เมื่อเ้าของแผงเห็นว่ามีคนสนใจหินหยกที่ขายไม่ออกมาหลายปีก้อนนั้นของตนเอง ดวงตาของเขาก็ลุกเป็ประกาย หลังจากนั้นเขาก็รีบกดมันคืนกลับไปทันที เขาแกล้งทำเป็มองคนรอบๆ อย่างไม่สนใจนัก แต่ทว่าสายตาของเขากลับเหลือบไปมองทางหลินเยว่อยู่บ่อยๆ แต่เขาก็พยายามไม่ทำให้ดูผิดปกติมากจนเกินไป
หินหยกก้อนที่อยู่ตรงหน้าหลินเยว่มีเปลือกผิวนอกเป็สีขาวเทา แต่้ามีรอยเป็เส้นเล็กๆ สีเหลืองดำปรากฏขึ้นอยู่หลายเส้น แต่ละเส้นมีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน และก็ดูไม่เป็ระเบียบแบบแผน
หลินเยว่คิดอยู่ชั่วครู่ เปลือกผิวที่มีรอยเส้นสีเหลืองดำเบื้องหน้านี้เป็เปลือกสนิมเหล็กอย่างแท้จริง เป็เปลือกผิวที่มีโอกาสพนันได้สูงมาก เมื่อพบกว่าหินหยกก้อนนี้เป็เปลือกสนิมเหล็ก หลินเยว่ก็เกิดอาการตื่นเต้นดีใจอยู่ในใจ เขาจะโชคดีอะไรขนาดนี้ แค่เพิ่งมาถึงก็จะเก็บตกได้ของดีอย่างนั้นหรือ?
หลินเยว่พยายามกดความรู้สึกตื่นเต้นดีใจของตัวเองลงไป เขาเริ่มสังเกตต่อไปเรื่อยๆ เม็ดทรายตรงเปลือกนอกไม่ได้ละเอียดมาก ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง จับพลิกไปมาก็ดูไม่เลว มีน้ำหนักและดูเป็ระเบียบทีเดียว
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ลักษณะภายนอกที่แสดงว่ามีโอกาสการพนันได้สูงมาก ถ้าเป็ไปตามปกติ เปลือกสนิมเหล็กที่มีลักษณะภายนอกเช่นนี้ โดยทั่วไปเมื่อผ่าแล้วจะมีฐานและสีที่ดี ไม่มีการกลัวว่าฐานเป็สีเทา แต่จะกลัวว่าจะไม่มีสีมากกว่า เพราะหากมีสีแล้ว สีที่ปรากฏจะต้องเขียวสดใสและแสงจะต้องทะลุผ่านได้ดีมากอีกด้วย
หินหยกที่มีโอกาสพนันได้สูงมากเช่นนี้ เพราะเหตุใดถึงถูกวางทิ้งไว้ตรงนี้ไม่มีใครสนใจเลยล่ะ?
หลินเยว่เริ่มรู้สึกสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ เขาตรวจสอบผิวภายนอกทั้งหมดของหินหยกก้อนนี้แล้ว ก็ไม่พบว่ามีรอยตำหนิหรือรอยร้าวตรงไหน ดอกสนก็มีอยู่ไม่น้อย แล้วยังมีลายเส้นงูเหลือมสีขาวจางๆ เส้นหนึ่งอีกด้วย อีกทั้งมีอยู่ตำแหน่งหนึ่งที่มีประกายสีเขียวปรากฏอยู่ เปลือกผิวและลักษณะภายนอกทั้งหมดนี้ดูดีมาก หรือว่าเป็เพราะ......
“เถ้าแก่ หินหยกก้อนนี้ราคาเท่าไร?”
หลินเยว่หันหน้าไปถามเ้าของแผง
เ้าของแผงยิ้มเล็กน้อย แล้วกางนิ้วทั้ง 5 ออกมาใส่หลินเยว่
ห้าแสนหยวน?
ราคานี้ถือว่าไม่แพง ลักษณะภายนอกดูดีขนาดนี้ แล้วมันยังเป็หินหยกมีน้ำหนักเป็สิบกิโลขึ้นไป ราคานี้ถือว่าไม่แพงเลย แต่กลับดูค่อนข้างถูกเกินไปเสียด้วยซ้ำ
แต่ทว่าหลังจากนั้นคำพูดของเ้าของแผงก็ทำให้หลินเยว่ใสะดุ้งเฮือกจนแทบล้มลงไปกองลงกับพื้น
“ห้าล้านหยวน?”
