หลังงานเลี้ยง ต้วนอวิ๋นซินก็พูดคุยกับโจวชิงหวาและหนีเจียเอ๋อร์ต่ออย่างเพลิดเพลิน แต่แล้ว จู่ๆ หัวข้อการสนทนาก็เปลี่ยนไป “เสี่ยวเอ๋อร์ ข้าได้ยินมาว่าเ้าปฏิเสธการแต่งงานกับเสนาบดีกรมราชทัณฑ์ ทั้งยังหนีออกจากงานสมรส เป็เื่จริงหรือไม่?”
โจวชิงหวารู้สึกสังหรณ์ใจพิกล จึงมองไปยังหนีเจียเอ๋อร์ด้วยความกังวล
เมื่อสบกับสายตาห่วงใยของเขา นางก็หลบตาโดยไม่รู้ตัว ก่อนตอบคำถามของฮองเฮา “ทูลฮองเฮา เป็เื่จริงเพคะ”
ต้วนอวิ๋นซินจึงถามต่ออีก “เสี่ยวเอ๋อร์ เ้ายังหมั้นหมายกับเขาอยู่หรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์ที่เพิ่งจะคาดเดาได้ถึงเจตนารมณ์ของฮองเฮา อดมุ่นคิ้วมิได้ ขณะตอบ “ไม่เพคะ”
ต้วนอวิ๋นซินมีสีหน้าเบิกบาน แย้มยิ้มงดงาม “ดีมาก”
นางวางตะเกียบลง ก่อนเดินไปหาหนีเจียเอ๋อร์ แล้วกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ “น้องชายข้า แม่ทัพต้วน ต้วนอวิ๋นหลาน ก็ยังมิได้แต่งงานเช่นกัน”
จอกสุราในมือของโจวชิงหวาแทบจะร่วงหล่น ยังดีที่ปฏิกิริยาของเขาว่องไวจึงคว้าไว้ได้ทัน แต่สุราก็ยังกระฉอกออกมารดหลังมือ
เมื่อนางกำนัลผู้หนึ่งสังเกตเห็น จึงหยิบผ้าเช็ดมือมาส่งให้ แต่เขากลับเอาไปเช็ดโต๊ะที่มิได้เปียกแทน
นางกำนัลผู้นั้นจึงกระซิบบอก “คุณชายโจว มือของท่านเปื้อนเ้าค่ะ”
โจวชิงหวาสะดุ้งเฮือก ได้สติกลับมา เขาเช็ดมือด้วยรอยยิ้ม แล้วส่งผ้าคืนนางกำนัล เมื่อพบว่ามีสายตาของผู้คนมองมา จึงรีบยิ้มและกล่าวว่า “ชิงหวาเสียมารยาทแล้ว ฮองเฮาได้โปรดอย่าถือสาเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ต้วนอวิ๋นซินส่ายหน้า พลางคลี่ยิ้ม “ไม่เป็ไร”
พูดจบ ก็หันมาถามต่อ “ข้าคิดว่าเสี่ยวเอ๋อร์มีทั้งความสามารถและพร์ นับเป็สตรีที่หาได้ยากในแดนดิน ไม่รู้ว่าน้องชายข้าพอจะมีวาสนาบ้างหรือไม่? เสี่ยวเอ๋อร์ ไม่สู้เ้าลองพิจารณาเขาดู”
โจวชิงหวาและหนีเจียเอ๋อร์มองหน้ากันด้วยความยุ่งยากใจ หญิงสาวเต็มไปด้วยความประหม่า ด้วยไม่เคยคาดคิดถึงเื่เช่นนี้มาก่อน จึงปฏิเสธออกไปอย่างสุภาพ
“เสี่ยวเอ๋อร์มีพร์เพียงเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็เพียงบุตรอนุ คงจะไม่คู่ควรกับท่านแม่ทัพต้วนผู้สง่างาม ัย่อมเคียงคู่หงส์ แต่แค่ชาติกำเนิดของหม่อมฉันก็เป็ที่น่าขบขันแล้ว ส่วนเหตุผลที่หม่อมฉันปฏิเสธคุณชายสวี ก็เป็เพราะภายในใจลึกๆ แล้ว หม่อมฉันมีความปรารถนาบางอย่างเพคะ”
ต้วนอวิ๋นซินถามเสียงสงสัย “ความปรารถนาใด?”
