แอ๊ด!!!
จระเข้เขี้ยวดาบตัวเต็มวัยวิ่งหนีออกไปด้วยความเร็วสูง มันออกไปนอกถ้ำในพริบตาเดียวและวิ่งออกห่างไปอีก
รวมไปถึงจระเข้เขี้ยวดาบตัวอื่นๆ ที่อยู่ห่างจากปากถ้ำไม่ไกล ก็เหมือนจะหนีออกไปราวกับเห็นผีเช่นกัน
โลงศพนี้แข็งแกร่งมาก เสิ่นเสวียนจับฝาโลงศพเอาไว้ เขาต้องออกแรงมหาศาลจึงทำให้มันเคลื่อนที่ได้เล็กน้อย
“เปิดสิ!”
เสิ่นเสวียนกัดฟันแน่น จากนั้นฝาโลงศพที่ปิดสนิทก็ค่อยๆ ถูกลากเปิดออกทีละนิด ทำให้เห็นภายในโลงศพชัดเจนขึ้น
สีแดง!
ภายในโลงก็เป็สีแดงเหมือนกัน
ด้านนอกทาสีแดง ส่วนด้านในก็ทาสีแดงเช่นกัน ผนังโลงศพทั้งสี่ด้านเขียนคำว่า ‘สะกด’ เอาไว้เต็มไปหมด
โดยทั่วไปแล้ว โลงศพที่ถูกฝังจะทาสีแดงเอาไว้ภายนอกเพื่อขับไล่ิญญาร้ายและปกป้องิญญาที่อยู่ภายใน
ส่วนที่ทาสีแดงไว้ภายในแสดงถึงความโชคดีและอายุยืนยาว
แต่การเขียนคำว่าสะกดเอาไว้ภายในไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น นี่หมายถึงการสะกดิญญา สะกดความชั่วร้ายไว้ไม่ให้ออกไปภายนอก
เสิ่นเสวียนจ้องมองอยู่ ไม่เข้าใจว่าใครกันที่มีความแค้นมากมายขนาดนี้ เอาคนในโลงศพมาขังไว้ที่นี่
เสิ่นเสวียนยังคงเปิดฝาโลงศพต่อไป แรงดึงดูดที่รุนแรงทำให้เขาต้องออกแรงมากกว่าเดิม จึงค่อยๆ เปิดฝาได้ทีละน้อย
และหน้าตาของคนในโลงศพก็ค่อยๆ เปิดเผยให้เสิ่นเสวียนได้เห็น
สตรี!
ร่างนั้นเป็สตรีนางหนึ่งที่สวมชุดสีแดง เครื่องประดับสีแดง และมีผ้าปกปิดใบหน้า แต่ก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความงดงามภายใต้ผ้าปิดหน้านั้น นางมีผิวขาวเนียน แม้จะหลับตาอยู่แต่ก็ดูออกว่านางเป็สตรีที่งดงามมากคนหนึ่ง
นางนอนอยู่ภายในนั้นอย่างสงบราวกับนอนหลับอยู่
“งามยิ่งนัก...”
เสิ่นเสวียนที่กำลังเปิดฝาโลงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ เขามีชีวิตมากว่าพันปีแล้ว มีสตรีแบบใดบ้างที่ไม่เคยเห็น แต่เขาไม่เคยเจอสตรีอย่างนี้มาก่อนเลย สตรีนางนี้ไม่ว่าส่วนใดก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ
ตึง!
เสิ่นเสวียนเปิดฝาโลงไปแล้วครึ่งหนึ่งก็หยุดมือ จากนั้นเขาก็ะโขึ้นไปบนฝาโลงศพที่เปิดออกแล้วครึ่งนั้น พลางมองสตรีในโลงศพอย่างพิจารณา
อีกฝ่ายดูเหมือนมีอายุราวยี่สิบปี ชุดสีแดงบนร่างไม่เหมือนกับชุดที่ต้องสวมให้คนตายเลยจริงๆ
“ไปๆ มาๆ คิดไม่ถึงว่าเราจะมีวาสนาต่อกัน”
เสิ่นเสวียนมองอีกฝ่ายพลางกล่าว
ภายในโลงศพ นอกจากนางที่นอนอยู่อย่างสงบแล้วก็ไม่มีสิ่งของอย่างอื่นอีก แต่ยิ่งเป็เช่นนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกแปลก
เขาอยากรู้ถึงเื้ัและตัวตนของสตรีผู้นี้ และเหตุใดร่างของนางจึงถูกตั้งไว้ที่นี่
“หืม?”
