วันอาทิตย์เป็วันที่งานยุ่งมาก แต่ทุกคนก็อยู่ในอารมณ์ที่ผ่อนคลาย เมื่ออี้สี่เห็นเฉินเจี้ยนฉวินก็รู้สึกว่าเขาเต็มไปด้วยพลังที่ล้นเหลือ
“เมื่อวานหลังจากฉันกลับไปแล้ว คุณกับฉีเสี่ยวิ่มีความคืบหน้าไหม?” อี้สี่ถาม
“เธอขอให้ผมไปส่งเธอกลับบ้าน นั่นหมายความว่าเธอไม่ได้รังเกียจผมใช่ไหม?” เฉินเจี้ยนฉวินพูด
“เธอไม่ได้ชวนคุณเข้าไปในบ้านเหรอ?”
“เธออยู่กับเพื่อนร่วมห้องเลยไม่ค่อยเหมาะน่ะ แต่พวกเราก็ยืนคุยกันที่หน้าประตูสักพักนะ”
“นั้นเป็ความอาลัยอาวรณ์ที่ไม่อยากแยกจากกันนี่? ฉันคิดว่าถ้าคุณนัดเธออีกรอบ เธอคงจะตกอยู่ในกำมือคุณแล้ว” เธอพูด เนื่องจากอี้สี่และเฉินเจี้ยนฉวินต่างก็มีความเหมือนกันมาก หลังจากทำงานร่วมกันมาหลายวันทั้งคู่ก็สนิทสนมกันมากจนคุยกันได้ทุกเื่
“ตกอยู่ในกำมือหมายความว่ายังไง?” ดวงตาของเฉินเจี้ยนฉวินเป็ประกายขึ้นมาทันที ทันใดนั้นอี้สี่รู้สึกว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว “ตกอยู่ในกำมือที่ฉันพูดหมายถึงการออกเดท” จริงๆ แล้วเฉินเจี้ยนฉวินไม่ได้ดูแย่เลย ดูสะอาดสะอ้าน ยังหนุ่มมาก รูปร่างสูงผอมเพรียว ถึงตอนแรกที่รู้จักกันอีกฝ่ายจะดูเป็คนค่อนข้างเก็บตัวนิดหน่อย แต่พอสนิทกันก็สามารถพูดคุยได้ทุกเื่ อาจเป็เพราะฉีเสี่ยวิ่เป็นักศึกษา เขาจึงค่อนข้างไม่มีความมั่นใจเท่าไหร่
“จริงสิ แฟนของคุณหรือที่มารับเมื่อวานนี้?” เฉินเจี้ยนฉวินนึกถึงเื่ฉีเสี่ยวิ่บอกว่าเห็นอี้สี่ขึ้นรถสีน้ำเงินไปพอดี พอเสี่ยวิ่กลับมาทานอาหารต่อก็ได้พูดขึ้นมา ทุกคนต่างก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเื่นี้ด้วยคิดแค่ว่าจินอิ๋นไม่ได้มีรถ
“แค่เพื่อนกัน!” เธอรีบเปลี่ยนประเด็น อย่างไรก็ตามเฉินเจี้ยนฉวินก็อยากพูดคุยเื่ของฉีเสี่ยวิ่มากจริงๆ เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับอี้สี่เลย
วันอาทิตย์ตอนเที่ยงยุ่งมาก แต่อี้สี่ก็คุ้นเคยกับงานนี้แล้ว ดังนั้นทั้งทีมจึงทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น แม้ว่าจะยุ่งแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ่พักทานอาหารของพนักงานในตอนบ่ายจึงคึกคักเป็พิเศษ หลัวจ้งซีไม่อยู่หลายวัน และวันนี้เป็วันที่เขากลับมาทำงานอย่างเป็ทางการ ท่ามกลางผู้คนมากมายที่พูดคุยกัน แน่นอนว่าอาเฉียงไม่ได้พูดจารื่นหูเลย “พูดเื่เดินทางไปทำงานอะไรนั้น มันก็เป็การได้ไปต่างประเทศกับสาวสวยอย่างเพ่ยจวน