แม้ว่าพลังวัตรของเสวียนเทียนเพิ่งถึงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดแต่หลี่อี้ฉางกลับใช้คำเรียกขานว่า ‘ศิษย์พี่’ ประการที่หนึ่งเป็การแสดงความนับถือของผู้แพ้ต่อผู้ชนะประการที่สองเป็การแสดงความขอบคุณที่หลี่อี้ฉางมีต่อเสวียนเทียน!
ความพ่ายแพ้ไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือความผิดหวัง!
หลี่อี้ฉางแต่เดิมเป็คนฉลาดเพียงแต่ถูกเสวียนเทียนที่มีพลังวัตรขั้นแปดเอาชนะได้ในยี่สิบหกกระบวนท่าในชั่วครู่ยากจะยอมรับจึงผิดหวัง ถอดใจ แต่เมื่อได้เสวียนเทียนเตือน สติก็ตื่นกลับมาเผชิญความจริงได้
หลี่อี้ฉางขอบคุณเสวียนเทียนประโยคหนึ่งก็หมุนกายะโลงเวทีประลองไปใบหน้าของเขาเหมือนกับฝานหง ไม่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว ไม่มีความเคียดแค้น
คนที่ดูอยู่ด้านข้างอาจตื่นใกับความสามารถของเสวียนเทียนแต่หลี่อี้ฉางที่เผชิญหน้ากับการโจมตีของเสวียนเทียนโดยตรงกลับััได้ว่ากระบี่ของเสวียนเทียนน่ากลัวเพียงไรกระบี่ที่เร็วถึงขีดสุด กดชั้นเชิงกระบี่อันพลิกแพลงพิสดารของเขาไว้ได้เสียสนิทเอาชนะหลี่อี้ฉางด้วยความง่ายดายราวกับโค่นไม้เฉาถอนไม้ผุ
เสวียนเทียนลงจากเวทีประลองตามหลังมาการแข่งขันเข้าสู่รอบที่แปด ศิษย์ที่เข้าแปดอันดับแรกสี่คนก่อนหน้าตัดสินออกมาแล้วได้แก่หมายเลข 1 ไป๋จั่นเฮ่อ หมายเลข 2 จางหลง หมายเลข 3 หยางติ่งจวิน หมายเลข 4 หลินอู๋อิ่ง
หลังจากนี้ยังมีการแข่งอีกสามคู่แต่เสวียนเทียนไม่สนใจ วันนี้เวลาสายแล้วหลังแข่งขันเสร็จยังต้องแข่งขันตัดสินอันดับที่ 9 ถึง 16 การแข่งขันรอบที่แปดต้องรอถึงพรุ่งนี้ถึงจะเริ่มดำเนินขึ้นได้
การแข่งขันพรุ่งนี้ แปดเข้าสี่ สี่เข้าสองสองชิงหนึ่ง จำนวนการแข่งขันไม่มาก ดังนั้นการแข่งขันรอบที่แปด เก้า และสิบล้วนจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้
รายชื่ออันดับสุดท้ายของการแข่งขันจัดอันดับศิษย์สำนักนอกของปีนี้พรุ่งนี้ก็จะได้เห็นกันว่าใครอยู่อันดับใด
เมื่อกลับมายังที่พักเสวียนเทียนก็เริ่มนั่งสมาธิสงบลมหายใจทันที
วันพรุ่งนี้ต้องแข่งขันสามรอบคู่ต่อสู้ที่ต้องเผชิญ ล้วนเป็ยอดฝีมือที่หนึ่งของที่หนึ่งในบรรดาศิษย์สำนักนอกต้องพักผ่อนร่างกายให้พร้อม ใช้สภาพที่พร้อมที่สุดรอรับการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
เสวียนเทียนบรรลุเพลงกระบี่ถลาลมจนถึงจุดสุดยอดแล้วเพลงกระบี่ใช้ได้ดั่งใจไม่จำเป็ต้องฝึกฝนอีก
คืนนี้เสวียนเทียนเตรียมจะพักผ่อนให้ดีเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อการต่อสู้สามรอบในวันพรุ่งนี้
ผ่านไปไม่นาน การแข่งขันรอบที่ห้าก็ปิดฉากลงหวงสือกลับมายังที่พัก บอกชื่อศิษย์สามคนที่ได้เข้ารอบที่แปดหลังเสวียนเทียน ซึ่งก็คือหม่าเทา จูตัน และกู้ซีหยวน
หลังการแข่งขันเสร็จสิ้นก็ถึงเวลาอาหารเย็นของสำนักนอกเมื่อเสวียนเทียนทานอาหารเย็นกับหวงสือเสร็จ เดินเล่นครึ่งชั่วยาม เสวียนเทียนก็กลับมายังที่พักนอนพักผ่อนแต่หัวค่ำ
ค่ำคืนที่เงียบสงบผ่านไป
วันต่อมาลานศิษย์นอกสำนักกระบี่์ก็คึกคักขึ้นมาั้แ่เช้าตรู่
วันนี้เป็วันสุดท้ายของการแข่งขันจัดอันดับศิษย์สำนักนอกใครชนะใครแพ้? ใครจะหัวเราะถึงท้ายที่สุดเสวียนเทียนม้ามืดคนนี้จะยืนหยัดไปได้นานเท่าไร?