“เท่าไรนะ?” หลินเยว่มองเ้าของแผงตาโต ห้าล้านหยวน คุณคิดจะปล้นกันหรือไง!
“ห้าล้านหยวน ขาดไปหยวนเดียวก็ไม่ได้ นี่เป็เปลือกสนิมเหล็ก แล้วยังมีลักษณะภายนอกดีขนาดนี้ มีโอกาสพนันได้สูงมาก ดังนั้น จึงมีราคาห้าล้านหยวน ขาดไปหยวนเดียวก็ไม่ขาย”
น้ำเสียงของเ้าของแผงมีความหนักแน่นมาก ในที่สุดหลินเยว่ก็รู้ว่าเพราะเหตุใดหินหยกที่มีลักษณะดีเช่นนี้ถึงไม่มีใครสนใจเลย เพราะมันเป็การปล้นกันชัดๆ ถึงลักษณะภายนอกจะดีเช่นไร แต่ราคาห้าล้านหยวนก็สูงเกินไปอยู่ดี มันมีความเสี่ยงสูงมาก
หลินเยว่ไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วหมุนตัวจากไปทันที ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังพิเศษตาทิพย์สามารถมองสภาพภายในของหินหยกก้อนนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ทว่าราคาห้าล้านหยวนมันสูงเกินงบประมาณของเขาไปมาก อีกทั้งเขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะใช้พลังพิเศษนี้ได้กี่ครั้งในหนึ่งวัน ถึงด้านในจะเป็มรกต เขาก็คงได้แต่มองตาปริบๆ อยู่ดี เขาควรจะมองหาหินหยกก้อนเล็กๆ สักสองสามก้อนแล้วผ่าออกมาเพื่อหากำไรก่อนแล้วค่อยคิดต่อว่าควรจะทำอย่างไรดีมากกว่า
เมื่อเห็นว่าหลินเยว่เดินจากไป เ้าของแผงจึงถอนหายใจออกมา เฮ่อ! หนีไปอีกคนนึงละ หรือว่าเขาควรจะลดราคาลงสักหน่อย?
ไม่สิ ห้ามลดราคาเด็ดขาด นี่เป็ราคาที่ท่านปรมาจารย์แห่งหยกเป็คนตั้งให้เขาเลยนะ!
เขาจะต้องเจอกับคนที่กล้าจ่ายเงินจำนวนนี้เพื่อพนันหินหยกก้อนนี้ในสักวัน!
เมื่อคิดถึงจุดนี้ สีหน้าของเ้าของแผงที่เกิดความลังเลเมื่อสักครู่พลันกลับมาหนักแน่นมั่นใจเหมือนเดิม
เมื่อหลินเยว่เดินออกมาจากแผงร้านแรก เขาจึงพบว่าเขาไม่เห็นเฮ่อโย่วจ้างเสียแล้ว เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องสนใจหินหยกสักก้อนแล้วก็คงนั่งยองๆ สำรวจมันอย่างละเอียด
หลินเยว่เดินมองตามแผงอีกหลายแผง แต่เขาก็ยังไม่พบหินหยกที่น่าสนใจเลยสักก้อน แต่เป็เพราะว่าเขาเริ่มรู้สึกเหนื่อยขึ้นมา ดังนั้น เขาจึงนั่งลงยองๆ อยู่หน้าแผงร้านหนึ่ง และมือของเขาก็จับพลิกหินหยกก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่งไม่หยุด
เ้าของแผงเป็ชายวัยกลางคนที่มีอายุสี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง เขาเป็ชายร่างเล็กแต่ดูฉลาดปราดเปรียวทีเดียว
“เถ้าแก่ ร้านของคุณมีหินหยกที่ดีที่น่าสนใจบ้างหรือเปล่า?” หลินเยว่ถามขึ้น
ประโยคนี้ของหลินเยว่ทำให้เ้าของแผงอึ้งไปชั่วขณะ หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ คนคนนี้น่าจะเป็พวกมือใหม่ เพราะพวกที่เชี่ยวชาญแล้วจะไม่มีทางถามคำถามแบบนี้ออกมา
“มีสิ มีอยู่แล้ว หินหยกร้านผมดีที่สุดบนถนนสายนี้เลยนะ คุณดูก้อนพวกนี้สิ......” เ้าของแผงชี้ไปยังกองหินหยกที่วางแอบอยู่มุมหนึ่ง พวกมันมีสีดำมอมแมมดูไม่ได้เลย แต่เขาพูดขึ้น “พวกนี้เป็หินหยกมาเิเกรดค่อนข้างดี มีโอกาสมีสีเขียวง่ายมากเลยล่ะ”
“หินหยกมาเิอย่างนั้นหรือ?”
