น่าเสียดาย เหล่าเ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เบื้องล่างเวทีต่างเฝ้ามองด้วยสายตาเฉยชา ไม่มีใครยกป้ายประมูลขึ้นเลย
"แปดแสนหนึ่งหมื่นครั้งที่สอง..."
"แปดแสนหนึ่งหมื่นครั้งที่สาม..."
ปัง!
"ขอแสดงความยินดีกับบริษัทการเงินเฟิงฮวาเจว๋ต้ายที่ได้รับสิทธิ์ในการพัฒนากว่าแปดสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ของอาคารชุดสุดหรูสองหลังจากปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ป ด้วยราคาแปดแสนหนึ่งหมื่นหยวน"
พิธีกรทุบค้อนด้วยความตื่นเต้น ก่อนวิ่งลงจากเวที แล้วกระโจนเข้ากอดพร้อมจูบเฉินเฟิงหนึ่งที
โชคดีที่ผู้ดำเนินการประมูลคนนี้เป็สาวสวยในชุดกี่เพ้า
"ขอบคุณมากค่ะ ฉันนึกว่าจะหลุดประมูลแล้ว..."
พิธีกรสาวสวยกล่าวขอบคุณเฉินเฟิงอย่างจริงใจ
ตรงข้ามกับพิธีกรสาวสวยที่รู้สึกขอบคุณเฉินเฟิงจากใจ เหล่าเ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างปรบมือแสดงความยินดีอย่างเสแสร้ง
ระหว่างที่พวกเขาปรบมือแสดงความยินดี พวกเขาก็ซุบซิบนินทาเฉินเฟิงลับหลังด้วย
"เถ้าแก่หลง คุณนี่มากความสามารถจริงๆ เอาใจประธานของปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปแล้วยังหลอกเด็กใหม่ได้อีก"
"เห็นด้วย ผมว่าเ้าหนุ่มนั่นคงรู้สึกขอบคุณคุณหลงจากใจเลย"
"เขาถูกคุณหลงต้มแล้วยังต้องช่วยคุณหลงนับเงินอีก [1]"
"ผมเพิ่งได้ข้อมูลจากเพจเจอร์มา บริษัทการเงินเฟิงฮวาเจว๋ต้ายเพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวานด้วยเงินทุนจดทะเบียนหนึ่งล้านสามแสน"
"ฮ่าๆ... พรุ่งนี้บริษัทเฟิงฮวาเจว๋ต้ายนี่คงจะโด่งดังในวงพวกเรามากแน่ๆ แต่คงเป็ชื่อเสียไม่ใช่ชื่อเสียง"
"เื่แบบนี้มันเป็เื่ปกติ! จะโทษก็ต้องโทษตัวเขาเองที่อ่อนประสบการณ์เกินไป"
"พวกคุณเองก็ไม่แย่นะ แค่โผล่หน้ามาที่นี่ก็ถือว่าได้หน้าจากประธานปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปแล้ว"
หัวหน้าหลงจากบริษัทจงจ้าวหัวเราะปิดท้าย
ขณะที่เฉินเฟิงกำลังรับมือกับคำขอบคุณอย่างอบอุ่นจากพิธีกรสาวสวย เขาก็แอบฟังคำดูถูกจากพวกเ้าของบริษัทอยู่เงียบๆ
ครู่ต่อมา เฉินเฟิงปลีกตัวจากพิธีกรสาวสวย แล้วเดินไปด้านข้างเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องใหญ่ที่ผู้เฒ่าหวังให้ไว้ก่อนจากไป
"ผู้เฒ่าหวังครับ คุณพอจะรู้จักอาคารที่สร้างไม่เสร็จของปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปไหมครับ หลังที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ หอไข่มุกน่ะ"
"ผมเพิ่งใช้ชื่อบริษัทใหม่ของผม เฟิงฮวาเจว๋ต้าย เข้าประมูลซื้อสิทธิ์การพัฒนาแปดสิบเอ็ดเปอร์เซ็นตด้วยราคาแปดแสนหนึ่งหมื่นหยวน"
"แต่เ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายย่อยหลายคนในงานเขาหัวเราะเยาะผมเสียอย่างนั้น"
"ที่ผม้าจะสื่อคือ ก้าวแรกของเฉียนต๋ากรุ๊ปของเราในการเป็บริษัทอันดับหนึ่ง เราต้องเข้าซื้อกิจการบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายย่อยพวกนี้ทั้งหมด"
