ภายในห้องนอนสีชมพู บรรยากาศเร่าร้อนตลบอบอวลทั่วห้อง แสงจันทร์จากภายนอกส่องลอดม่านที่กั้นไว้ ทำให้ผ้าม่านสีขาวและพรมสีอ่อนในห้อง ดูงดงามใต้แสงสลัว เตียงนุ่มใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่วางอยู่ตรงข้าม ทำให้เห็นกระจกบานใหญ่สะท้อนร่างที่กอดรัดกันอยู่บนเตียง ใครได้เห็นก็ต้องรู้สึกลำคอแห้งผาก
ภายใต้ความปรารถนารุนแรงของเย่เฟิง ซูเมิ่งหานถึงกับหอบหายใจหนักหน่วงครั้งแล้วครั้งเล่า แขนเนียนนุ่มโอบรอบคอชายหนุ่ม นิ้วเรียวขาวจิกไหล่ของเขา เรียวขาขาวเกาะบนเอวแข็งแกร่งของเย่เฟิง ยากจะควบคุมตัวเองเมื่อเอวสอบแสนเร่าร้อนกระหน่ำเข้ามา
หลังจากเย่เฟิงเร่งจังหวะเร็วขึ้น ฉับพลันเธอก็รู้สึกเกร็งจนปลายเท้าเหยียดตรง หญิงสาวกระตุกเกร็งทั่วร่าง จากนั้นรู้สึกชาพร้อมกับร่างกายอ่อนแรง ความสุขสมพวยพุ่งจนเธอหน้าแดงก่ำ ดูน่าหลงใหลยิ่งกว่าเดิม
“รู้สึกดีไหม?”
เย่เฟิงหอมแก้มแดงของเธอแ่เบา ก่อนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ซูเมิ่งหานไม่เอ่ยอะไรออกไป เพียงแต่พยักหน้าอย่างอ่อนแรง ผมของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ กลิ่นหอมกระจายทั่วหมอน ดวงตาคู่สวยหยาดเยิ้ม ริมฝีปากนุ่มเผยอยิ้มบาง ทำให้คนที่ได้เห็นอดใจจูบแทบไม่ไหว
แน่นอนว่าเย่เฟิงย่อมไม่พลาดที่จะทำเช่นนั้น เขาฉวยโอกาสโน้มตัวลงจูบอีกฝ่าย
จูบดูดดื่มด้วยความหลงใหลทำให้ซูเมิ่งหานแทบหยุดหายใจ เมื่อต้องเผชิญกับความเร่าร้อนของเย่เฟิง หญิงสาวก็ไม่อาจต้านทาน
เธอขยับขาจนััความแข็งขืนของเย่เฟิงโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนผละไปอีกทางด้วยความใ หญิงสาวไม่อาจทนความปรารถนาของเย่เฟิงได้เพราะแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ร่างกายเธออ่อนแรงจนขยับแทบไม่ไหวแล้ว...
เย่เฟิงเห็นอีกฝ่ายเหนื่อยอ่อน จึงผละตัวออกจากร่างบาง ก่อนล้มตัวนอนตะแคงลูบไล้ตามส่วนเว้าโค้งของหญิงสาว แขนอีกข้างโอบรอบเอวคอดกิ่วที่นุ่มราวกับไร้กระดูก เย่เฟิงโอบกอดร่างบางอย่างรักใคร่
ซูเมิ่งหานกระเถิบตัวเข้าสู่อ้อมกอดของเย่เฟิง ร่างกายของเธอบอบบางจนเย่เฟิงรู้สึกสงสารจับหัวใจ ในที่สุดเธอก็ผล็อยหลับไป
…………
เช้าวันถัดมา เสียงดังกรอบแกรบบนเตียงปลุกเย่เฟิงตื่นจากการหลับใหล เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นก็เห็นซูเมิ่งหานแอบแต่งตัว หญิงสาวหยิบชุดชั้นในลูกไม้สีชมพูที่ถูกโยนทิ้งไว้ข้างเตียงขึ้นมาสวมใส่ ผิวขาวเนียนราวกับหิมะที่อยู่ใต้แสงอาทิตย์นั้นช่างเย้ายวนเป็อย่างยิ่ง
“ทำไมตื่นเช้าจัง? งั้นมาทำอีกรอบกันเถอะนะ...”