หลินเยว่มองไปตามมือที่เ้าของแผงชี้ไว้ เมื่อเขาเห็นหินหยกเ่าั้ สมองของเขาก็เริ่มปรากฏลักษณะเฉพาะของหินหยกมาเิ “ทรายดำแต่สีดำจะมีสีเทาปนอยู่ด้วย โดยปกติการทะลุของแสงจะไม่ค่อยดี และมักจะมีการแทรกด้วยไหมดำหรือว่าหมอกขาว ส่วนสีเขียวมักจะเป็สีเขียวไปทางสีฟ้า”
แต่ลักษณะเฉพาะเหล่านี้เมื่อเทียบกับหินหยกสีดำมอมแมมพวกนี้แล้ว... หลินเยว่จึงได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆ หากดูว่าเป็ทรายดำก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่มันไม่มีสีเทาปนอยู่ เพราะมันเป็สีดำล้วน และเม็ดทรายบนเปลือกผิวนอกก็หยาบมาก มันต้องเป็ของเกรดต่ำอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะไปที่แผงไหน ทำไมถึงได้มีแต่คนคิดว่าเขาเป็พวกมือใหม่ แล้วคอยคิดจะเอาเปรียบตลอดเลยล่ะ?
หากเป็มือใหม่ก็จะไม่ค่อยรู้เื่อะไร ดังนั้น คนที่ขายหินหยกจึงมักจะจ้องหลอกพวกมือใหม่ไว้ก่อน พวกเขาจะพูดจาสวยหรูทำให้อีกฝ่ายหลงเชื่อจนยอมควักเงินซื้อ โดยปกติคนที่เคยมีประสบการณ์การพนันหินหยกจะต้องผ่านการถูกหลอกแบบนี้กันมาแล้วทั้งนั้น พอถูกหลอกถูกเอาเปรียบบ่อยๆ ก็จะค่อยๆ ฉลาดขึ้นมาเอง
“เถ้าแก่ คุณหลอกกันเกินไปหรือเปล่า นี่ไม่ใช่หินหยกมาเิสักหน่อย น่าจะเอามาจากเหมืองเล็กๆ ตรงไหนสักแห่งมากกว่า”
เมื่อเห็นสีหน้าฝืนยิ้มของหลินเยว่ ชายวัยกลางคนที่เป็เ้าของแผงคนนี้ก็อึ้งไปชั่วครู่ ในใจเขาแอบคิดว่าไอ้หนุ่มคนนี้ก็พอมีความรู้อยู่เหมือนกัน แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดขัดเขินเลย กลับพูดจาหนักแน่นมากยิ่งกว่าเดิม “นี่เป็หินหยกมาเิจริงๆ หากคุณไม่เชื่อผมก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร หากคุณไม่สนใจล่ะก็ คุณก็ลองดูพวกนี้สิ” แล้วเขาก็ชี้ไปยังหินหยกที่มีขนาดค่อนข้างเล็กแทน
“หินหยกพวกนี้เป็หินหยกต่ามู่ข่าน”
หลินรู้สึกเหนื่อยใจกับความหน้าด้านหน้าทนของเ้าของแผงผู้นี้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มองตามนิ้วมือที่เ้าของแผงชี้ไป
พวกมันเป็หินหยกสีเทาน้ำตาลและสีเหลืองที่กระจายไปทั่วอย่างไม่สม่ำเสมอ แต่ละก้อนมีขนาดเพียงประมาณหนึ่งกิโลกรัมเท่านั้น
และนี่ก็เป็ลักษณะเฉพาะของหินหยกต่ามู่ข่านจริงๆ ดังนั้น หลินเยว่จึงเริ่มเปลี่ยนความสนใจไปที่จุดนี้ เขาหยิบหินหยกขึ้นมาแล้วค่อยๆ เริ่มพิจารณาขึ้น
เ้าของแผงรู้สึกว่าตนเองประเมินไอ้หนุ่มคนนี้ไว้สูงจนเกินไป ที่แท้ก็เป็แค่มือใหม่อ่อนหัดคนหนึ่งเท่านั้น!