"พรุ่งนี้คุณลองหารายชื่อดู เอาเป็ว่า ไม่ว่ายังไงถ้าไม่สามารถเข้าซื้อได้ทั้งหมดจริงๆ อย่างน้อยก็อย่าปล่อยให้บริษัท 'จงจ้าว' หลุดรอดไปได้ก็พอครับ"
เฉินเฟิงพูดกับผู้เฒ่าหวังผ่านโทรศัพท์อย่างจริงจัง
เมื่อผู้เฒ่าหวังได้ยินดังนั้น เขาก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาทันที
" ถึงแม้ว่าเฉียนต๋ากรุ๊ปของเรากำลังอยู่ใน่ขาลง แต่การจะเข้าซื้อกิจการบริษัทตัวเล็กจ้อยพวกนี้ ไม่นับเป็อะไรทั้งนั้น ไม่ต้องห่วง พ่อบุญธรรมคนนี้สัญญาว่าจะช่วยแกแก้แค้นแน่นอน อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย แม้แต่สิทธิ์พัฒนาอีกสิบเก้าเปอร์เซ็นต์จากปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ป ทางเฉียนต๋ากรุ๊ปของเราก็พร้อมกวาดมาให้หมด เมื่อถึงเวลา เราสองพ่อลูกค่อยร่วมกันพัฒนาอาคารสองหลังนั้น สำหรับตาทิพย์พลังทำนายอนาคตของแก พ่อคนนี้เห็นด้วยทุกอย่าง แกคงเห็นว่าอาคารสองหลังนั้นมีมูลค่าคู่ควรแก่การพัฒนาและมีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าได้"
หลังจากผู้เฒ่าหวังคิดทบทวนประสบการณ์การที่เขาได้รู้จักกับเฉินเฟิงอย่างรอบคอบในงานเลี้ยง เขาก็เชื่อเฉินเฟิงอย่างสนิทใจ
จะมีนักศึกษามหาลัยปีสามคนไหนถูกรางวัลตั้งห้าสิบสองล้าน มันเป็ไปไม่ได้หรอก
แล้วไหนจะยังเอาเงินไปซื้อที่ดินเปล่าๆ เจ็ดตารางกิโลเมตรที่ไม่มีใครสนใจ หรือโรงแรมที่ขาดทุนต่อกันสองปี ที่ดินแห้งแร้งถัดจากตี้หวาง แล้วยังอาคารสร้างไม่เสร็จสองหลังโดยไม่คิดอะไรอีก
แสดงว่าเขาต้องมั่นใจสุดๆ ต้องรู้อยู่แล้วว่าที่ดินพวกนี้จะมีมูลค่ามากขึ้นแน่ๆ ในอนาคต ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้
แน่นอนว่า เื่ทำนองย้อนเวลากลับชาติมาเกิดมีแค่ในนิยาย ผู้เฒ่าหวังย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว
เขาสรุปกับตัวเองไปแล้วว่า เฉินเฟิงเป็คุณชายน้อยจากกลุ่มนายทุนไหนสักกลุ่มที่ออกมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์
ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มนายทุนลึกลับนี้ต้องเชี่ยวชาญศาสตร์ฮวงจุ้ยและการดูโหงวเฮ้งด้วยแน่
หลังจากเฉินเฟิงได้รับคำมั่นสัญญาจากผู้เฒ่าหวังแล้ว เขาจึงวางสายโทรศัพท์แล้วเดินไปหาหัวหน้าหลงจากบริษัทจงจ้าว
"คุณหลงครับ ผมต้องขอบคุณมากจริงๆ ที่ช่วยผมเล่นละคร" เฉินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่มีท่าทางสนิทสนม แล้วตบบ่าเถ้าแก่หลง ก่อนพูดด้วยความรู้สึกเป็หนี้บุญคุณอีกครั้ง
"ถ้าไม่ใช่เพราะการแสดงอันยอดเยี่ยมของคุณ ผมคงไม่มีทางประมูลอาคารสองหลังที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้ในราคาแค่แปดแสนหนึ่งหมื่นหยวนแน่นอนเลยครับ"
เดิมทีเหล่าเ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กรอบๆ ต่างพูดคุยและส่งเสียงหัวเราะเยาะเฉินเฟิงกัน แต่จู่ๆ มาเห็นเฉินเฟิงตบไหล่เถ้าแก่หลงอย่างสนิทสนมพร้อมกล่าวคำขอบคุณเช่นนี้ ก็ทำให้พวกเขาอึ้งไปชั่วขณะ สีหน้าแต่ละคนต่างซีดเผือดราวกับเผลอกินแมลงวันเน่าเข้าไป
"เถ้าแก่หลง...คุณ...คุณช่างเก่งเหลือเกิน...
ฮืม ต่อจากนี้ไปคุณไม่ใช่พวกของเรา!"