เย่เฟิงเอ่ยปากทันที การเห็นภาพน่าดึงดูดในตอนเช้าแบบนี้ ต่อให้เป็เทพองค์ใดก็ไม่อาจอดใจได้
“อ๊ะ!”
ซูเมิ่งหานสะดุ้งใกับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเช่นนี้ เธอพยายามปีนลงจากเตียงเพื่อหลีกเลี่ยงเย่เฟิง แต่เขาย่อมไม่มีทางปล่อยเธอแน่
“คิดจะหนีเหรอ?”
ชายหนุ่มหัวเราะ ก่อนลุกขึ้นไปรวบเอวคอดกิ่วราวกับต้นหลิวเข้ามาชิด
การเคลื่อนไหวนี้ของซูเมิ่งหานช่างยอดเยี่ยม ส่วนอ่อนไหวขาวนุ่มกระดกขึ้นยอมจำนนต่อเย่เฟิง ทำให้เขาต้องยึดเอวคอดราวกับต้นหลิวแน่น จนร่างกายแนบชิดกับความนุ่มละมุนชวนหลงใหลอย่างธรรมชาติ
“อ๊ะ...”
ซูเมิ่งหานคิดไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะป่าเถื่อนได้ขนาดนี้ ทำให้เธออดส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้ อยากจะหลุดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจอย่างเย่เฟิงเต็มที
น่าเสียดายที่เย่เฟิงจับมือทั้งสองข้างของเธอแน่นราวกับคีมเหล็กที่หนีบเอวบางเอาไว้ พลางเพิ่มแรงจับจนร่างบางไม่สามารถขัดขืนอีกฝ่ายได้อีก เธอจึงทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย ให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจชอบ แต่ก็ขมวดคิ้วจนกลายเป็เลขแปด ท่าทางน่ารักน่าชังนั้นดูน่าเอ็นดูเป็อย่างยิ่ง
…………
“ไอ้บ้ากาม ไอ้คนป่าเถื่อน”
หลงหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ห้องข้างๆ ก็ตื่นแล้วเช่นกัน ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความเขินอาย เย่เฟิงจะบ้ากามเกินไปแล้ว เช้าขนาดนี้... ก็ยังจะทำเื่แบบนั้นอีก…
ซูเมิ่งหาน หญิงสาวที่น่าสงสารตกเป็อาหารของเย่เฟิงเสียแล้ว
ผู้ชายคนนั้นช่างไม่สนใจอะไรเลย!
หลงหว่านเอ๋อร์ลืมคิดไปว่าการใช้จิตหยั่งรู้สอดส่องห้องข้างๆ บนโลกเทวะนั้นถือเป็การกระทำที่ไร้มารยาทมาก
เธอตื่นขึ้นด้วยความโกรธจัด หลังล้างหน้า แปรงฟัน แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เย่เฟิงที่อยู่ห้องถัดจากเธอก็ยังไม่เสร็จกิจอย่างว่า หญิงสาวจึงลงไปชั้นล่างก่อน แต่น้าของเธอที่ตื่นเร็วกว่ากำลังเตรียมอาหารเช้าซึ่งส่งกลิ่นหอมน่ารับประทาน จนทำให้หลงหว่านเอ๋อร์รู้สึกหิวขึ้นมา
หนานฟางก็ตรงมาที่นี่เพื่อกินอาหารเช้าทันที ทักษะการทำอาหารของชูชูยอดเยี่ยมมาก นับั้แ่หนานฟางได้กินอาหารตอนอยู่ที่ทะเลตะวันออก ก็กินอาหารไปมากมายจนรู้สึกว่าทั้งชีวิตนี้อยากกินอาหารรสชาติแบบนี้ไปตลอด
“น้าชูชูคนสวย มาให้ผมดูลายมือหน่อยได้ไหม ผมดูแม่นมากเลยนะ เดี๋ยวจะดูให้ว่าเนื้อคู่ของคุณน้าเป็ใคร”
หลังจากหนานฟางกินมื้อเช้าเสร็จ ก็ไม่ได้กลับไป แต่หัวเราะและพูดจาหยอกล้อชูชู
“จริงเหรอ?”