เสิ่นเสวียนมองอีกฝ่าย แล้วพบว่าที่ต่างหูข้างซ้ายของนางมีตัวอักษรเล็กๆ สลักเอาไว้ มันเล็กมากจนถ้าไม่สังเกตก็คงไม่เห็น
เสิ่นเสวียนเห็นดังนั้นจึงก้มลงแล้วยื่นมือเข้าไปจับต่างหูของนาง
เสิ่นเสวียนในตอนนี้กำลังนอนหมอบอยู่บนฝาโลงศพ มือข้างหนึ่งยันขอบโลงศพเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งยื่นลงไปด้านล่าง ทำให้เขาประจันหน้ากับสตรีด้านล่างห่างกันเพียงหนึ่งฉื่อเท่านั้น
เขาระมัดระวังมากขณะที่ยื่นมือไปคว้าต่างหู อีกฝ่ายงดงามมาก รวมกับร่างที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่นานเท่าไรแล้วไม่รู้ อาจแตกสลายไปขณะถูกััก็ได้ เขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายต้องหายจากโลกนี้ไปเพราะความอยากรู้อยากเห็นของตนเอง
นิ้วมือของเขาััต่างหูเบาๆ จากนั้นจึงพลิกมันขึ้นมา ทำให้เห็นว่าบนนั้นเขียนไว้เพียงสองคำ
เสวียนหลิง!
“เสวียนหลิง?”
เสิ่นเสวียนมองด้วยความสงสัย ตัวอักษรนี้ไม่เหมือนตัวอักษรของโลกนี้ แต่เหมือนมาจากโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรมากกว่า
“ขออภัยที่รบกวน โปรดอภัยให้ด้วย”
เสิ่นเสวียนค่อยๆ วางต่างหูลง มองสตรีชุดแดงที่นอนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ เขากล่าวออกมาด้วยเสียงเบา กังวลว่าตนเองจะทำให้อีกฝ่ายร่างสลายไปเพียงเพราะลมหายใจของตนเอง
แม้จะวางต่างหูลงไปแล้วแต่เขายังไม่ปล่อยมือ นิ้วมือของเขาอยู่ห่างจากใบหน้าขาวเนียนเพียงหนึ่งชุ่นเท่านั้น
ทุกคนต่างมีจิตใจรักความงาม เสิ่นเสวียนอยากััความงดงามเช่นนี้สักครั้ง เขามองอีกฝ่ายว่าเป็ร่างไร้ิญญาจริงๆ หรือเป็เพียงภาพมายา สัญญาณถึงพลังชีวิตจะยังมีอยู่อีกไหม
หากว่ามีสัญญาณเพียงเล็กน้อย ไม่แน่ว่าอาจช่วยให้นางฟื้นคืนกลับมาได้
ความจริงแล้วเขาแค่อยากมองอีกฝ่ายนานๆ เท่านั้น
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ วางมือลงบนผ้าคลุมหน้าสีแดง ััผิวผ่านผ้าสีแดงผืนนั้น
มันยืดหยุ่นเป็อย่างมาก ผิวของนางดูบอบบางจนสามารถแตกสลายได้แม้เพียงสายลมพัดผ่าน
“นี่ไม่ใช่ร่างไร้ิญญาหรอกหรือ”
เสิ่นเสวียนมองอีกฝ่ายพลางกล่าวด้วยความใ เขาใช้พลังจิติญญาััแล้วก่อนหน้านี้ มั่นใจว่าอีกฝ่ายคือร่างไร้ิญญาแล้วจริงๆ
เหตุใดตอนนี้ร่างไร้ิญญานี้จึงดูเหมือนอาจยังไม่ตาย เพียงแค่นอนหลับอยู่เฉยๆ เท่านั้น
“นี่คือร่างไร้ิญญา”
เสียงสตรีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูของเสิ่นเสวียน
เสิ่นเสวียนที่นอนแนบอยู่บนฝาโลงศพรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด เขาดึงมือกลับทันที ท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่รู้ตัวว่าทำผิดไป ขณะเดียวกันก็พลิกตัวลุกขึ้นยืนบนฝาโลงศพ
เสิ่นเสวียนยืนอยู่้าไม่กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว เพราะสตรีชุดแดงที่นอนอยู่ในโลงศพก่อนหน้านี้กำลังยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของฝาโลงศพ และมองเขาอยู่ด้วยรอยยิ้ม
“เ้าััร่างของข้า?”
สตรีชุดแดงถามเสิ่นเสวียน ท่าทางคล้ายอาจารย์ดุศิษย์
“ข้า... ข้า...”
เสิ่นเสวียนไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร ได้แต่เอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“ข้า... ข้าเพียงแค่ดูว่าท่านยัง...”
