัก และเสนาบดี
ใครจะกล้ามีปัญหากับท่านอาหวัง นอกเสียจากท่านอาหญิงของนาง
‘ก็เห็นอยู่ว่าขี้เมาทั้งคู่ ทำไมถึงได้เลิกรากันได้’
นางตั้งคำถามในใจ จนมาถึงด้านหน้าเรือน พบชายในเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนนอนแผ่หราบนพื้นหญ้า ไหสีน้ำตาลอยู่ในอ้อมกอดของเขาราวกับว่าไหใบเล็กกลมได้กลายเป็สตรีผู้เป็ที่รักยิ่ง นางใลนลาน เข้าไปแบกเขาขึ้นบันไดไม้อย่างทุลักทุเล ถึงไม่เหลือบ่ากว่าแรงมากนัก เมื่อท่านอาตัวไม่หนักเท่าไร นางเคยพบชายร่างสูงกำยำกว่านี้ในโรงงานถลุงแร่
บ่าวรับใช้ทั้งสองก็เข้ามาช่วยเหลือนาง อีกสองกำลังวิ่งวุ่นในเรือน หวังเฟยคงร่ำสุรามากไป เขาลุกขึ้นโวยวายหน้าแดงก่ำ ไล่ตะเพิดบ่าวให้ออกไปให้หมด ให้เหลือแค่นาง นำชามาวางไว้บนโต๊ะข้างฟูกนอนเขา ตะคอกนาง
“โธ่... ท่านอา ท่านเมาเละเทะแล้ว”
“อะไรกับข้านักเล่า... เจียลี่!”
“ท่านโวยวาย เรียกข้า?” ปลายนิ้วชี้หน้าตนเองอย่างประหลาดใจ เจียลี่จำได้ว่าท่านอาเมามายเมื่อไรมักเรียกหาแต่ท่านอาหญิง ลี่จิ่น เ้าไปไหน เ้ากล้าทิ้งข้าเรอะ! นังแพศยา หญิงโฉดชั่ว โป้ปดลวงโลก อะไรสักอย่างนางก็ฟังไม่ถนัดหูนัก ลึก ๆ นางคงดีใจที่เขาเรียกหานาง ไม่ด่าทอนางเป็หลานสาวนังแพศยา ไล่ตะเพิดนางไปพร้อมกับบ่าวชุดใหม่ทั้งสามคน
“แปลว่าท่านยังไม่เมา ท่านเอาเหล้าอีกไหม? ข้าจะไปเอามาให้ท่านดื่ม”
“เ้า... กล้าประชดข้าหรือเจียลี่ กล้าอวดดีกับข้ารึ?”
เจียลี่ฉีกยิ้มกว้างประชดประชัน หากทว่าเอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ท่านอาเ้าคะ เจียลี่จำได้ว่าท่านเคยหล่อล่ำบึกบึน อกผายไหล่ผึ่งดุจแม่ทัพกองหน้าผู้เกรียงไกร ไม่ว่าท่านจะก้าวขาเดินไปที่ใดหญิงสาวต่างลอบมองท่านด้วยแววตาหลงใหล ทุกวันนี้ท่านผ่ายผอม...” นางเงียบ เหลือบตามองเสื้อผ้าที่หลวมไปถนัดตา น้ำหนักของเขาอาจหายไปราว ๆ สิบกิโลกรัม นางอุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารสุดฝีมือ หวังว่าเขาจะน้ำหนักขึ้นสักหน่อย เขาก็หันกลับไปร่ำสุรา
“ขี้เมาอีกต่างหาก”
“คำก็ขี้เมา สองคำก็ไอ้ขี้เมา” เขาเข่นเขี้ยวขู่นางจนมองเห็นไรฟันขาว เขี้ยวคมตรงมุมปากแลดูเป็อสุรกายที่น่ากลัว ั์ตาแดงก่ำปรากฏโทสะราวกับว่าจะบีบคอนางเสีย พลันะโใส่หน้านาง “ไปเอาเหล้ามา!”
“เ้าค่ะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้