“คู่เดียวตลอดชีวิต”
ดวงตาของหนีเจียเอ๋อร์ฉายแววอบอุ่น เปล่งประกายราวกับดวงดาราในสรวง์เก้าชั้นฟ้า ไม่อาจแทรกแซงหรือสั่นคลอน
ตอนนั้นเอง โจวชิงหวาก็หยัดกายขึ้นมา ดวงตาของเขาฉายแววปีติยินดีอย่างชัดเจน ด้วยความคาดหวังแบบเดียวกัน
“สตรีใดเล่าที่จะไม่เคยฝันถึงความสัมพันธ์เช่นนั้น วาดหวังว่าสักวันมันจะกลายเป็จริง ทว่า สิ่งที่สวยงามล้วนแล้วแต่อยู่ในจินตนาการ มองไปทั่วใต้หล้า บุรุษใดจะปฏิเสธการมีทั้งฮูหยินและเหล่าอนุ?” ต้วนอวิ๋นซินลูบหลังมือของหญิงสาว พลางโน้มน้าวเสียงอ่อน “ผู้คนไม่อาจใช้ชีวิตในจินตนาการได้หรอก สักวันก็ต้องตื่นขึ้นมาพบกับความจริง”
หนีเจียเอ๋อร์ยังไม่ทันได้เอ่ยอันใด ต้วนอวิ๋นซินก็เสริมขึ้นมาอีก “อย่างไรเสีย ความจริงก็ยังคงเป็ความจริงอยู่วันยังค่ำ เ้าอยู่ในวัยออกเรือน ตรงหน้ามีเพียงสองเส้นทางให้เลือกเดินเท่านั้น ไม่มีหนทางมากไปกว่านี้แล้ว”
ขณะที่หนีเจียเอ๋อร์กำลังจะอ้าปากบอกปัดเพื่อปกป้องตัวเอง ต้วนอวิ๋นซินก็ยกมือปรามเสียก่อน “เป็สหายกับท่านแม่ทัพไปก่อนก็ได้ ตกลงปลงใจกันเมื่อใด ข้าจะทูลขอฮ่องเต้ให้พระราชทานสมรสแก่พวกเ้า แต่หากไม่ชอบพอเขาก็ไม่เป็ไร ข้ายังคงชื่นชอบในตัวเ้า และจะไม่ตำหนิในเื่นี้เป็แน่”
โจวชิงหวาลุกขึ้นยืน “ฮองเฮา...”
ต้วนอวิ๋นซินยกมือขัดจังหวะ และชิงพูดอย่างเอาแต่ใจ “หลังจากนี้หนึ่งเดือน แม่ทัพต้วนจะกลับจากการป้องกันชายแดน และเดินทางมายังเมืองหลวง ฝ่าาทรงมอบหมายให้ข้าช่วยจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ถึงเวลานั้น เสี่ยวเอ๋อร์ เ้าต้องมาร่วมงานในวังด้วยนะ”
ในเมื่อฮองเฮาตรัสเช่นนี้แล้ว หนีเจียเอ๋อร์ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จำต้องรับปากอย่างไม่มีทางเลือก “น้อมรับพระบัญชาเพคะ”
พอได้ยินเช่นนี้ องค์ชายน้อยก็คล้ายจะเข้าใจแล้ว “เสด็จแม่อยากให้ท่านอาจารย์มาเป็น้าสะใภ้ของกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ต้วนอวิ๋นซินตอบเบาๆ “ถ้าเ้าอยากจะเรียกอาจารย์ตัวเองว่าน้าสะใภ้ ก็ต้องดูก่อนว่าน้าของเ้าจะมีความสามารถหรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์ขมวดคิ้ว แม้ในใจจะรู้สึกอึดอัดปานใด แต่ก็ไม่อาจแสดงออกได้ เพราะฮองเฮาทรงมีเจตนาดี
ส่วนหนีเจียเฮ่อ ก็ได้แต่มองโจวชิงหวาอย่างเป็ห่วง เนื่องจากเห็นอีกฝ่ายกำลังกรอกสุราเข้าปากต่างน้ำ ด้วยความอัดอั้นตันใจ
โชคดีที่วันนี้ฮองเฮาแค่รับบทเป็แม่สื่อ หากวันใดหนีเจียเอ๋อร์ถูกขอแต่งงาน เขาจะทำเช่นไร?
...
