หั่วอี้บันดาลโทสะขึ้นมาทันใดเขายกมือของหลิ่วจิ้งขึ้นมา ทำให้ของประกันที่หลานตงมอบให้หลิ่วจิ้งเอาไว้เบิกเงินส่องแสงนวลๆภายใต้แสงอาทิตย์ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็เพียงกำไลที่แสนธรรมดาวงหนึ่ง ซึ่งแท้จริงแล้วนี่ก็เป็ความชาญฉลาดของหลานตงกำไลที่ไม่มีราคาย่อมไม่เป็ที่หมายตาของโจรขโมย
หลิ่วจิ้งก้มหน้ามองกำไลวงนั้น เอ่ยอย่างขัดเขินว่า“ข้าสวมสร้อยข้อมือจนเคยชินแล้ว เมื่อขายสร้อยข้อมือเส้นนั้นไป ยามไม่ได้ใส่ก็รู้สึกว่ามือโล่งๆไม่คุ้นเอาเสียเลย พอดีเห็นว่ามือของคนที่มาขอซื้อมีกำไลนี้อยู่ จึงขอเขามาและคงเพราะเป็เพียงของดูเล่นไม่มีราคาค่างวดใด ผู้ซื้อคนนั้นจึงนำมาสวมให้ข้าโดยไม่ลังเล”
หลิ่วจิ้งป้องกันเอาไว้เผื่อจะมีคนมาพบเห็นตอนที่หลานตงสวมกำไลให้นางจึงพูดจริงครึ่งเท็จครึ่งให้หั่วอี้ฟัง เพื่อมิให้วันหน้ามีคนเอามาฟ้องพร่ำเพรื่อ
อวี้จิ่นเอามือปิดปากตนเองไว้แน่น พยายามกลืนเสียงหัวเราะยัดกลับเข้าไปในลำคอแต่นางก็ยังไม่อาจกลั้นเสียงหัวเราะในลำคอได้ ว่าแล้วก็รีบวิ่งออกมานั่งยองๆที่นอกประตู เอาหัวซุกเข่า สะกดอารมณ์ไว้ไม่หัวเราะออกมาแม้สองไหล่จะสั่นระริกแต่มองไปแล้วก็อาจนึกไปได้ว่านางกำลังร้องไห้อยู่
นางได้ยินอิ๋งเหอเล่าให้ฟังนานแล้วว่าความสามารถปั้นเื่ทั้งตาใสๆของฮูหยินสูงส่งนัก สามารถพูดเื่เท็จให้เป็จริง เื่จริงก็พูดให้เป็เท็จได้ก่อนนี้นางไม่ได้ใกล้ชิดกับหลิ่วจิ้งนักจึงไม่รู้ซึ้งเท่าอิ๋งเหอ
วันนี้หลิ่วจิ้งแสดงความสามารถที่ว่าต่อหน้านาง มิเท่ากับเป็การพิสูจน์เื่ที่อิ๋งเหอให้คำวิจารณ์ฮูหยินเอาไว้หรอกหรือ? ความสามารถสูงส่ง สูงส่งจริงๆอวี้จิ่นเห็นว่าหลิ่วจิ้งไม่แม้จะกระพริบตา พออ้าปากก็พูดออกมาได้ในทันทีกลับดำเป็ขาว ปั้นแต่งเหตุผลที่ต้องขายสร้อยข้อมือ และที่มาของกำไลบนข้อมือได้สมจริงนักนางจึงอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ
หลิ่วจิ้งพูดไปน้ำตาก็พรั่งพรูออกมาไม่หยุดเมื่อพูดจบนางก็จ้องไปที่หั่วอี้ พลางหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่มีเสียงร้อง
