“นี่ก็ผ่านไปหลายเค่อแล้ว ฮูหยินของข้านั้นมีปัญหาอันใด ไฉนถึงยังไม่มาหาข้าจนป่านนี้?”
“ท่านโหวเ้าคะ เดี๋ยวข้าจะไปตามฮูหยินมาให้เองเ้าค่ะ”
เหลียนฮวา บ่าวรับใช้สาวผู้มีใบหน้าสวยงามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนหวานล้ำ ดวงตาคู่งามจับจ้องมองเขาราวกับพยายามดึงความสนใจ
“รบกวนเ้าด้วย เหลียนฮวา”
หวังจิ่นหรงกล่าวออกมาโดยที่ไม่หันไปมอง เสียงทุ้มต่ำนั้นเรียบนิ่งแต่ดุดันเหมือนกับสั่งงานพลทหารอย่างไรอย่างนั้น ราวกับว่าความงดงามของบ่าวคนนี้ไม่ได้ส่งผลต่อหัวใจที่แข็งราวกับเหล็กกล้าของเขาเลยแม้แต่น้อย
เมื่อก้าวเท้าถอยหลังออกมาจากศาลาเล็ก เหลียนฮวาหมุนตัวออกไป โดยที่มือเรียวกำลังกำจิกชายกระโปรงแน่น ดวงตาแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาและโทสะที่ปิดไม่มิด ราวกับคำว่า “ฮูหยิน” ที่หลุดออกมาจากปากนั้น เป็ดั่งกับหนอนแมลงวันที่น่ารังเกียจตัวหนึ่ง
แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเท้าออกไป ฮูหยินที่นางจงเกลียดจงชังก็เข้ามายังบริเวณสวนสวยเป็ที่เรียบร้อย
ไป๋ลู่ย่างกรายเข้ามาอย่างอ่อนช้อย วันนี้นางสวมใส่อาภรณ์สีเขียวอ่อน ประดับเรือนผมสีปีกกาด้วยผ้าผูกผมสีแดงและเครื่องประดับผมที่มีรูปร่างคล้ายพัด สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ได้พบเห็นเป็อย่างมาก โดยเฉพาะเ้าของจวนใหญ่แห่งนี้
ใบหน้าคมที่ดูเคร่งขรึมนั้นกลับขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ราวกับว่าสตรีตรงหน้าเป็คนแปลกหน้าสำหรับเขา…
ส่วนทางด้านของเหลียนฮวานั้น แม้จะนิ่งเงียบแต่ในใจกลับร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก ปกติฮูหยินเด็กคนนี้มักจะสวมใส่อาภรณ์สีจืดชืดไม่มีความโดดเด่นแต่อย่างใด แม้ว่าใบหน้าจะงดงามมากเพียงใดแต่สิ่งที่สะท้อนออกมามีพียงความหม่นหมอง แต่ในวันนี้กลับดูสดใสราวกับวสันต์ฤดู ซึ่งความสดใสนี้มันกำลังเรียกไฟร้อนรุ่มภายในใจของบ่าวคนนี้ได้เป็อย่างดี
แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัว ท่านโหวก็โบกสะบัดมือเบาๆ ราวกับเป็สัญญาณให้เหลียนฮวาออกไปจากศาลาแห่งนี้ แม้จะไม่พอใจมากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจจปฏิเสธผู้เป็นายได้ อย่าให้ถึงวันที่นางสามารถปีนเตียงของท่านโหวได้ก็แล้วกัน วันนั้นนางจะเอาคืนฮูหยินอย่างสาสม ที่บังอาจมาแย่งคนที่นางแอบพึงใจ
ถือว่าเป็ครั้งแรกในฐานะชีวิตใหม่ของไป๋ลู่ที่ได้พบหน้าสามีแต่งของตน คำว่างดงามราวกับเทพเซียนนั้นสามารถใช้กับบุรุษตรงหน้าได้อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ หากบอกว่าคนผู้นี้เป็เทพเซียน นางก็คงจะเชื่ออย่างหมดใจ
แต่แววตาที่เผล่งประกายออกมาจากดวงตาสีทองนั้น มันช่างดูคุ้นเคย เหมือนกับแววตาของใครบางคน…
“วายุ?”