ปริศนาทั้งปวง จะได้กระจ่างแจ้งกันในวันนี้
“รอบที่แปด คู่ที่หนึ่ง หมายเลข 1 ไป๋จั่นเฮ่อกับหมายเลข 7 หม่าเทาเวทีประลองหมายเลขหนึ่ง”
“รอบที่แปด คู่ที่สอง หมายเลข 2 จางหลง กับหมายเลข 8 กู้ซีหยวนเวทีประลองหมายเลขสอง”
......
คู่ต่อสู้ของไป๋จั่นเฮ่อกับจางหลงไม่นานก็ถูกจับขึ้นมา
สีหน้าของหยางติ่งจวินปรากฎรอยยิ้มลูกศิษย์ที่เป็ฉลากให้จับเหลือแค่จูตันกับเสวียนเทียนสองคนแล้วเขามีโอกาสร้อยละห้าสิบที่ในรอบนี้จะจับได้เสวียนเทียนเป็คู่ต่อสู้
เมื่อคิดถึงตู้เหวินเค่อและเหลียงจ้งที่ถูกเสวียนเทียนทำให้พ่ายแพ้ไปอีกทั้งทั้งสองคนยังได้รับาเ็จากฝีมือของเสวียนเทียนหยางติ่งจวินก็ยิ่งเคียดแค้นเสวียนเทียนจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เมื่อถึงตาหยางติ่งจวินจับฉลากเขาเดินมาถึงข้างหีบ คลำเข้าไปข้างใน ไม่นานก็คลำพบแผ่นป้ายแผ่นหนึ่ง หยิบขึ้นมา
พอเห็นตัวเลขบนป้ายหยางติ่งจวินพลันแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา ตัวเลขบนนั้นคือ 10
ผู้าุโหานรับแผ่นป้ายไปแล้วประกาศเสียงดังว่า“รอบที่แปดคู่ที่สาม หมายเลข 3 หยางติ่งจวินกับหมายเลข 10 จูตัน เวทีประลองหมายเลขหนึ่ง”
เพิ่งพูดจบ ผู้าุโหานก็ประกาศต่อ “รอบที่แปด คู่ที่สี่ หมายเลข 4 หลินอู๋อิ่ง กับหมายเลข 467 หวงเทียนเวทีประลองหมายเลขสอง”
เหลือเพียงหลินอู๋อิ่งกับเสวียนเทียนสองคนย่อมไม่ต้องจับฉลากแล้ว ทั้งสองคนย่อมต้องเป็คู่ต่อสู้กัน
เมื่อได้ยินคำของผู้าุโหานบนใบหน้าของหลินอู๋อิ่งพลันปรากฏรอยยิ้ม
แม้ว่าความเร็วกระบี่ที่เสวียนเทียนใช้เอาชนะหลี่อี้ฉางจะรวดเร็วเป็อย่างมากแต่หลินอู๋อิ่งได้ฉายาว่ากระบี่เร็ว ความเร็วกระบี่รวดเร็วเช่นกันปีที่แล้วในการแข่งขันจัดอันดับ หลินอู๋อิ่งก็ใช้กระบี่เร็วเอาชนะหลี่อี้ฉางความสามารถยังเหนือกว่าหลี่อี้ฉางหนึ่งขั้นดังนั้นแม้ว่าเสวียนเทียนจะใช้กระบี่เร็วเอาชนะหลี่อี้ฉางได้แต่ในใจหลินอู๋อิ่งก็ยังคงมั่นใจเป็อย่างมากว่าจะต้องใช้กระบี่ที่รวดเร็วยิ่งกว่าเอาชนะเสวียนเทียนได้แน่
“ข้าจะทำให้ทุกคนได้รู้ว่า ฉายา ‘กระบี่เร็ว’ เป็ของข้าหลินอู๋อิ่งเพียงผู้เดียว”หลินอู๋อิ่งคิดอยู่คนเดียวในใจ
ลานกว้างวันนี้โล่งขึ้นมาก เวทีประลองทั้งแปดรื้อไปแล้วหก เหลือเพียงสอง
เสวียนเทียนมาถึงเวทีประลองหมายเลขสองการต่อสู้ของจางหลงกับกู้ซีหยวนเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
