เฉิงจือซวี่กลับมายังหนานอี๋ก็ไม่ได้ทำตัวว่างเลยแม้แต่น้อย ไปเยี่ยมญาติทักทายสหาย จัดตารางของตนจนแน่น เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็เ้าเมืองขั้นสี่แล้ว นับได้ว่าเป็ขุนนางระดับกลาง สถานะนี้ช่างเหมาะสมนัก บ้านรองมีแขกมาเยี่ยมเยียนมากมายดุจปุยเมฆไป่หนึ่ง
ความครึกครื้นของบ้านรองไม่เกี่ยวอะไรกับเฉิงชิง นางไม่รู้เื่ราวภายนอกเลย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงวันที่แปดเดือนสองแล้ว สนามสอบแรกของการสอบระดับอำเภอของอำเภอหนานอี๋ในรัชศกเฉิงผิงปีที่เจ็ด
ยามอิ๋น[1]หนึ่งเค่อ เฉิงชิงตื่นนอนแล้ว
นางไม่คิดจะตื่นนอนตอนตีสาม แต่การสอบระดับอำเภอกำหนดไว้เช่นนี้ เหล่าผู้เข้าสอบต้องไปขานรายชื่อต่อหน้านายอำเภอทีละคนก่อนรุ่งสางเพื่อเข้าสนามสอบ!
เสื้อคลุมตัวหนาถูกนางหลิ่วนำไปอังให้อบอุ่นล่วงหน้า เมื่อสวมใส่บนตัวก็รู้สึกสบายจนแทบอยากจะครางออกมา
อุปกรณ์การสอบเตรียมไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะออกไปนางหลิ่วตรวจแล้วตรวจอีกด้วยกลัวว่าจะหลงลืมอะไรไป
ปากนางยังเอ่ยเตือนซ้ำไปซ้ำมา
“ใส่หนาสักหน่อยดีแล้ว นี่ยังเพิ่งเดือนสอง ได้ยินว่าห้องสอบลมรั่วทั้งสี่ด้าน นั่งนิ่งไม่ได้ขยับตัวหลายชั่วยามย่อมหนาวไปทั้งตัวแน่ เตาอุ่นมืออันเล็กก็มิอาจนำไป…”
นางหลิ่วกล่าวหนึ่งประโยค เฉิงชิงก็ตอบรับหนึ่งประโยค
แต่งกายหนาหน่อยก็ไม่มีอะไรไม่ดี เวลานี้นางไม่สนใจเื่ความงาม ตามระดับการรักษาทางการแพทย์ของแคว้นเว่ยแล้ว ลมหนาวก็สามารถเอาชีวิตนางได้
เฉิงชิงใน่กว่าครึ่งปีนี้กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและใส่ใจการออกกำลังกาย ร่างกายก็ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว ตอนเดินก็ไม่หอบหายใจหนักอีกต่อไป แต่ยังห่างไกลจากความแข็งแรงประหนึ่งลูกวัว——ก็คือเสริมส่วนที่ร่างกายขาด เดิมทีนี่ก็เป็ร่างกายของสาวน้อย พื้นฐานสุขภาพของร่างกายจึงไม่แข็งแรงเท่าเด็กผู้ชายในวัยเดียวกัน
เฉิงชิงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เงื่อนไขของการสอบเข้มงวดอย่างมาก การสอบระดับอำเภอผ่อนปรนที่สุดแล้ว แม้จะสอบติดต่อกันห้าสนาม ทุกสนามล้วนไม่สามารถค้างคืนในห้องสอบได้ ต้องส่งกระดาษข้อสอบในวันนั้นทั้งหมด
เมื่อถึงการสอบระดับเมืองก็ต้องค้างคืนที่สนามสอบแล้ว หลังสอบเสร็จมักพบเจอผู้เข้าสอบที่ล้มป่วยได้ทุกที่!