บุรุษยากผ่านด่านหญิงงามโดยเฉพาะด่านหญิงงามยามดอกหลีต้องน้ำตาเช่นนี้หั่วอี้ยกมือขึ้นมาช่วยเช็ดน้ำตาที่ไม่ยอมหยุดไหลของหลิ่วจิ้งความเ็ปแผ่ซ่านอยู่ในจิตใจเขา ช่างเถิด เพราะเขาก็ละเลยนางอยู่ก่อนมิเช่นนั้นหลิ่วจิ้งจะขัดสนจนต้องขายสร้อยข้อมือเส้นนั้นไปหรือ
คืนนั้นเขาคงทำให้นางใหนักเอาการ กระทั่งนางไม่กล้าออกปากขอเงินกับเขาจึงเกิดความคิดว่าจะขายสร้อยข้อมือเส้นนั้น
“เอาล่ะ เื่นี้ก็เลิกแล้วไปเถิดวันหน้าขอให้ฮูหยินรักษาของที่สามีมอบให้เมื่อใดที่้าเงินก็ไปเบิกที่ห้องบัญชีได้เลยอีกประเดี๋ยวข้าจะสั่งความลงไปว่าให้ฮูหยินมีเบี้ยเดือนสองร้อยตำลึงเงินส่วนค่าใช้จ่ายนอกนั้นก็ให้ฮูหยินไปเบิกเอาที่ห้องบัญชีตามใจข้าจะสั่งความกับห้องบัญชีว่าขอเพียงฮูหยินมาเบิก เบิกเท่าใด ก็ให้เท่านั้น”
หลิ่วจิ้งน้ำตาคลอ เอ่ยอย่างอยากข่มความเ็ปในใจว่า“ข้ายังหวังให้ท่านแม่ทัพคำนึงถึงว่าข้าตัวคนเดียวอยู่ในต่างแดนขอท่านทะนุถนอมข้าให้มาก มิใช่ว่าคอยแต่จะใช้กำลังเข้าว่า”
“ตกลง” หั่วอี้มองหลิ่วจิ้งเนิ่นนานนานจนทำให้หลิ่วจิ้งเดาใจเขาไม่ออก ก่อนจะเห็นเขาพยักหน้าพลางเอ่ยเบาๆออกมาคำหนึ่งว่าตกลง
“โอ๊ย” หลิ่วจิ้งเห็นว่าคิ้วที่ขมวดอยู่ของหั่วอี้คลายลงแล้วคิดว่าเขาคงหายโกรธ จึงก้มหน้ามองที่ข้อมือพลางอุทานออกมา
หั่วอี้มองตามสายตาของหลิ่วจิ้งจึงเพิ่งเห็นว่ามือหยาบใหญ่ของเขาบีบข้อมือบางของหลิ่วจิ้งจนเขียวช้ำไปหมดมิน่าเล่าหลิ่วจิ้งจึงอดร้องออกมาไม่ได้
“อ๊ะ ขออภัยๆ ข้าผิดเอง” หั่วอี้รีบคลายมือออก ะโลั่นว่า“ใครอยู่ข้างนอก รีบเอาเหล้ายามาเร็ว”
อวี้จิ่นหัวเราะพอแล้วก็ยืนรออยู่นอกประตูด้วยััที่หกของสตรีเช่นนาง ท่านแม่ทัพจะต้องถูกฮูหยินจัดการจนอยู่หมัดเห็นทีว่านางไม่จำเป็ต้องกังวลเื่ท่านแม่ทัพแทนฮูหยินแต่อย่างใดนางไม่เชื่อว่าเมื่อท่านแม่ทัพตกอยู่ในบ่วงรักของฮูหยินแล้วจะยังหนีรอดออกมาได้
ในขณะที่อวี้จิ่นกำลังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่นั้นก็ได้ยินหั่วอี้ะโลั่นด้วยความร้อนใจนางใรีบเปิดม่านเข้าไปในห้อง คงมิใช่ว่าฮูหยินถูกท่านแม่ทัพทำให้าเ็หรอกนะสัญชาตญาณของนางผิดพลาดหรือนี่?
