การไปจากแคว้นเป่ยสุ่ยของหลัวเลี่ย ได้ทำให้เกิดการผจญภัยครั้งใหม่
หลัวเลี่ยชายหนุ่มผู้โด่งดังที่ทุกคนจำได้ในเวลาเพียงสองถึงสามเดือน เขาใช้แค่สองสิ่งเพื่อพลิกสถานการณ์และเปลี่ยนขั้วอำนาจของแคว้นเป่ยสุ่ย นอกจากนี้ยังยับยั้งการก่อฏที่จะเกิดขึ้นได้อีกด้วย
หลิวจื่ออั๋งและกองกำลังที่ทรงพลังอื่นๆ ที่มาแคว้นเป่ยสุ่ยเพื่อตามหา ‘มีัอยู่ในเป้า’ เริ่มกระจายกำลังกันค้นหาจากใจกลางแคว้นเป่ยสุ่ยอีกครั้ง มองหา ‘มีัอยู่ในเป้า’ ที่พวกเขาคิดว่ามีคุณสมบัติจะขึ้นเป็เทพได้
พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า ‘มีัอยู่ในเป้า’ ที่พวกเขาสงสัยแท้จริงแล้วก็คือหลัวเลี่ย
ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ
มีเพียงรถม้าไล่ตามพระจันทร์เท่านั้นที่กำลังมุ่งหน้าลงทางทิศใต้
จุดหมายปลายทางของพวกเขาคือ...แคว้นจินหลาน!
แคว้นจินหลานเป็หนึ่งในแคว้นที่แข็งแกร่งระดับปานกลางจากทั้งหมดแปดร้อยแคว้น ตามที่หลัวเลี่ยได้ยินมาจากหลิวจื่ออั๋ง ว่าผู้ที่สามารถถอนคำสาปแม่มดได้คือท่านราชครูแห่งแคว้นจินหลาน
หลิวจื่ออั๋งบอกเขาเื่นี้และจะช่วยเขาจัดการ เพียงแต่มีเงื่อนไขหนึ่งข้อในการจะให้ท่านราชครูแห่งแคว้นจินหลานช่วยเสวี่ยปิงหนิง
นั่นคือขอให้หลัวเลี่ยช่วยคว้าชัยชนะในการประลองยุวราชันครั้งต่อไปให้แก่แคว้นจินหลาน โดยรางวัลทั้งหมดจะมอบให้กับหลัวเลี่ยเพียงคนเดียว พวกเขา้าเพียงชัยชนะมาให้แก่แคว้นจินหลานเท่านั้น
นอกจากนี้หลิวจื่ออั๋งยังรับปากหลัวเลี่ยว่า ก่อนสิ้นสุดการประลองยุวราชัน ไม่ว่าจะเป็ตระกูลของชงโหวหู่หรือหลิวหงเหยียน จะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าและสร้างความวุ่นวายให้เขาอีก
สิ่งแลกเปลี่ยนคือหลิวจื่ออั๋งนำตราัทองเซียวเหยาของหลัวเลี่ยไปแล้ว
ในรถม้าไล่ตามพระจันทร์ แพนด้าน้อยปั้นได้ปรากฏตัวขึ้น
ทันทีที่มันปรากฏตัว แพนด้าน้อยก็ตรวจสอบเสวี่ยปิงหนิงด้วยท่าทางที่เหมือนนักเวท
“เ้ารู้เื่เวทหรือ” หลัวเลี่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ต้นกำเนิดของแพนด้าน้อยปั้นนั้นลึกลับมาก และไม่แน่ใจว่ามันมีความสามารถพิเศษใดอีกหรือไม่
แพนด้าน้อยปั้นตรวจสอบอยู่เป็นาน จากนั้นจึงหยิบไผ่เจ็ดสีออกมาอย่างอึดอัดใจ และกัดกินสองสามคำ “รักษาไม่ได้”
หลัวเลี่ยรู้สึกท้อแท้มาก “รักษาไม่ได้ แล้วทำไมเ้าถึงตรวจสุ่มสี่สุ่มห้า”
“ข้ามีคาถาลึกลับมากมาย มีทั้งใช้ต่อสู้และมีทั้งใช้รักษา” แพนด้าน้อยปั้นเอ่ยอย่างอึดอัดใจ “แต่อาการหลับใหลที่เกิดจากการปะทะกันของเวทชั้นต่ำนั้น ข้ารักษาไม่ได้จริงๆ”
“อะไรนะ ระดับต่ำเกินไปจนเ้ารักษาไม่ได้ แต่หากระดับสูงเ้ารักษาได้หรือ” หลัวเลี่ยกล่าว
แพนด้าน้อยปั้นตอบ “แน่นอน รักษาได้ ยิ่งเวทชั้นสูงยิ่งรักษาได้ดี”
หลัวเลี่ยไม่เชื่อ “เ้าโอ้อวดเกินไปแล้ว ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ารักษาโรคภัยไข้เจ็บเล็กน้อยไม่ได้ แต่รักษาโรคร้ายแรงให้หายได้”
“เ้าอย่าไม่เชื่อข้า ข้าทำได้จริงๆ” แพนด้าน้อยปั้นะโ แล้วเปลี่ยนต้นไผ่เจ็ดสีในมือที่แทะอยู่ให้กลายเป็พู่กัน จากนั้นก็ท่องคาถาพลางลูบพู่กันเจ็ดสีอย่างลวกๆ
พรึ่บ!