เฉิงชิงมีเ้าหน้าที่ประกบไปด้วยยามออกจากบ้าน นางหลิ่วลอบเช็ดน้ำตาอยู่ในเรือน
บุตรสาวทั้งสามเข้ามาปลอบโยนนาง
“น้องชายสติปัญญาปราดเปรื่องทั้งยังขยันขันแข็ง นี่เป็เพียงการสอบระดับอำเภอเท่านั้น น้องชายย่อมต้องสอบผ่านอยู่แล้วเ้าค่ะ!”
“ปีนั้นท่านพ่อสอบผ่านจวี่เหรินทั้งที่ยังไม่ถึงวัยสวมกวาน ความสามารถด้านการเล่าเรียนนี้ น้องชายก็ได้เจริญตามรอยท่านพ่อแล้วเ้าค่ะ”
เมื่อได้เหล่าบุตรสาวเอาอกเอาใจ นางหลิ่วก็ใจชื้นขึ้นไม่น้อย
แต่บุตรสาวทั้งสามก็ไม่อาจกล่าวให้นางสบายใจได้ตรงจุด ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าอารมณ์ของนางหลิ่วสับสนเพียงใด บ้านอื่นส่งบุตรชายไปเข้าร่วมการสอบ แต่นางกลับส่งบุตรสาวไปเข้าร่วมการสอบ กังวลใจเพียงใดก็มิอาจเอ่ยกับคนนอกได้!
สอบผ่านหรือไม่ผ่านไม่ใช่เื่สำคัญที่สุด แต่เป็ยามตรวจสอบก่อนเข้าสอบ ขอเฉิงชิงอย่าได้พบเจออุปสรรคเลย
เ้าหน้าที่สองนายพาเฉิงชิงมาส่งถึงสนามสอบแล้ว
ปีนี้อำเภอหนานอี๋มีผู้เข้าสอบสองสามร้อยคน ไม่ใช่ทุกคนจะเป็ศิษย์ของสถานศึกษาหนานอี๋ ศิษย์ส่วนหนึ่งของห้องเรียนตัวอักษรติงเหมือนอย่างชุยเยี่ยน บ้านอยู่นอกพื้นที่จึงต้องกลับบ้านเดิมไปเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ อำเภอของตนมีเพียงร้อยกว่าคน
ห้องเรียนตัวอักษรปิ่งล้วนเป็บัณฑิตถงเซิงที่สอบผ่านระดับอำเภอและระดับเมืองแล้ว ขาดเพียงการสอบระดับสำนักศึกษาก็จะได้คุณวุฒิซิ่วไฉแล้ว ไม่จำเป็ต้องมาสอบระดับอำเภอ
เฉิงชิงเห็นสหายร่วมเรียนห้องติงเก้าหลายคน กำลังจะเดินไปพอดี เหล่าสหายร่วมเรียนเองก็มองเห็นนางแล้วจึงโบกมือสุดแรง
“เฉิงชิง ทางนี้!”
โอ้ นั่นก็คือเฉิงชิง
ผู้เข้าสอบของสถานศึกษารู้จักนาง และยังมีผู้ที่ไม่ได้มาจากสถานศึกษาด้วย ชื่อเสียงของ ‘เฉิงชิง’ โด่งดังสะท้านฟ้าแล้ว นางสามารถสอบผ่านหรือไม่ สุดท้ายเฉิงจือหย่วนจะถูกตัดสินโทษหรือไม่ สนามพนันในอำเภอเองก็ลอบเปิดกระดานแล้ว
วันนี้เมื่อมองดูแล้วก็แค่เท่านี้เอง
ใบหน้าไม่เจริญตา ร่างกายเล็กเตี้ย เป็เด็กหนุ่มที่ธรรมดามาก
บางคนพึมพำเสียงเบา ไม่รู้ว่าเฉิงชิงจะรีบร้อนเช่นนี้ไปทำไม
ต้องเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอในปีนี้ให้ได้เลยหรือ?
เมื่อมองดูก็ยังมีความใสซื่อของเด็ก อายุก็น้อยเช่นนี้ ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลยนี่!