ตอนที่นางวิ่งเข้ามาในห้องก็เห็นหั่วอี้กำลังมองข้อมือสีแดงจนม่วงของหลิ่วจิ้งด้วยความสงสาร
รอยช้ำแสนชัดเจนบนข้อมือปรากฏอยู่ตรงหน้า
อวี้จิ่นมองเห็นความอ่อนโยนและเ็ปในดวงตาของหั่วอี้นางจึงวางใจลงได้ นั่นเป็อาการาเ็ภายนอกขอเพียงฮูหยินไม่ได้าเ็ที่ใจเป็พอแล้ว
“ยังไม่รีบไปเอาเหล้ายาเตี๋ยต่าจิ่ว [1] มาอีก”
หั่วอี้เห็นว่าอวี้จิ่นเข้ามาแต่ในมือกลับว่างเปล่า จึงอดะเิอารมณ์ขึ้นมาอีกไม่ได้จังหวะนั่นเองหลิ่วจิ้งก็เอื้อมมือนางไปประกบหลังมือของอีกฝ่าย ดับเพลิงโทสะเขาไว้ได้ทันการณ์
“อ้อ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เ้าค่ะ” อวี้จิ่นเห็นดังนั้นก็รีบออกไปทันที
นิ้วเรียวงามของหั่วอี้ช่วยจับปอยผมของหลิ่วจิ้งมาทัดหูให้นางเอ่ยอย่างอบอุ่นว่า “วันหน้าขอให้ฮูหยินช่วยปรามข้าให้มากๆข้าจะพยายามฟังความคิดเห็นของฮูหยินเสียก่อนค่อยพิจารณาว่าจะมีโทสะหรือไม่”
“เหอๆๆ ท่านแม่ทัพช่างล้อเล่นจริงๆหากท่านแม่ทัพอารมณ์ดีจนถึงขั้นพิจารณาก่อนว่าจะมีโทสะหรือไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีโทสะแล้วเ้าค่ะ” หลิ่วจิ้งเผยรอยยิ้มที่มาจากใจจริงความโกรธที่หลบซ่อนอยู่ในใจมาหลายวัน ที่สุดก็ได้ระบายออกไปแล้ว
หายโกรธแล้ว เื่สร้อยข้อมือก็ดูคล้ายว่าจะรับมือและผ่านไปได้อย่างงดงามเงินก็มีแล้ว ซ้ำยังเป็คลังทองขนาดเล็กที่เป็ของนางเองโดยที่ไม่มีผู้ใดรู้เห็นอีกด้วยหลิ่วจิ้งจึงอารมณ์ดีเอาการ
รอยยิ้มของหลิ่วจิ้งพลอยทำให้หั่วอี้เบิกบานใจไปด้วยพร้อมกันนั้นก็สร้างความปรองดองและเพิ่มสีสันให้แก่ชีวิตในเรือนหลังแห่งนี้อีกไม่น้อย
อวี้จิ่นเอาเหล้ายากลับมาและกำลังจะใส่ยาให้หลิ่วจิ้งแต่กลับถูกหั่วอี้ยั้งไว้
หั่วอี้รับเหล้ายาจากมือของอวี้จิ่นมา ก่อนเปิดแขนเสื้อของหลิ่วจิ้งขึ้นให้เขาทายาได้สะดวก
บุรุษที่เขาเคยอยู่ด้วยในค่ายทหารล้วนแล้วแต่หนังหยาบเนื้อหนากันทั้งสิ้นเขาไร้ประสบการณ์ ยามทายาให้หลิ่วจิ้งจึงลงแรงหนักมือนัก “เจ็บๆๆ”หลิ่วจิ้งเจ็บจนต้องอุทานออกมาในทันใด
หั่วอี้ก้มหน้าลงมองอย่างถี่ถ้วน จะไม่ใช่ได้อย่างไรผิวบอบบางของหลิ่วจิ้งเกือบถูกเขาถูจนถลอกเสียแล้ว