สภาพอากาศในฤดูร้อนของเมืองหลวง เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วราวกับพลิกหน้าหนังสือ เมื่อครู่ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม มีฝนตกปรอยๆ แต่หลังจากสายลมพัดกระโชกแรง ท้องฟ้าในตอนนี้กลับมีแสงแดดส่องเจิดจ้า ไร้เมฆสีหม่นมาปกปิด
หลังสวีเพ่ยหรานยุ่งกับงานจนหัวหมุน ก็รีบกินอาหารกลางวันอย่างรวดเร็ว และเดินทางไปยังจวนสกุลหนี เพื่อแสดงความยินดีกับหนีเจียเอ๋อร์ ที่สร้างผลงานใหญ่ด้วยการช่วยรักษาองค์ชายน้อย เดิมทีเขาอยากจะถามนางว่าไปร่ำเรียนวิชาแพทย์มาั้แ่เมื่อใด เพราะตนไม่เคยได้ยินเื่นี้มาก่อน
เมื่อมาถึงจวนสกุลหนี พ่อบ้านก็รีบมาแจ้งให้ทราบ ว่าท่านแม่ทัพฉินได้มาเชิญนายท่านหนีและหนีเจียเอ๋อร์ไปที่วัง เพื่อร่วมงานเลี้ยงของฮองเฮา สวีเพ่ยหรานจึงรู้สึกสับสนเล็กน้อย ได้แต่เฝ้ารออยู่ในสวน และขอให้พ่อบ้านมารายงานอีกครั้งหากนางกลับมา
หลังจากสวีเพ่ยหรานมาถึงสวนได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันนุ่มนวลของหญิงสาวจากด้านหลัง จึงรีบหันไปมอง แต่เมื่อรู้ว่าผู้มาเป็ใคร ก็อดแสดงสายตาผิดหวังมิได้
ดังนั้น หนีจวิ้นหว่านจึงยิ่งรู้สึกอดสู
สวีเพ่ยหรานพยายามเก็บสีหน้าผิดหวังไปอย่างรวดเร็ว และถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “หว่านเอ๋อร์ เ้ากับท่านป้าเป็อย่างไรบ้าง?”
ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่เขามาถึง ก็มักจะใช้ข้ออ้างว่ามาพบนางและมารดาเสมอ แต่บัดนี้ ชายหนุ่มกลับยอมรอในสวนมากกว่าที่จะมาหาพวกตน หนีจวิ้นหว่านพยายามระงับโทสะ แล้วคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ท่านแม่กับข้าสบายดี แต่เหตุใดวันนี้ท่านพี่ถึงว่างมาถึงจวนเราล่ะเ้าคะ?”
สวีเพ่ยหรานจึงตอบ “ข้าได้ยินมาว่าเสี่ยวเอ๋อร์สร้างผลงานใหญ่ เลยอยากจะมาแสดงความยินดี แต่บังเอิญว่านางไปร่วมงานเลี้ยงในวัง น่าจะใช้เวลานาน ข้าจึงมารอนางอยู่ที่นี่”
หนีจวิ้นหว่านสืบเท้าไปสองก้าว จับจ้องอีกฝ่าย พลางพูด “แต่ท่านพี่ ถึงงานเลี้ยงจบ น้องสาวข้าก็คงยากที่จะกลับมาเร็ว เพราะนางไปร่วมงานพร้อมโจวชิงหวา”
ใบหน้าของสวีเพ่ยหรานมืดครึ้มไปพักหนึ่ง แล้วกล่าวเสียงเ็า “ในเมื่อฮองเฮาเชิญเสี่ยวเอ๋อร์ไปงานเลี้ยง เขาย่อมต้องไปร่วมงานด้วยเป็ธรรมดา มิใช่หรือ?”
หนีจวิ้นหว่านสืบเท้าไปอีกก้าวด้วยท่าทีสิ้นหวัง “ท่านพี่ไม่เห็นหรอกหรือ ว่าในใจของน้องสาวข้ามีเพียงโจวชิงหวา เป็ไปไม่ได้ที่นางจะหันมาสนใจท่าน!”
“อย่าพูดจาไร้สาระ เสี่ยวเอ๋อร์นับถือชิงหวาเป็พี่ชายเท่านั้น หาได้คิดเกินเลย!” สวีเพ่ยหรานสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
หนีจวิ้นหว่านรีบก้าวไปขวางหน้า “เป็ข้าที่พูดจาไร้สาระ หรือเป็ท่านที่หลอกตัวเอง ท่านย่อมรู้ดีแก่ใจ!”
หลอกตัวเอง… คำพูดนี้กระแทกใจเขาจนเจ็บชา สวีเพ่ยหรานถึงกับขาสั่นอย่างควบคุมมิได้
เมื่อเห็นสีหน้าชายหนุ่ม หนีจวิ้นหว่านก็ยิ่งปวดใจ นางจับมือเขา และเกลี้ยกล่อมเบาๆ “ท่านพี่หราน เหตุใดท่านถึงไม่ตัดใจ...”
“หาใช่เื่ของเ้า!” สวีเพ่ยหรานสะบัดออกอย่างแรง
หนีจวิ้นหว่านเซจนเกือบจะล้ม นางทั้งโกรธทั้งน้อยใจ “สวีเพ่ยหราน นางหนีไปพร้อมกับโจวชิงหวาแล้ว แต่ท่านก็ยังหมกมุ่นกับนางอีก เหตุใดถึงยอมให้นางทำร้ายท่านถึงเพียงนี้ล่ะเ้าคะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้