ดวงตาคู่สวยของชูชูมองกลับมาที่เขา ก่อนส่งยิ้มให้
ั้แ่เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลงก็ไม่เคยมีคืนวันที่ดีเลย หลังจากคืนวันแต่งงานไม่นาน สามีเธอก็เสียชีวิต สถานะของเธอในตระกูลหลงกลายเป็ตกต่ำเสียอย่างนั้น ทำได้เพียงเรียนรู้การรักษาและยาสมุนไพรบ้างเพื่อทำประโยชน์ให้แก่ตระกูลหลง แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้พบคู่แท้ เพียงได้เฝ้าดูหลงหว่านเอ๋อร์เติบโตและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอใจแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินหนานฟางเอ่ยเช่นนั้น ย่อมทำให้เธอรู้สึกดี ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็ร่วมทุกข์สุขกันมาขณะอยู่ที่ทะเลตะวันออก ทั้งยังเริ่มฝึกทักษะมาด้วยกันอีก
“แน่นอนสิ” หนานฟางกวักมือเรียกและยิ้มกว้าง “มา เดี๋ยวผมจะดูให้”
ชูชูยื่นฝ่ามือขาวเนียนออกไปเพื่อให้หนานฟางดูโดยเว้นระยะห่าง นั่นทำให้หนานฟางผิดหวังเล็กน้อย ความจริงเขาจะใช้เื่นี้เพื่อเอาเปรียบอีกฝ่าย... แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงออกมา เพียงปั้นหน้ายิ้ม “เนื้อคู่ของน้าคนสวยก็นั่งอยู่ตรงหน้านี่ไง”
“พรืด”
ชูชูหลุดหัวเราะออกมาทันที นี่ไม่ได้หมายความว่าเนื้อคู่ของเธอคือหนานฟางหรอกหรือ?
“ผมว่า ผมนี่แหละคือเนื้อคู่ของคุณน้า...”
หนานฟางพล่ามไม่หยุด จนกระทั่งหลงหว่านเอ๋อร์ลงมาชั้นล่างพอดี
“กล้าพูดจาลามปามน้าฉันเหรอ อยากตายหรือไง?”
หลงหว่านเอ๋อร์มองหนานฟางตาเขียว
ได้ยินว่าหมอนี่เคยเป็นักศึกษาหัวกะทิของมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิง มีสาวงามมากมายชมชอบแต่ก็ไม่เคยสนใจ กลับมาสนใจน้าของเธอเนี่ยนะ? แม้น้าของเธอจะสวยและเซ็กซี่ แต่ก็อายุสามสิบกว่าแล้ว มันจึงไม่ค่อยเหมาะสมและดูไม่ดีเท่าไรนัก
“ฉันไม่ได้พูดจาเรื่อยเปื่อยนะ นี่พูดตรงคัมภีร์เลยต่างหาก...”
หนานฟางปั้นหน้าจริงจังและอยากอธิบาย แต่กลับถูกชูชูโบกมือขัดจังหวะเสียก่อน
“เอาล่ะๆ หว่านเอ๋อร์ พวกเสี่ยวเฟิงยังไม่ตื่นเหรอ?”
ชูชูถามด้วยความสงสัย เมื่อคืนมันหนักขนาดไหนถึงทำให้ตื่นสายกันอย่างนี้?
“ไม่ต้องสนใจคนอย่างหมอนั่นหรอกค่ะ” หลงหว่านเอ๋อร์เอ่ยด้วยความไม่พอใจ “เขามันคนป่าเถื่อน”
ประโยคนี้ทำให้พวกเขาทั้งสองคนประหลาดใจ เย่เฟิงป่าเถื่อน?
แต่ชูชูหลุดหัวเราะ ‘คิก’ ออกมา “หว่านเอ๋อร์ ถึงเขาจะป่าเถื่อนเหมือนสัตว์ป่า แต่เธอก็เป็คนของเขาไม่ใช่เหรอ? ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย มาๆ กินข้าวเช้ากัน”
“หนูยังไม่หิวเลยค่ะ”
หลงหว่านเอ๋อร์นึกถึงพฤติกรรมอันป่าเถื่อนของเย่เฟิงก็ไม่มีความรู้สึกอื่นเลย นอกจากความหึงหวงเท่านั้น ตอนที่เธออยู่กับเย่เฟิง ตอนเช้าไม่เห็นเย่เฟิงเป็แบบนี้บ้างเลย... หมายความว่าเสน่ห์ของเธอสู้ซูเมิ่งหานไม่ได้งั้นเหรอ?
แบบนี้ไม่ได้การแล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้