เมื่อมันััลงบนพู่กัน ตัวรถม้าไล่ตามพระจันทร์ก็เปล่งประกายรัศมีออกมา
หลัวเลี่ยเลิกม่านขึ้นดู ทันใดนั้นเขาก็พบว่าต้นไม้สองข้างทางที่หักโค่นได้งอกขึ้นใหม่และเติบโตอีกครั้ง
“มา มา ช่วยรักษาอาการาเ็ที่ไหล่ของข้าที” หลัวเลี่ยชี้ไปที่ไหล่ซ้ายของเขา ซึ่งยังคงเจ็บมากและมีเืไหลซึมออกมา ทำให้เขาอ่อนแอเล็กน้อย
“อาการาเ็เล็กน้อยเกินไป รักษาไม่ได้” แพนด้าน้อยปั้นส่ายหัว
หลัวเลี่ยกลอกตาและพูดว่า “น้อยๆ หน่อยเถอะ เมื่อครู่เ้าสามารถฟื้นฟูต้นไม้ที่หักโค่นให้เติบโตขึ้นมาใหม่ได้ แต่กลับบอกว่ารักษาาแของข้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ จะแปลกประหลาดเกินไปแล้ว”
แพนด้าน้อยปั้นได้แต่ทำตามเท่านั้น
พู่กันสีสันสดใสฉายรัศมีเปล่งประกายและตกลงบนตัวของหลัวเลี่ย
ผลคือหลัวเลี่ยไม่รู้สึกอะไรเลย
“ถ้าเ้า้าให้ข้ารักษา มันต้องเป็เื่ใหญ่เท่านั้น ดังนั้นเ้าอาจจะต้องทำให้าแเป็หนักขึ้นอีก” ทันใดนั้นแพนด้าน้อยปั้นก็ใช้พู่กันเจ็ดสีที่มันถืออยู่ตีเข้าที่ไหล่ซ้ายของหลัวเลี่ยอย่างรุนแรง
ตุ้บ!
สำหรับร่างกายที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งทนทานของหลัวเลี่ยนั้น เมื่อถูกทุบด้วยพู่กันเจ็ดสีกลับทำให้กระดูกสะบักของเขาถึงกับหัก
“อ๊าก!”
หลัวเลี่ยที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความเ็ป
“แพนด้าน้อยปั้น เ้ากำลังหาเื่อยู่หรือ” หลัวเลี่ยโกรธจัด
แพนด้าน้อยปั้นรีบโบกพู่กันในมือและร่ายมนตร์ทันที พู่กันเจ็ดสีในมือถูกหมุนหนึ่งครั้ง จากนั้นรัศมีของแสงก็ตกลงมาบนร่างของหลัวเลี่ย
เกิดประกายวาบขึ้น
เมื่อมองไปที่หลัวเลี่ยอีกครั้ง าแตรงไหล่ซ้ายของเขาหายเป็ปกติอย่างรวดเร็วจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า สะบักที่หักได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อย และร่างกายที่อ่อนแอของเขาก็ฟื้นตัวราวกับว่าไม่เคยได้รับาเ็มาก่อน
“ข้ารักษาเรียบร้อยแล้ว” แพนด้าน้อยปั้นพูดอย่างโอ้อวด
หลัวเลี่ยจ้องไปที่แพนด้าน้อยปั้นด้วยความรู้สึกอยากจะสาปแช่ง เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
ไม่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยได้ แต่กลับสามารถรักษาอาการหนักๆ ได้
ให้ตายเถอะ แบบนี้หากาเ็อีกในอนาคต ถ้าอยากหายก็ต้องทำให้าเ็หนักหรือ ไม่สมเหตุสมผลจริงๆ
“มาคุยกันเถอะ แม้ว่าวิธีการรักษานี้กระทั่งนักเวทระดับสูงก็ไม่อาจทำได้ แต่มันไม่สามารถแก้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ได้” หลัวเลี่ยกล่าวอย่างจริงใจ “ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าทำไมนามสกุลของเ้าถึงเป็ปั้น (ครึ่งหนึ่ง)”
“ทำไมหรือ” แพนด้าน้อยปั้นถาม
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “เพราะเ้าเป็คนครึ่งๆ กลางๆ เป็นักเวทที่ไม่ได้บริสุทธิ์มาก”
แพนด้าน้อยปั้นพูดซื่อๆ “ข้าบริสุทธิ์มาก ข้ายังเป็บุรุษ อา ยังเป็หมีแพนด้า”