เฉิงชิงไหนเลยจะไปสนใจว่าผู้อื่นคิดเช่นไร นางและสหายร่วมเรียนที่รับรองให้แก่กันและกันยืนอยู่ด้วยกัน เ้าหน้าที่สองคนยืนอยู่ราวกับเทพคุ้มครอง ทำให้ทุกคนกล่าวคำอย่างระมัดระวัง เฉิงชิงยิ้มอย่างขออภัย ไม่ได้สนทนากับสหายร่วมเรียน
กล่าวมากก็ผิดมาก นางรู้ตัวดีจึงทำเื่ที่เพิ่มความยุ่งยากให้ผู้อื่นน้อยลง
สอบระดับอำเภอเสร็จอย่างซื่อตรงเป็ความปรารถนาเดียวของนาง
การสอบระดับอำเภอยังตรวจสอบไม่พบว่านางเป็สตรี เื้ัของการสอบผู้ใดจะคิดถึงตรงจุดนี้?
แต่นางก็ผ่านการตรวจสอบของระดับอำเภอก่อนแล้ว… เฉิงชิงก้มหัวมองหน้าอกที่แบนราบของตนเอง การเติบโตช้าก็ถือเป็ข้อดีของนาง ยิ่งเวลาผ่านไป ลักษณะพิเศษความเป็หญิงของนางอาจจะยิ่งเด่นชัด สำหรับนางแล้ว สอบผ่านการสอบหน้าพระที่นั่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งปลอดภัยเท่านั้น อีกทั้งไม่ต้องมีการตรวจร่างกาย ความเสี่ยงที่จะตกจากหลังม้าก็น้อยลงอย่างมาก
เพิ่งถึงยามเหม่า ภายในสนามสอบก็มีคนออกมาตีฆ้อง
“ผู้เข้าสอบเข้าสนามสอบ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้ถอยออกมาและแยกย้าย ผู้เข้าสอบเข้ารับการตรวจสอบเข้าสนามสอบตามลำดับ!”
ด้านนอกสนามสอบเงียบเสียจนนางสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตนเอง
ตึกๆๆ
นางกระวนกระวายอยู่บ้างจริงๆ
นางเคลื่อนตัวไปข้างหน้าตามแถวอย่างช้าๆ ถูกสายตาจำนวนมากกวาดมองไปบนร่างยามได้รับการตรวจสอบ
ในมือของผู้ตรวจถือแท่งไม้ยาว มีคนเดินมาตรวจดูตะกร้าเข้าสอบของเฉิงชิง ในนั้นมีอุปกรณ์การเขียน น้ำหนึ่งกา ขนมเปี๊ยะไส้เนื้อหลายชิ้น ทั้งหมดนี้คือสิ่งของที่อนุญาตให้เอาเข้าสนามสอบได้
หลังจากนั้นแท่งไม้ก็ตกอยู่บนร่างของเฉิงชิง เหมือนการตีนุ่นยามตากผ้าห่ม ตีแล้วตีอีก ตีจากบนลงล่างหนึ่งรอบ แล้วก็ให้เฉิงชิงหมุนตัวและะโอยู่กับที่ เพื่อมั่นใจว่าไม่ได้แอบซ่อนนำสิ่งของต้องห้ามเข้าสนามสอบ
ของเหล่านี้ส่วนใหญ่เมื่อเจอการกระทำซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ก็จะหล่นออกมาหมด
มีจำนวนน้อยที่แอบซ่อนโพยไว้ในส่วนที่มิดชิด เช่นเขียนอักษรลงในเสื้อผ้าชั้นใน
เมื่อยามแรกเริ่มก่อตั้งแคว้นเว่ย การตรวจสอบของการสอบเข้ารับราชการเข้มงวดอย่างยิ่ง ยามนั้นไม่ใช่การใช้แท่งไม้และการะโ แต่เป็การใช้มือลูบโดยตรง ทั้งยังให้ถอดเสื้อผ้าเพื่อตรวจสอบ ขั้นตอนเหล่านี้ทำให้ผู้เข้าสอบส่วนใหญ่รู้สึกไม่สบายใจ มีปราชญ์มหาสำนักของเน่ยเก๋อหลายคนที่แนะนำจนมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
เฉิงชิงอยากจะเอ่ยแสดงความซาบซึ้งต่อเหล่าขุนนางผู้ใหญ่ที่เปลี่ยนขั้นตอนการตรวจร่างกายอย่างยิ่ง หลังจากตรวจดูแล้ว นางก็ได้ยินว่า “อนุญาตให้เข้าสนาม” สี่คำนี้ราวกับได้ยินดนตรีจาก์
เช่นนี้นางก็ถือว่าผ่านการตรวจร่างกายแล้ว?