กู้ซีหยวนเป็ศิษย์พี่หญิงอันดับหนึ่งของตำหนักสามอายุประมาณสิบเจ็ดปี รูปร่างออกไปทางตัวเล็กน่ารัก ผิวขาวมากแม้ว่าจะสู้หลิงซิงเยว่กับไป๋หลิงไม่ได้ แต่ก็ไม่เสียทีเป็สาวงามคนหนึ่ง
ท่วงท่ากระบี่ของกู้ซีหยวนฉับไว รวดเร็ว ยามที่นางวาดกระบี่ราวกับกำลังเริงระบำดูไปแล้วประทับใจคนยิ่งนัก หากจะบอกว่าในการแข่งขันจัดอันดับครั้งนี้ยังมีการแข่งขันของผู้ใดที่ได้รับความนิยมพุ่งสูงเช่นเสวียนเทียนคนผู้นั้นย่อมต้องเป็กู้ซีหยวน
จูตันศิษย์หญิงอีกคนหนึ่งผิวค่อนข้างดำหน้าตาห่างชั้นจากกู้ซีหยวนไปหนึ่งขุม พูดถึงความนิยมห่างไกลจากกู้ซีหยวนมาก
ส่วนท่วงท่ากระบี่ของจางหลงรุนแรงเวลาปกติจางหลงก็ราวกับกระบี่เปลือยฝักเล่มหนึ่งอยู่แล้ว เมื่อต่อสู้ขึ้นมา รัศมีคมกริบเ่าั้ยิ่งเผยออกมามากกว่าเดิมทั้งร่างมีไอพลังพวยพุ่งขึ้นฟ้าเห็นเป็เงากระบี่เล่มั์เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ากระแสลมสูงสิบเมตรบนอากาศ ตั้งตรงประดุจกระบี่ อัดแน่นไม่มีอ่อนแรง
ทุกกระบี่ที่จางหลงโจมตีออกมา พลังราวกับภูผาทลายคลื่นั์ถาโถมทรงพลังอย่างมาก กู้ซีหยวนแม้ว่าจะว่องไวปานใดแต่ภายใต้การโจมตีของจางหลงก็ยากจะหลีกหลบ ถอยหลังไม่หยุดรับกระบี่ของจางหลงได้สิบหกกระบี่ กู้ซีหยวนก็ถูกบีบมาจนถึงขอบเวที ไม่มีที่ให้ถอยเพื่อหลบปราณกระบี่ที่ฟันลงมาของจางหลงทำได้เพียงะโลงจากเวที แพ้การแข่งขันไป
ส่วนเวทีประลองที่หนึ่ง ไป๋จั่นเฮ่อกับหม่าเทาการต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็วหม่าเทาป้องกันไป๋จั่นเฮ่อได้เพียงสิบสามกระบี่ก็พ่ายแพ้
ไป๋จั่นเฮ่อและจางหลงทั้งคู่เอาชนะคู่ต้อสู้เข้าสู่การแข่งขันรอบที่เก้า เข้าสู่สี่อันดับแรก
ต่อมาก็มาถึงตาการแข่งขันของหยางติ่งจวินกับจูตันและหลินอู่อิ่งกับเสวียนเทียน
การแข่งขันของหยางติ่งจวินกับจูตันผลลัพธ์ไม่ต้องคาดเดา ความสามารถของหยางติ่งจวินเทียบกับไป๋จั่นเฮ่อและจางหลงมีแต่สูงกว่าไม่มีต่ำกว่า เขาเป็คนที่มีหวังจะคว้าอันดับหนึ่งของสำนักนอกมากที่สุดการเข้าไปสู่สี่อันดับแรกเป็เื่แน่นอนราวตะปูตอกตรึงไม้กระดาน
ส่วนหลินอู๋อิ่งกับเสวียนเทียนนั้นผลลัพธ์ต้องคาดเดาแล้ว
เสวียนเทียนเอาชนะหลี่อี้ฉางโดยใช้กระบี่เร็วแต่หลินอู๋อิ่งบังเอิญเป็กระบี่เร็วอันดับหนึ่งของสำนักนอกแห่งสำนักกระบี่์
ดังนั้น! โดยส่วนใหญ่ศิษย์มากกว่าเก้าส่วนสายตาล้วนหันมาที่ลานประลองหมายเลขสอง
“ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ! ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ!”
“ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ! ศิษย์พี่หวง ต้องชนะ!”
.........
.........
ก่อนหน้านี้ครึ่งปี เสวียนเทียนเป็เพียงศิษย์ธรรมดาชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่คนหนึ่งครึ่งปีให้หลังพลังวัตรบรรลุขั้นแปดยิ่งไปกว่านั้นทะลุเข้ามาจนถึงการแข่งขันจัดอันดับแปดอันดับแรก เขาเป็ตำนานหนึ่งของศิษย์ธรรมดาเสวียนเทียนเพิ่งเหยียบเวทีประลอง ศิษย์ธรรมดาที่ครองจำนวนคนข้างมากก็ส่งเสียงให้กำลังใจขึ้นมา
ความนิยมของเสวียนเทียน เพียงพริบตาก็เอาชนะหยางติ่งจวินกับจูตันที่กำลังต่อสู้อยู่ในเวลาเดียวกันหรือแม้กระทั่งหลินอู๋อิ่งที่ลงต่อสู้สนามเดียวกันอย่างง่ายดาย
“พวกเบาปัญญา”
ศิษย์ชั้นหัวแถวพลังวัตรขั้นสิบคนหนึ่งมองศิษย์ธรรมดามากมายที่กำลังร้องะโอยู่นั้นราวกับคนโง่พูดขึ้นว่า “ความสามารถของหลินอู๋อิ่งน่ากลัวกว่าหลี่อี้ฉางอยู่ห่างไกลนัก หนึ่งกระบี่รวดเร็วไม่มีผู้ใดป้องกันได้ต่อให้เป็ศิษย์พี่หยางก็ไม่กล้าพูดว่าจะชนะเขาได้แน่ แม้ว่าเสวียนเทียนจะชนะหลี่อี้ฉางมาได้แต่เมื่อพบกับหลินอู๋อิ่ง โอกาสชนะก็มีไม่ถึงสามส่วน”
ศิษย์ชั้นหัวแถวด้านข้างพากันพยักหน้าหนึ่งในนั้นรับลูกพูดต่อว่า “เพลงกระบี่เทพวายุของหลินอู๋อิ่ง เป็ถึงเพลงกระบี่ถลาลมฉบับยกระดับพัฒนาเป็เพลงกระบี่ชั้นทองขั้นสูงหลินอู๋อิ่งฝึกเพลงกระบี่เทพวายุจนลุถึงชั้นบรรลุส่วนใหญ่ พูดตามตรงก็คือใช้ได้ดั่งใจความเร็วของวิชากระบี่ทำให้คนสะพรึง ตอนนี้ดูแล้วหวงเทียนเหมือนบรรลุเพลงกระบี่ถลาลมลึกซึ้งอยู่มากแต่เพลงกระบี่ถลาลมเมื่อเผชิญกับเพลงกระบี่เทพวายุ อย่างหนึ่งชั้นทองขั้นกลางอย่างหนึ่งชั้นทองขั้นสูง ความเร็วแบบเดียวกัน ความแตกต่างระหว่างกัน ไม่ต้องเดาก็รู้หวงเทียนไม่มีทางเป็คู่ต่อสู้ของหลินอู๋อิ่งได้หรอก”
ศิษย์หัวแถวอีกคนหนึ่งก็พูดขึ้นบ้าง “หวงเทียนถึงจะแพ้ในมือของหลินอู๋อิ่งก็ไม่นับว่าขาดทุนพลังวัตรเพียงแค่ขั้นแปดแต่เข้ามาถึงในรอบที่แปด ได้มีชื่อในแปดอันดับแรกนี่ก็เพียงพอให้เขาภาคภูมิได้แล้ว”
“ดูเหมือนแปดอันดับแรกจะเป็ความสำเร็จสูงสุดที่หวงเทียนจะคว้าได้แล้วไม่รู้ว่าจากอันดับ 5 ถึง 8 เขาจะได้เป็อันดับที่เท่าไร?”
......
......