การมีอะไรกันนอกสถานที่ที่ต่างประเทศก็เปิดกว้างแล้วด้วย ทำไมเื่ดีๆ แบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับฉันบ้างเลยเล่า?” ทุกคนคุ้นชินกับคำพูดหยาบคายของเขาแล้ว การหยาบคายเป็วิธีทักทายและดูแลผู้คนของเขา “เธอไม่ชอบผม เชฟอย่าพูดเื่ไร้สาระเลย นอกจากนี้คุณยังเป็เสาหลักของห้องครัว ห้องครัวอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ ดังนั้นจึงไม่ให้คุณไปต่างประเทศไง” หลัวจ้งซีตอบพลางหัวเราะ อาเฉียงดุเขา แต่คำตอบที่ประจบประแจงแบบนี้ก็สามารถทำให้เขามีความสุขได้
อามีมักจะอยู่รอบๆ หลัวจ้งซีเสมอเพื่อช่วยเขาดูแลแขก “เพราะคุณฉันเลยต้องทำงานหกวันติดต่อกัน” เธอบ่น
“แต่คุณก็จะมีวันหยุดสามวันติดต่อกันเริ่มั้แ่วันพรุ่งนี้นะ”
“ฉันไม่สน! ถ้าคุณไม่อยู่ที่นี่ ฉันก็ต้องทำงานทั้งหมดของคุณ เพราะงั้นคุณต้องเลี้ยงเหล้าฉันด้วย” อามีช่วยแบ่งเบาภาระของหลัวจ้งซีมากมาย นอกจากการเตรียมเครื่องดื่มต่างๆ แล้ว ยังมีรายงานต่างๆ ที่ต้องจัดการในงานเบื้องหน้าอีก และยังมีข้อขัดแย้งระหว่างลูกค้าแย่ๆ อีกมากมาย สรุปสั้นๆ ก็คือมีหลายสิ่งที่ต้องทำ ซึ่งอามีเป็หัวหน้างาน ซึ่งแม้ว่าหลัวจ้งซีจะอยู่ที่บาร์แต่จริงๆ แล้วก็เป็ผู้จัดการ แน่นอนว่าอามีย่อมต้องทำหน้าที่แทนไปโดยปริยาย
“ทุกคนต่างก็ทำงานอย่างหนัก สมควรได้รับการดูแล งั้นวันนี้ก็นัดกันหลังเลิกงานนะ เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็หยุด เชฟซ่งจะไม่อุปการคุณผมสักหน่อยเหรอ?” หลัวจ้งซีมองไปที่ซ่งจื่อฉี ซ่งจื่อฉีเอ่ยพูดอย่างเ็าว่า “ไม่ใช่เื่ของฉัน แล้วฉันก็ไม่ใช่คนที่เดินทางไปทำงานและเที่ยวอย่างสนุกสนาน” ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงหยิบบัตรของขวัญมูลค่าสูงออกมาจากกระเป๋าสตางค์
หลัวจ้งซีหยิบบัตรของขวัญมาแล้วหัวเราะสองครั้ง “ถ้านายจะอุปการคุณเป็สิ่งนี้ งั้นเราก็ทำได้แค่ต้องไปดื่มที่โฮบาร์เท่านั้น”
“นั่นเป็สถานที่ที่ดีในการดื่ม นายเองก็มีบัตรของขวัญเยอะนี่ ไม่ใช้ตอนนี้แล้วจะใช้ตอนไหนกัน? สิ้นปีนี้จะเป็อย่างไรถ้านายชนะอีกครั้ง?” ซ่งจื่อฉีพูด ร้านจะให้บัตรของขวัญแก่พนักงาน ซึ่งอันที่จริงมันเป็เื่น่าเบื่อมาก ไม่มีใครอยากกินร้านที่พวกเขาทำงาน่วันหยุดหรอก พวกเขาจึงเพียงใช้เป็ของขวัญหรือใช้ตอนที่ต้องดูแลลูกค้าเท่านั้น