สายตาของสองสามีภรรยาสบมองกันหลังจากที่ห่างหายจากาไปร่วมสามปี หากเป็คู่อื่นแล้วจะต้องสวมกอดด้วยความคิดถึงคะนึงหา แต่ทว่าสำหรับนายใหญ่ของจวนนี้แล้ว
“ฮูหยินของข้า เ้ามาอยู่ที่จวนแห่งนี้ได้สามปีแล้ว ตระกูลไป๋ไม่ได้สั่งสอนเื่มารยาทขั้นพื้นฐานเกี่ยวเื่การตรงต่อเวลาหรืออย่างไร? รู้ตัวหรือไม่ว่าเ้ามาสายไปถึงสองเค่อ”
เสียงทุ้มต่ำกล่าวออกมาอย่างเฉยเมยราวกับว่าคำพูดเหล่านี้เป็สิ่งที่เขาเคยชินเวลาพูดกับผู้ใต้บังคับบัญชา ทว่ามันกลับสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับคนตรงหน้าเป็อย่างมาก
หลังจากได้ยินคำพูดคำจาเช่นนี้ออกจากปากผู้ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็สามี ไป๋ลู่คนนี้จึงเลิกประทับใจในรูปโฉมของคนผู้นี้ทันที
“อะไรนะ?” รู้สึกเหมือนเขากำลังกล่าวหาว่านางไร้การอบรม ทั้งที่ตัวนางซึ่งเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็ยังรู้ดีว่านั่นเป็คำพูดที่ร้ายแรงเพียงใด
“ข้าเพียงสงสัยว่าเสนาบดีไป๋ไม่เคยสอนเื่ความตรงต่อเวลาหรืออย่างไร ฮูหยินถึงได้มาร่วมโต๊ะสาย ทั้งที่ข้าต้องสะสางงานกองทัพและเอกสารสำคัญมากมาย หากข้าล่าช้า งานเ่าั้จะได้รับผลกระทบ...”
“แล้วใครสั่งให้ท่านรอล่ะ ท่านเป็ถึงโหวแดนเหนือ เป็เ้าของจวนแห่งนี้ ท่านย่อมเลือกจะทานอาหารเวลาไหนก็ได้หนิ จะเสียเวลารอข้าทำไม? หรือว่าท่านคิดว่าข้าปรารถนาที่จะร่วมโต๊ะกับท่านเสียเต็มประดา?”
“นี่เ้า!” ั้แ่เกิดมาสาบานได้ว่าไม่เคยมีใครกล้าพูดกับหวังจิ่นหรงเช่นนี้มาก่อน แม้แต่บิดาผู้เคร่งครัดยังไม่เคยกล่าววาจาร้ายแรงเช่นนี้ต่อหน้าเขา
“ขนาดคืนเข้าหอเสร็จ ท่านยังรีบจากจวนไปโดยไม่หันกลับมาเลยมิใช่หรือ? ตัวท่านเองก็ชอบทำตามใจตัวอยู่แล้ว แล้วจะมาสนใจร่วมโต๊ะกับข้าทำไมกัน หากทำตามหัวใจตัวเองอีกสักครั้ง ข้าก็หาได้ว่าใจร้าย เพราะในสายตาของข้านั้น ท่านก็เป็คนใจคอโหดร้ายั้แ่แรกแล้ว”
“ไป๋ลู่!” หัวใจของหวังจิ่นหรงนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองที่ยากจะระงับ นางชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว หากเขาไม่ควบคุมนางในตอนนี้ อนาคตอาจนำปัญหามาสู่จวนโหวอย่างแน่นอน
“หากวันหลังท่านโหวรู้สึกหิวหรืออยากรับสำรับอาหาร ท่านสามารถแจ้งให้บ่าวจัดเตรียมได้โดยตรง ไม่จำเป็ต้องรอข้าอีก ข้าคงไม่มีมารยาทดีพอที่จะร่วมโต๊ะกับท่าน และเกรงว่าคงไม่เหมาะที่จะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันเช่นนี้ต่อไป”
หลังจากกล่าวจบ นางสะบัดหน้าหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้ท่านโหวผู้ยิ่งใหญ่ยืนนิ่งอยู่ในศาลา ดวงตาคมเข้มจับจ้องแผ่นหลังของนางที่ไกลออกไป
“ลู่เอ๋อร์... เหตุใดเ้าถึงเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้?”