เสิ่นเสวียนรู้ว่ากล่าวอะไรออกมาตอนนี้ก็ดูเหมือนแก้ตัว
นางเห็นเสิ่นเสวียนเป็เช่นนี้จึงหัวเราะออกมาเบาๆ
“เ้ามีนามว่าอะไร”
เสียงของนางดูล่องลอย ทว่าไพเราะมาก
แม้แต่เสิ่นเสวียนยังแปลกใจ จิตใจของตนเองแข็งแกร่งมากขนาดไหน เหตุใดจึงจิตใจว้าวุ่นได้เช่นนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าร่างิญญาร่างหนึ่ง หรือว่าเป็เพราะตนเองแอบััร่างของอีกฝ่ายจริงๆ
“ข้าชื่อเสิ่นเสวียน”
เสิ่นเสวียนตอบอีกฝ่าย
“เสิ่นเสวียน มีชื่อเหมือนกับข้าคำหนึ่ง ข้าชื่อเสวียนหลิงเอ่อร์ เ้าเรียกข้าว่าหลิงเอ่อร์ก็พอ”
“หลิงเอ่อร์? ท่านคือิญญาหรือ” เสิ่นเสวียนถามด้วยความสงสัย
“ใช่แล้ว เ้าไม่ได้เห็นร่างของข้าไปแล้วหรือ นอนอยู่ตรงนั้นอย่างไรเล่า เพียงแต่ข้าโดนผนึกไว้ในโลงศพโลงนี้ หากไม่ใช่เพราะเ้าเปิดฝาโลงศพออก ข้าคงออกมาไม่ได้”
เสวียนหลิงเอ่อร์ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวเท่าไรนักกับสถานการณ์ของตนเอง คล้ายว่ากำลังเล่าเื่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“ช่วยเล่าเื่ของท่านให้ข้าฟังได้ไหม”
เสิ่นเสวียนอยากฟังเื่ราวของอีกฝ่ายมาก หรือไม่นางอาจบอกเขาได้ว่าเหตุใดถึงโดนสะกดไว้ที่นี่
“ข้าไม่อยากเล่า ทว่าร่างกายของเ้าพิเศษมาก สามารถคลายผนึกของโลงศพได้ ก่อนหน้านี้มีเด็กตัวน้อยๆ คนหนึ่งอยากเปิดฝาโลงศพออก จนกระทั่งตายไปแล้วก็ยังเปิดไม่ออก สุดท้ายจึงย้ายข้ามาไว้ที่นี่”
เสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวด้วยความรู้สึกไม่เป็สุข นางโดนเก็บซ่อนไว้ที่นี่ยิ่งไม่มีทางถูกเปิดออกได้ ความโดดเดี่ยวกินเวลายาวนานนัก
ทว่าสิ่งที่เสิ่นเสวียนได้ยินกลับต่างออกไป ตนเองเปิดฝาโลงได้ นอกจากสิ้นเปลืองแรงมากแล้วก็ไม่เห็นต้องทำอย่างอื่นเลย โดยเฉพาะเด็กตัวน้อยที่อีกฝ่ายกล่าวถึง
“เด็กคนนั้นที่ท่านกล่าวถึง มีนามว่าจี๋เล่อใช่หรือไม่”
“ใช่ เด็กน้อยคนนั้นเอง”
เสวียนหลิงเอ่อร์พยักหน้า พันปีแล้วที่ไม่มีมนุษย์คนไหนเข้ามาถึงที่นี่ได้ ความทรงจำของนางมีเพียงผู้เฒ่าจี๋เล่อคนเดียว
“หากข้า้าแลกเปลี่ยนกับเ้า เ้าจะทำไหม”
เสวียนหลิงเอ่อร์ส่งยิ้มน้อยๆ ให้เสิ่นเสวียน
“แลกเปลี่ยนสิ่งใด”
เสิ่นเสวียนโดนตัวตนของเสวียนหลิงเอ่อร์ดึงดูด โดยเฉพาะที่อีกฝ่ายบอกว่าเคยรู้จักผู้เฒ่าจี๋เล่อมาก่อน และยังบอกว่าผู้เฒ่าจี๋เล่อเป็เด็กตัวน้อย แสดงว่าอายุของนางต้องมากกว่าผู้เฒ่าจี๋เล่ออย่างแน่นอน หากเป็คนอื่นคงเห็นเสวียนหลิงเอ่อร์เป็บรรพบุรุษาุโไปแล้ว
แต่เขากลับไม่เป็อย่างนั้น อายุของเขาเทียบกับนางแล้วอาจมากกว่าด้วยซ้ำ
“เ้าพาข้าออกไป แล้วข้าจะไม่ถือโทษโกรธเคืองเ้า และยังจะพาเ้าไปหาเด็กน้อยคนนั้นด้วย”
เสวียนหลิงเอ่อร์ยื่นข้อเสนอที่เสิ่นเสวียนยากจะปฏิเสธออกมา