ศิษย์ชั้นหัวแถวพลังวัตรขั้นสิบส่วนใหญ่ไม่คาดหวังกับเสวียนเทียนปากพูดจาตัดกำลังใจ ศิษย์ธรรมดารอบข้างแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของพวกเขาแต่ด้วยเกรงกลัวความสามารถของศิษย์ชั้นหัวแถวจึงไม่กล้าเถียงได้แต่เพียงโต้แย้งอยู่ในใจ ‘ศิษยพี่หวงต้องชนะแน่ ถึงเวลารอดูกันว่าใครจะเป็คนเบาปัญญา!’
บนเวทีประลองเสวียนเทียนเผชิญหน้ากับหลินอู๋อิ่งแล้ว
“ศิษย์น้องหวงเทียนศิษย์พี่หลินอู๋อิ่งโปรดชี้แนะด้วย” เสวียนเทียนนำทักทายขึ้นมาก่อน
หลินอู๋อิ่งยิ้มบาง ดึงกระบี่ในมือออกมาจากฝักกระบี่เล่มนี้กว้างเพียงสองจื่อ ยาวประมาณสามฉื่อสามชุ่นเห็นได้ชัดว่าเรียวยาวกว่าปกติ ตัวกระบี่มีรัศมีแสงทอประกายอยู่เลือนรางเป็กระบี่มีชื่อที่ผสมโลหะพิเศษเข้าไป
ทั้งเรียว ทั้งยาว เหมาะสมกับฉายา ‘กระบี่เร็ว’ หลินอู๋อิ่ง จินตนาการได้ไม่ยากเลยว่า เมื่อกระบี่เรียวเล่มนี้อยู่ในมือของหลินอู๋อิ่งเขาจะใช้ความเร็วระดับไหนออกมา
หลินอู๋อิ่งสะบัดข้อมือทีหนึ่งกระบี่เรียวก็สั่น กระบี่ส่งเสียงแหลมเล็กออกมา พูดขึ้นว่า “หวงเทียนเ้าใช้พลิกแพลงทลายพลัง ใช้เร็วทลายพลิกแพลงแล้วกระบี่เร็วของข้าเ้าทำลายได้หรือไม่?”
เสวียนเทียนสีหน้าเฉยชา ตอบว่า “ได้!”
ได้ยินเสวียนเทียนมั่นใจถึงเพียงนั้นหลินอู๋อิ่งในใจก็โกรธขึ้นมาเล็กน้อย หัวเราะขึ้นเบาๆ ถามว่า “เ้าจะเอาอะไรมาทำลายกระบี่เร็วของข้า?”
เสวียนเทียนก็ตอบว่า “ใช้พลังทลายเร็ว!”
หลินอู๋อิ่งหลุดสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาแต่ก็เก็บสีหน้ากลับมาได้ในทันที หัวเราะดูถูกขึ้น “ใช้พลังทลายเร็ว พูดได้ดูเหมือนง่ายดี ฮ่าๆๆๆ...ถึงจะเป็เหลียงจ้งก็ยังไม่กล้าใช้กระบี่หนักของเขารับมือข้าเลยอย่างเ้าน่ะหรือ?”
ชิ้ง!
กระบี่หิมะเหมันต์ออกจากฝักตัวกระบี่รัศมีแสงส่องประกาย คุณภาพของกระบี่หิมะเหมันต์เทียบกับ ‘กระบี่วิหคเหิน’ ในมือของหลินอู๋อิ่ง ไม่ด้อยกว่าแม้แต่น้อย
เสวียนเทียนกล่าวขึ้น “เหลียงจ้งพละกำลังพอได้ความเร็วใช้ไม่ได้ ขอเพียงมีความเร็วที่มากพอ กระบี่หนักก็ทำลายกระบี่เร็วของท่านได้”
กระบี่วิหคเหินฉายแสงสว่างวาบสั่นไหวชี้ไปที่เสวียนเทียน หลินอู๋อิ่งพูดขึ้น “ปากพูดถกวิชากระบี่ ใครก็พูดได้ แต่ก็เป็ได้แค่วางแผนรบบนกระดาษจะใช้ทั้งกระบี่หนัก ทั้งกระบี่เร็ว พูดไปมันง่าย แต่ทำได้จริงๆ จะมีสักกี่คนหวงเทียน เ้าจงใช้ความสามารถของเ้าออกมาให้เต็มที่ข้าอยากเห็นนักว่าความสามารถของเ้าจะมีสักเท่าใด”