หวังจิ่นหรงพึมพำเบาๆ สายตาของเขาจับจ้องไปยังแผ่นหลังของไป๋ลู่ที่กำลังเดินจากไป แม้ใบหน้าจะยังคงความเยือกเย็น แต่แววตากลับเผยความวูบไหวที่ยากจะซ่อน
เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากศาลาด้วยท่าทีเงียบขรึม แต่แฝงไว้ด้วยความขุ่นเคืองที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจอย่างไม่อาจระงับ
ด้านท้ายของจวนโหว ฮูหยินคนงามกำลังนั่งปรับทุกข์กับต้นเหมยแดงต้นหนึ่ง แม้ในจวนแห่งนี้จะมีต้นเหมยแดงมากมาย แต่ว่าต้นไม้ต้นนี้ใหความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ไม่รู้ว่าทำไมแต่นางรู้สึกคุ้นเคยกับเหมยแดงต้นนี้เป็อย่างมาก
ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวกับความทรงจำของร่างเดิมหรือไม่ เพราะกระแสความทรงจำนั้นได้ฉายให้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นคือตอนที่ตื่นขึ้นมาในร่างนี้ครั้งแรก ทำให้หญิงสาวยังไม่สามารถปะติดปะต่อเื่ราวได้ทั้งหมดในตอนนี้
“เป็ข้าๆ ก็คงจะฆ่าตัวตายเช่นกันแหละ ผู้ชายดีๆ มีตั้งมากมายแต่ดันได้สมรสพระราชทานให้มาแต่งกับสามีปากร้ายคนนี้!”
ขนาดตายแล้วทะลุมิติมายังโลกนี้ก็ยังมิวายโดนคนอื่นดูถูกเหยียดหยาม ไม่ว่าโลกไหนก็ไม่มีคนใจดีกับเราเลยสักคน…
่เวลาที่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เนื่องจากทรัพยากรและความใส่ใจที่ได้รับจากผู้ดูแลมีจำกัด การทำอาหารกินเองหรือจัดการชีวิตประจำวันโดยลำพัง กลายเป็สิ่งที่อลิษานั้นจะต้องพัฒนาตัวเองเพื่อความอยู่รอด
การเติบโตมาโดยปราศจากครอบครัวทำให้อลิษาไม่คุ้นเคยกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับใคร ความโดดเดี่ยวนี้ยิ่งทวีคูณเมื่อเธอมักถูกเพื่อนร่วมชั้นมองว่าเป็คนแปลกแยก
“ทำไมเสื้อของเธอถึงดูเก่าแบบนี้?”
“ไม่มีบ้านให้กลับหรือไง?”
“ไม่มีพ่อแม่คอยดูแลเลยหรือ?”
คำพูดเหล่านี้กลายเป็เสียงสะท้อนที่ตอกย้ำความแตกต่างในตัวเธออยู่เสมอ การที่จะมีใครสักคนที่ยอมรับภูมิหลังหรือความแปลกแยกเช่นนี้ได้ดูเหมือนเป็เื่ยากเกินไขว่คว้า
สำหรับอลิษาแล้วการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวและพึ่งพาตัวเองนั้นดูท่าจะง่ายกว่าการรอให้ใครสักคนยอมรับ
หลังจากนั่งปรับทุกข์กับต้นเหมยแดงจนจิตใจนั้นสงบลงไป๋ลู่จึงเดินออกมา พร้อมกับผิงผิงที่วิ่งตามนายตนด้วยความสงสัยอย่างอดมิได้
คุณหนูของบ่าว นับั้แ่ฟื้นขึ้นมาจากการจมน้ำ ไฉนถึงเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้?
“คร่อก” เสียงท้องร้องดังขึ้นในขณะที่ไป๋ลู่กำลังเดินไปเดินมาในเรือนของตน เห็นว่าผิงผิงเดินไปบอกให้บ่าวคนอื่นยกสำรับอาหารมาให้นาง แต่รอจนแล้วจนเล่าก็ยังไม่มีใครยกสำรับอาหารมาให้แต่อย่างใด
“ผิงผิง บอกข้าทีว่าโรงครัวไปทางไหน?”
“คุณหนู...ฮุูหยิน ท่านว่าอะไรนะเ้าคะ!”
“ข้าถามว่าโรงครัวไปทางไหน ข้าจะไปหาอะไรกินสักหน่อย นี่มันก็นานมากแล้วแต่ทำไมถึงยังไม่ใครยกสำรับมาให้กับข้า หรือว่าคนในจวนนี้จงใจแกล้งข้าเพราะว่าข้านั้นไม่เป็ที่โปรดปรานของท่านโหว”
สงสัยจะอ่านนิยายหรือดูละครจีนโบราณมากไป เพราะเคยอ่านเจออยู่บ่อยครั้งว่าภรรยาที่สามีไม่รักมักจะถูกคนรับใช้รังแก
“ฮูหยินอย่าใส่ใจเลยนะเ้าคะ ใครไม่รักฮูหยินก็ช่าง แต่บ่าวนั้นรักและเทิดทูนท่านมาก อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะเ้าคะ หากเป็คุณหนูที่ได้แต่งงานกับองค์ชายใหญ่ บางทีชีวิตของท่านอาจสุขสบายมากกว่านี้”
“องค์ชายใหญ่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้