หลัวเลี่ยปวดหัว
เนื่องจากเขาไม่มีเวลาสื่อสารกับแพนด้าน้อยปั้นในคุกกลืนอสูร ดังนั้นเขาจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความสามารถของมันเลย ในวันข้างหน้านอกเหนือจากการฝึกฝนวรยุทธ์และดูแลเ้าหญิงนิทราเสวี่ยปิงหนิงแล้ว หลัวเลี่ยคงต้องค่อยๆ เรียนรู้และสื่อสารกับแพนด้าน้อยปั้นให้มากขึ้น
จากคำพูดของแพนด้าน้อยปั้น ได้กระตุ้นความทรงจำที่ซับซ้อนในหัวของเขา ความทรงจำที่สำคัญมากบางอย่างถูกผนึกเอาไว้ และเมื่อถึงเวลามันก็จะค่อยๆ ปลดปล่อยออกมาเอง
ในความทรงจำทั้งหลาย มีหลายสิ่งที่หลัวเลี่ยไม่เคยได้ยิน อย่างแพนด้าน้อยปั้นรู้ว่าแหวนปีศาจที่หลัวเลี่ยใส่ให้มันเป็แหวนปีศาจระดับสูงสุด ซึ่งถือได้ว่าเป็ต้นกำเนิดที่แท้จริงของแหวนปีศาจ มันเป็แหวนปีศาจที่หายากที่สุดในโลกที่สามารถคุกคามอสูรที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเทพได้ และในดินแดนเหยียนหวงตลอดหลายยุคหลายสมัยนี้ก็มีแหวนปีศาจแท้จริงอยู่ไม่เกินสิบวง ซึ่งบางวงก็พังทลายไปแล้ว
หลังจากที่หลัวเลี่ยได้เรียนรู้เกี่ยวกับเื่นี้ เขาก็รู้สึกะเืใจมากเช่นกัน ไม่แปลกใจที่ราชันผู้พิชิตจะเก็บแหวนปีศาจไว้เป็สมบัติ ต้นกำเนิดของมันพิเศษมาก
พวกเขาไม่พบการลอบสังหารใดๆ จนกระทั่งมาถึงเมืองหลวงของแคว้นจินหลาน เห็นได้ชัดว่าหลิวจื่ออั๋งปฏิบัติตามสัญญาที่เคยให้ไว้ เพราะทั้งชงโหวหู่และหลิวหงเหยียนไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
ระหว่างทางพบกลุ่มโจรเป็ครั้งคราว แต่ภายใต้ไอพลังของซูชิวเชิง พวกมันทั้งหมดก็หลีกหนีไปไม่กล้าเข้าใกล้
พวกเขาตรงไปที่เมืองหลวงของแคว้นจินหลานโดยไม่มีสิ่งใดมาขัดขวาง
ในฐานะแคว้นที่แข็งแกร่งระดับปานกลางในบรรดาแปดร้อยแคว้น พระาาของแคว้นจินหลานมีความมั่งคั่งกว่าพระาาของแคว้นเป่ยสุ่ยถึงสิบเท่า นอกจากนี้ภายในเมืองก็คึกคักยิ่งนัก
หลัวเลี่ยซึ่งรีบร้อนจะรักษาเสวี่ยปิงหนิงไม่มีความอดทนที่จะสำรวจรอบๆ ดังนั้นเขาจึงให้ซูชิวเชิงบังคับรถม้าตรงไปที่จวนของซาเฉียนหลี่ ราชครูแห่งแคว้นจินหลานโดยทันที
เห็นได้ชัดว่าราชครูซาเฉียนหลี่ได้เตรียมการต้อนรับมานานแล้ว ทันทีที่รถม้าของหลัวเลี่ยมาถึง เขาก็ออกมาทักทายด้วยตนเอง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลัวเลี่ยก็ยังคงมีสถานะเป็อ๋องสองตำแหน่งของแคว้นเป่ยสุ่ย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำขอจากหลิวจื่ออั๋ง ซึ่งเป็ผู้าุโคนเจ็ดในสาขาหลักของหอเซียวเหยา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
เมื่อเข้าสู่จวนของราชครูแล้ว พวกเขาก็ตรงไปยังพื้นที่ที่ท่านราชครูซาเฉียนหลี่ได้จัดเตรียมไว้ให้
หลัวเลี่ยอุ้มเสวี่ยปิงหนิงขึ้น เขาเดินเข้าไปในห้องนอนและวางนางลงบนเตียง หลังจากพูดคุยกับราชครูซาเฉียนหลี่ ราชครูก็เริ่มตรวจสอบอาการของเสวี่ยปิงหนิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้