ทันใดนั้นเองแทบจะเป็เวลาเดียวกันทั้งหั่วอี้และหลิ่วจิ้งก็คิดถึงคำพูดที่หลิ่วจิ้งเพิ่งเอ่ยตอนเช้าว่า“ท่านแม่ทัพจะไม่ถลกหนังข้าหรือ”
หลิ่วจิ้งมองข้อมือตนอยู่เงียบๆ นี่ข้าพูดแม่นยำเพียงนี้เชียวพูดถึงสิ่งใดสิ่งนั้นก็มาเลยหรือ
หั่วอี้เป่าลมเบาๆ ใส่ข้อมือของหลิ่วจิ้งหลายครั้งคล้ายว่าทำเช่นนี้จะช่วยบรรเทาความเ็ปของนางได้
ในที่สุดหอหั่วเยี่ยนก็กลับมาเงียบสงบและอบอุ่นเช่นก่อนมาอีกครั้ง
“อีกประเดี๋ยวข้าจะไปเดินซื้อของกับท่าน ดีหรือไม่”ความอ่อนโยนเติมเข้ามาในหัวใจของหั่วอี้ น้ำเสียงเขาจึงทั้งเบาทั้งละมุนละไม
“ดีเ้าค่ะ” หลิ่วจิ้งรู้ว่าหากสามารถกุมหัวใจของหั่วอี้เอาไว้ได้นางย่อมอยู่ห่างจากวันที่จะได้ยืนอย่างมั่นคงในจวนแม่ทัพอีกไม่ไกลแล้ว นางจะไม่ไปยั่วอารมณ์ของเขาอีก
“ท่านแม่ทัพยังจะทานอาหารหรือไม่เ้าคะ?” หลิ่วจิ้งมองเศษอาหารที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้นก่อนจะหันมองหั่วอี้ด้วยสายตาลำบากใจ
“ไม่แล้ว ข้าจะพาท่านออกไปทานข้างนอกทานเสร็จแล้วค่อยไปเดินเที่ยวกัน” ความฝาดเฝื่อนปรากฏอยู่บนสีหน้าของหั่วอี้ เพราะตนแท้ๆพวกเขาจึงกินอาหารต่อไปไม่ได้
เขาไม่ให้ห้องครัวทำมาให้ใหม่ ด้วยรู้สึกติดค้างหลิ่วจิ้งอยู่ในใจและอยากชดเชยให้นางจึงตัดสินใจพาหลิ่วจิ้งไปทานอาหารที่เหลาสุราแทน
หลิ่วจิ้งค่อนข้างไม่แน่ใจ เพราะท่าทีของหั่วอี้เปลี่ยนไปจากเดิมมากนักนางจึงปรับตัวรับไม่ค่อยทัน
“แล้วแต่ท่านแม่ทัพจะจัดการเ้าค่ะ”หลิ่วจิ้งแสร้งทำเป็ตื่นเต้นยินดีเพื่อช่วยให้หั่วอี้ไม่เสียหน้า
“เอาล่ะ เอาพวกเ้าสองคนไปด้วย นับเป็รางวัลที่พวกเ้าจงรักภักดีปกป้องเ้านาย”สิ่งที่อวี้จิ่นทำเมื่อคืนนี้ทำให้หั่วอี้พึงพอใจนักเพราะนางคอยเคียงข้างไม่ทอดทิ้งในยามที่หลิ่วจิ้ง้าการปลอบโยนหนำซ้ำยังช่วยปลอบประโลมหลิ่วจิ้งแทนเขาทางอ้อมด้วย เขาจึงให้พานางไปด้วยในวันนี้
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] เหล้ายาเตี๋ยต่าจิ่ว ในภาษาแต้จิ๋วออกเสียงว่า ดิทตาโจ้ว Dit da Jow เป็ยาสมุนไพรจีนที่ใช้บรรเทาอาการฟกช้ำ กล้ามเนื้ออักเสบ