เหล่าเ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายย่อยพวกนี้ต่างส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความโกรธเคือง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
"ผม..."
เถ้าแก่หลงรู้สึกอึดอัดใจอย่างสุดซึ้ง ไม่รู้จะอธิบายยังไง
"ไม่ใช่ว่าพวกคุณกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานเหรอครับ? คุยกันต่อสิครับ..."
เฉินเฟิงมองเหล่าเ้าของบริษัททั้งหลายเดินสะบัดแขนเสื้อจากไป แล้วพูดใส่แผ่นหลังของพวกเขาด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
ถึงพวกเขาจะเยาะเย้ยเฉินเฟิงหลายประโยค แต่ไม่มีประโยคไหนเจ็บแสบเท่ากับที่เฉินเฟิงสวนกลับ
หัวหน้าหลงจากบริษัทจงจ้าวเห็นท่าทางราวกับผู้ชนะแสนใจแคบของเฉินเฟิงแล้ว ก็บังเกิดความรู้สึกอยากตบหน้าเขาให้ดับดิ้น
แต่สุดท้ายเถ้าแก่หลงก็อดกลั้นไว้ได้และรักษาหน้ากากคนใจดีไว้ ก่อนพูดด้วยเสียงลอดไรฟัน
"หนุ่มน้อยเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน วันนี้ฉันขอน้อมรับความพ่ายแพ้ แต่ฉันขอบอกเธอไว้ตรงนี้เลยว่า ในอนาคตบริษัทใหม่ของเธอจะไม่มีทางเติบโตได้เลย จำคำฉันไว้"
เถ้าแก่หลงทิ้งคำขู่อันน่าหวาดหวั่นพร้อมรอยยิ้มแสนอบอุ่นไว้
เฉินเฟิงยักไหล่ไม่แยแส พร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงเ็า
"ไม่ต้องพูดถึงอนาคตหรอกครับ ภายในคืนนี้ บริษัทจ้าวจงของคุณจะไปไม่รอด เดี๋ยวก็มีคนจัดการคุณให้ผมเอง ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ผมก็เป็แค่พาร์ตเนอร์กับบริษัทั์ใหญ่อย่างปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ป และได้สิทธิ์ในการพัฒนาอาคารสองหลังนี้ถึงแปดสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์"
คำพูดของเฉินเฟิงส่งผลให้เถ้าแก่จงจ้าวรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรบางอย่าง เฉินเฟิงก็ถูกเชิญขึ้นรถหรูของประธานปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปโดยพิธีกรสาวสวยแล้ว
ทันทีที่เฉินเฟิงขึ้นรถ เขาเห็นชายวัยกลางคนและเด็กสาวอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปีนั่งอยู่ด้านใน
แม้ว่าเด็กคนนี้จะไม่ได้สวยอะไรมากมาย แต่ก็ดูสง่างามสะดุดตา
อาศัยความรู้เกี่ยวกับปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปจากชาติก่อน เฉิงเฟิงเดาได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คือ หยางฮุ่ยเหยียน หญิงสาวผู้รับสืบทอดบริษัทในอนาคต
เธอเข้ารับ่ต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากพ่อของเธอ หยางกั๋วเฉียง ในตอนที่เธออายุเพียง 25 ปี และกลายเป็ประธานบริษัทคนใหม่ของปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ป
เธอขึ้นแท่นเป็ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในเหยียนหวงถึง 7 ครั้งด้วยกัน
ในระหว่างปี 2019 ถึง 2020 มูลค่าทรัพย์สินในของเธอเพิ่มขึ้นจากหนึ่งแสนหกหมื่นล้านเป็หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นห้าพันล้านภายในปีเดียว
ในปี 2006 หยางฮุ่ยเหยียนแต่งงานกับเฉินอวี่จงที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิงหวา
หยางฮุ่ยเหยียนขึ้นแท่นหญิงสาวผู้ร่ำรวยที่สุดในเหยียนหวงแผ่นดินใหญ่เป็ครั้งแรกในวันที่ 20 เมษายน 2007 ด้วยวัย 26 ปี
ถ้าถามว่าทำไมเฉินเฟิงถึงรู้เื่เธอดีขนาดนี้ เป็เพราะสามีของเธอ ‘เฉินอวี่จง’ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็ลูกพี่ลูกน้องที่อายุน้อยกว่าเขาสี่ปี
เชิงอรรถ
[1] ถูกหลอกแล้วยังช่วยนับเงิน เป็สำนวนที่มีความหมายว่า คนที่ถูกหลอกไม่รู้ตัวว่าตนเองถูกหลอก และยังรู้สึกเป็หนี้บุญคุณต่อคนที่หลอกอีกด้วย