“เร็วหน่อย อย่ามาทำให้ผู้อื่นต้องเข้าสนามสอบล่าช้า!”
ผู้ตรวจที่ถือแท่งไม้หงุดหงิด เฉิงชิงจึงรีบเร่งฝีเท้าเข้าไป
เมื่อมาถึงตรงนี้ เ้าหน้าที่ก็ไม่อาจติดตามนางไปได้แล้ว เฉิงชิงััถึงอากาศแห่งอิสรภาพที่ห่างหายไปนาน
นายอำเภอหลี่เป็หัวหน้าผู้คุมสอบของวันนี้ เขามาถึงสนามสอบนานแล้ว
นอกจากนายอำเภอหลี่ ยังมีบัณฑิตหลิ่นเซิงหนึ่งกลุ่ม
พอหลังจากพวกผู้เข้าสอบอย่างเฉิงชิงได้รับการตรวจสอบว่าไม่มีโพยแล้ว ทั้งหมดก็มารวมตัวกัน ทั้งกลุ่มประสานมือคารวะไปยังนายอำเภอหลี่ซึ่งเป็หัวหน้าผู้คุมสอบของวันนี้
นายอำเภอหลี่เอ่ยเรียกชื่อหนึ่ง เ้าหน้าที่ก็ขานเสียงสูง “บัณทิตหลิ่นเซิงมารับรอง” ผู้เข้าสอบยืนอยู่ตรงกลางของห้อง สุดท้ายบัณฑิตหลิ่นเซิงที่ให้การรับรองมายืนยันสถานะ เพียงเสร็จสิ้นขั้นตอนสุดท้ายนี้ จึงจะสามารถได้รับกระดาษข้อสอบในมือของนายอำเภอหลี่ แล้วเดินไปยังที่นั่งสอบของตนซึ่งแบ่งตามป้ายหมายเลขยามลงชื่อ
เฉิงชิงไปลงชื่อช้า หมายเลขที่นั่งสอบจึงไปอยู่ลำดับหลัง
ยามมาถึงตานาง นางรู้สึกว่านายอำเภอหลี่เหมือนจะยิ้มเล็กน้อย
เฉิงชิงถือว่านี่คือการให้กำลังใจของนายอำเภอหลี่ที่มีต่อนาง
“ศิษย์เฉิงกุยรับรอง!”
เฉิงกุยไม่ได้เล่นตุกติกอะไร รับรองให้เฉิงชิงอย่างแท้จริง
เฉิงชิงก็ไม่ได้ตระหนี่การหัวเราะให้เฉิงกุย น่าเสียดายที่ฝ่ายหลังสีหน้าเ็า ไม่มีความคิดที่จะแสดงไมตรีอันล้ำลึกระหว่างพี่น้องกับนาง
ดังนั้นเหตุใดจึงต้องมารับรองให้นางด้วยเล่า?
ความสงสัยนี้มาแล้วก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมองหัวข้ออีกรอบ เฉิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม——หัวข้อการสอบระดับอำเภอของปีนี้ยากใช้ย่อย!
[1] ยามอิ๋น หมายถึง่เวลา 03.00 น. – 04.59 น. ตามการนับเวลาแบบจีนโบราณ