“ขอร้องเถอะ อย่าพูดเลย ปีนี้ฉันอยากมีเงินเก็บ” หลัวจ้งซีพูด “นายจะไปด้วยรึเปล่า” เขาถามซ่งจื่อฉี ซ่งจื่อฉีส่ายหัวอย่างจนใจ เอ่ยพูดว่า “วันหยุดสุดสัปดาห์! สิ่งที่ได้มายากที่สุดของฉันก็คือวันหยุดสุดสัปดาห์” มีเพียงหลัวจ้งซีเท่านั้นที่ดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เขากำลังพูด หลัวจ้งซีจึงตบไหล่ของเขาเบาๆ
แม้ว่าจะไปที่โฮบาร์ อามีก็ยังมีความสุขมาก ตราบใดที่มีทีม เธอก็จะมีความสุข บางครั้งอี้สี่รู้สึกว่าอามีเป็หญิงสาวที่มีพลังงานอันไม่สิ้นสุด “ฉันต้องไปรวบรวมคน” อามีตื่นเต้นมากจนะโถามทุกคนที่เธอพบว่าคืนนี้อยากไปที่นั่นไหม เธอวิ่งไปหยุดที่เบื้องหน้าเฉินเจี้ยนฉวินแล้วพูดว่า “น่าเสียดายที่ฉีเสี่ยวิ่ไม่มีงานตอนกลางคืน คุณนัดเธอตอนนี้เลย ถ้าเธอเต็มใจออกมา คุณก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว”
มื้อเที่ยงวันนี้ของพนักงานครึกครื้นมาก อี้สี่กำลังจะไปที่บาร์เพื่อขอกาแฟ แต่แล้วเธอก็เดินผ่านไปโดยไม่ได้เดินเข้าไป อยู่ที่ทำงานควรรักษาระยะห่างเท่าไรกันนะ? ตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันยากที่จะถูกจับได้ ทว่าเพราะหลัวจ้งซี้าการเว้นระยะห่างที่เหมาะสม เธอจึงไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้เขา แต่เธอไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายเลย เมื่อคืนเธอนอนดึกมากและวันนี้ก็ค่อนข้างเหนื่อยมาก เธอนั่งพักอยู่ที่นั่งแขกพลางเลื่อนดูโทรศัพท์ไปด้วย
“นี่มันดูผิดปกติเกินไป” หลัวจ้งซีเดินเข้ามา ถือกาแฟเย็นหนึ่งแก้วมาส่งให้ เอ่ยกระซิบว่า “ผมเตรียมไว้ให้คุณแล้ว” เมื่อถูกมองออก เธอก็รู้สึกอับอาย “ไม่เป็ไร ฉันแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย เลยว่าจะมาพักที่นี่สักครู่” หลัวจ้งซีมองเธอด้วยสายตาปวดใจมาก แต่มีผู้คนมากมายอยู่รอบๆ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรมากได้ และตอนที่คิดจะจับมือเย็นๆ ของเธอ จู่ๆ อามีก็โผล่มาจากด้านหลังแล้วพูดว่า “อี้สี่ พี่หลัวจะเลี้ยงพวกเรา คืนนี้ไปด้วยกันนะ” ทั้งคู่ใและรีบขยับตัวถอยห่างกันเล็กน้อย
“พวกคุณไปกันเถอะ! ฉันเหนื่อยนิดหน่อยอยากพักผ่อนน่ะ” เธอพูด อันที่จริงความเหนื่อยล้าก็เป็เื่หนึ่ง แต่เมื่อคิดว่าจินอิ๋นเองก็อยู่ที่นั่นด้วย อี้สี่ก็รู้สึกหนักใจมาก เธอนึกไม่ออกเลยว่าจะต้องเผชิญหน้าอย่างไร
“ไม่ได้ ทุกคนต้องไป เธอไม่เข้าร่วมไม่ได้ ถ้าเธอไม่ไปถือว่าไม่ให้เกียรติ ไม่ให้เกียรติพี่หลัว และก็...” ขณะที่อามีกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง คิ้วอี้สี่ก็ต้องเลิกขึ้นสูง จิตใจตึงเครียด อี้สี่รู้สึกว่าเธอกำลังพูดถึงจินอิ๋นในวินาทีถัดไป