สายตาที่เ้าของแผงมองหลินเยว่ก็สะท้อนประกายความดูถูกขึ้นมาชั่วครู่ ถึงแม้ว่าเขาจะหาเงินจากพวกมือใหม่ แต่พวกมือใหม่กลับเป็คนที่วงการนี้มองอย่างดูถูกเป็ที่สุด แต่พวกเขาจะยกย่องนับถือเหล่าปรมาจารย์แห่งหยกที่มีสายตาเฉียบคมเป็อย่างมาก
แต่เมื่อหลินเยว่เดินเข้าไปถึงตรงนั้น เขาก็คิดในใจว่าลืมไปได้เลยว่ามันเป็หินหยกต่ามู่ข่าน เพราะหินหยกพวกนี้ก็แค่หลอกตาว่าเป็หินหยกต่ามู่ข่านเท่านั้นแหละ ขณะที่หลินเยว่คิดจะไปคิดบัญชีกับเ้าของแผงวัยกลางคนผู้นี้ เขาพลันเห็นหินหยกก้อนหนึ่ง เขารีบยื่นมือไปคว้าหินหยกก้อนนั้นขึ้นมา
หลินเยว่มองหินหยกในมืออย่างละเอียด เปลือกนอกเป็สีน้ำตาลเทา ตัวเปลือกมีความละเอียดไม่มากนัก ดูค่อนข้างหยาบ ลักษณะภายนอกไม่มีดอกสน มีเพียงลายเส้นงูเหลือมเส้นเล็กๆ เส้นหนึ่งเท่านั้น หากไม่ได้เป็เพราะหลินเยว่ตาดี เขาไม่มีทางมองเห็นลายเส้นงูเหลือมเส้นนี้อย่างแน่นอน และที่สำคัญและมีค่ามากที่สุดก็คือท่ามกลางแสงอาทิตย์สาดส่อง ด้านใต้ลายเส้นงูเหลือมตรงนี้มีประกายสีเขียวสะท้อนขึ้นแต่เห็นไม่ค่อยเด่นชัด และประกายสีเขียวนี้ไม่มีทางเป็สิ่งที่คนตั้งใจป้ายลงไป เพราะหากไม่ได้สะท้อนกับแสงอาทิตย์ย่อมไม่มีทางเห็นอย่างแน่นอน และเมื่อสักครู่ก็เป็เพียงชั่วพริบตาที่หลินเยว่กวาดตาไปเห็นพอดี ซึ่งเป็จังหวะที่เห็นประกายสีเขียวนั่นเอง
ปกติหยกที่ได้จากต่ามู่ข่านจะเป็หยกที่มีเนื้อค่อนข้างดี และแสงทะลุผ่านได้ดี ดังนั้น หยกที่ตัดมาจากหินหยกต่ามู่ข่านย่อมไม่เลวทีเดียว แต่จะมีหมอกขาวและหมอกเหลืองเยอะหน่อย นอกจากนี้หยกที่ได้จากที่นี่ยังมีหยกอีกสีก็คือหยกสีแดง มันจะเป็สีประหนึ่งโลหิตหรือเปลวเพลิง ซึ่งเป็หยกที่มีราคาสูงและเป็ของล้ำค่าอีกด้วย
สมองของหลินเยว่จึงเริ่มคิดถึงลักษณะเฉพาะของหินหยกต่ามู่ข่าน และสุดท้ายเขาก็สรุปออกมาได้ว่า หินหยกในมือของเขาก้อนนี้มีโอกาสพนันชนะได้สูงมาก
ขณะที่เขากำลังเตรียมจะใช้พลังพิเศษตาทิพย์นั้น เขาพบว่าชายวัยกลางคนเ้าของแผงผู้นี้กำลังมองมาที่เขา ทำให้เขาไม่มีโอกาสใช้พลังพิเศษนี้ได้เลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้