โชคดีที่หลัวจ้งซีขัดจังหวะเธอพอดี “ถ้าอี้สี่รู้สึกเหนื่อย คราวหน้ายังมี คราวหน้าชวนอีกต้องตกลงนะ”
“ไม่ได้นะ ร่างกายแข็งแกร่งมาจากการฝึกฝน และ...” อามีไม่ให้โอกาสอี้สี่
“งั้นฉันจะดื่มสองแก้วแล้วจะกลับบ้านไปพักนะ ฉันเองก็ไม่ใช่คนดื่มเก่งอะไร” อี้สี่พูด เธอรู้ว่าถ้าเธอไม่ยอมตกลง อามีก็จะไม่ปล่อยเธอไป
ทันทีที่อี้สี่ตกลง อามีก็ไปชวนนักศึกษาที่มาทำงานอีกสองสามคน งานปาร์ตี้จะมีชีวิตชีวามากขึ้นเมื่อมีหญิงสาวอายุน้อยอยู่ด้วย
นี่คือสิ่งที่หลัวจ้งซีวางแผนไว้ในใจ เขาวางบัตรกำนัลและบัตรเครดิตบนเคาน์เตอร์ก่อน เขาและอี้สี่ดื่มกันสองสามแก้วก่อนที่จะหายตัวไปอย่างเงียบๆ และสุดท้ายก็ไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ก็ได้แล้ว ตอนแรกที่ตกลงไปงานเลี้ยงที่โฮบาร์ เขาไม่ได้คิดถึงจินอิ๋นเลย จนเมื่อเห็นอามีขยิบตาให้อี้สี่เขาก็คิดถึงเื่จินอิ๋นขึ้นมาและรู้สึกกังวลเล็กน้อย หวังอย่างยิ่งว่าโฮบาร์จะมีงานยุ่งจนจินอิ๋นไม่มีเวลามาคุยกับอี้สี่
คืนนั้นตอนที่ทานอาหารนอกบ้านเขาอยู่ที่ฮ่องกง และรู้ั้แ่ก่อนไปต่างประเทศแล้วว่าจินอิ๋นจะมาแทน อันที่จริงแล้วการจัดกำลังคนล้วนก็เป็ตัวเขาที่วางแผน แต่เขาไม่คาดคิดว่าสองคืนก่อนที่จะไปต่างประเทศ จินอิ๋นจะพัฒนาความสัมพันธ์กับอี้สี่ได้ ในตอนแรกมันเป็เพียงเพื่อคลายความเหงา แต่ไม่คิดว่าคนในร้านได้ปล่อยข่าวลือว่าอี้สี่และจินอิ๋นอยู่ในรถคันเดียวกันหลังจบงานจัดเลี้ยง แล้วก็หายตัวไปพร้อมกันในท้ายที่สุด เขารู้สึกกระสับกระส่ายจริงๆ จนถึงขั้นนอนไม่หลับเลย
ตอนที่เขาอยู่กับอี้สี่เมื่อคืนนี้ หลัวจ้งซีคิดว่าบางทีจินอิ๋นคงจะอยู่กับอี้สี่จริงๆ แม้ว่าอี้สี่จะสามารถปฏิเสธเขาได้ แต่อี้สี่ก็ไม่ได้ทำ อี้สี่ดูลังเลแต่ก็ไม่ได้ต่อต้านเขา เขาเคยคิดที่จะถาม แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีสถานะ และส่วนที่สำคัญคือเขาไม่กล้าที่จะเผชิญกับความจริง
หลัวจ้งซีมีอายุมากกว่าทั้งจินอิ๋นและอี้สี่สิบกว่าปี ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาสามารถรับมือกับมันได้อย่างแน่นอน แต่พอตกเย็นเมื่อถึงโฮบาร์ เขาไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งอย่างมีเหตุผลได้ ความหึงหวงทำให้เขาทำตัวเหมือนเด็กๆ และน่าเบื่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้