หลายวันมานี้ ซูฉางอันกลัดกลุ้มเป็อย่างมาก
หลังมื้อเที่ยง เขาเดินทางมาที่ลานฝึกด้วยอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไป
ชิงหลุนถือกระบี่เอาไว้ในมือ และยืนรออยู่ก่อนแล้ว
นางมีสีหน้าเคร่งขรึมเป็อย่างมาก มากจนใกล้เคียงกับเ็าเลยทีเดียว
“เริ่มกันเถอะ” นางกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“อืม” ซูฉางอันก้มหน้าลงต่ำ พลางขานรับไปด้วยเขาปรายตามองชิงหลุนอย่างลืมตัว เมื่อได้เห็นสีหน้าเย็นะเืของนางจึงแอบรู้สึกผิดหวังอย่างอดไม่ได้
เขาสูดหายใจเข้าลึก จัดระเบียบความคิดแสนวุ่นวายของตัวเอง และเริ่มการฝึกขึ้นในที่สุด
วิชากระบี่แรกที่ชิงหลุนสอนเขา เป็วิชาชื่อว่าหิมะไร้เงามันเป็วิชากระบี่ระดับสูงซูฉางอันััได้ว่าวิชานี้อยู่ระดับสูงกว่าวิชามาลุตวสันต์ที่อวี้เหิงสอนให้เสียอีกน่าเสียดายที่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไรเขาก็ฝึกวิชานี้ไม่ได้เสียที
ดังนั้น ชิงหลุนจึงมอบวิชากระบี่วายุหมอกให้เขาแทนวิชานี้ก็มีพลังที่แข็งแกร่งมาธรรมดาเช่นกัน อย่างน้อยมันก็ทรงพลังไม่ด้อยไปกว่าวิชามาลุตวสันต์เลยซูฉางอันตั้งใจฝึกฝนมันเป็อย่างมากบวกกับชิงหลุนเองก็มักจะชี้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เขาจึงพอจะฝึกวิชานี้ได้บ้างแล้ว
บ่ายนี้ เขาตั้งใจฝึกกระบี่เฉกเช่นทุกวัน ปัญหาในการฝึกวิชาได้รับการแก้ไขไปหลายอย่าง
ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา จากนั้นกลับมายืนตรงและเก็บกระบี่เข้าไปในฝักอย่างรวดเร็ว
เขาเตรียมหันไปบอกลากับชิงหลุน แต่จู่ๆ ก็มีกระแสลมพัดเข้ามาพลันร่างของใครบางคนก็พุ่งเข้ามาในอ้อมแขนของเขา
“ลำบากแล้ว” ชิงหลุนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เมื่อรับรู้ถึงกระแสแห่งความอบอุ่นที่ส่งมาจากร่างของอีกฝ่ายซูฉางอันก็รู้สึกราวหัวกำลังจะะเิออกมาอยู่แล้ว
หลายวันที่ผ่านมา เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
เมื่อใดที่ซูฉางอันไม่ได้ฝึกวิชา ชิงหลุนมักหาเวลามาอยู่ใกล้ชิดกับเขาตลอด
เริ่มจากตื่นตระหนกในตอนแรก มาถึงจนปัญญาในตอนนี้ ซูฉางอันมีความรู้สึกหลากหลายสับสนมากเหลือเกิน
จากที่ได้อยู่ด้วยกันมาตลอดหลายวันตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าชิงหลุนไม่ได้ชอบตน หรือจะพูดอีกแบบก็คือชิงหลุนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชอบหมายถึงอะไรกันแน่
แม้ซูฉางอันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าการชอบใครเป็อย่างไรแต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าต้องไม่ใช่แบบนี้แน่
แต่ต้องยอมรับว่าเขารู้สึกดีขึ้นมาก ยิ่งไปกว่านั้น เขากลับยังรอคอยที่จะได้ใกล้ชิดกับชิงหลุนเสียด้วยซ้ำ
แต่อย่างไรเสีย ชิงหลุนก็เป็ถึงอาจารย์อาของเขา อีกอย่างการได้ใกล้ชิดกับชิงหลุนที่เข้าใจคำว่าชอบผิดไป ก็ทำให้เขารู้สึกผิดเป็อย่างมากดังนั้น เขาจึงดันร่างบางออกไปเบาๆ อย่างแเีเฉกเช่นทุกครั้ง
ชิงหลุนหันมองซูฉางอันด้วยดวงตากลมโตอย่างสงสัยราว้าจะถามว่าดันร่างของนางออกมาทำไม
ซูฉางอันเกาหัวอย่างทำตัวไม่ถูก และเตรียมจะอธิบายออกไป
ก๊อกๆๆ!
มีเสียงเคาะดังมาจากประตูสำนัก
ซูฉางอันสะดุ้งใ หันไปบอกกับชิงหลุน “มีคนมา ข้าไปเปิดประตูก่อน” เขาหมุนตัวแล้ววิ่งไปที่ประตูสำนักภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของชิงหลุน
เมื่อเปิดประตู ซูฉางอันกลับพบว่าคนที่มาเป็ใครคนหนึ่งที่เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะมา...บุตรของเทพนักรบ จิตแห่งต้าเว่ยที่จากโลกไปแล้ว ตู้หงฉาง
“เ้าเองรึ? ” ซูฉางอันชะงักไป ก่อนจะพูดด้วยความสงสัย
แม้เขากับตู้หงฉางเคยมีเื่มีราวกันที่งานหลอมดาวในสำนักปาฮวงแต่นั่นก็ผ่านมานานมากแล้ว และซูฉางอันก็ไม่ใช่คนเ้าคิดเ้าแค้นอะไรอีกอย่างบิดาของตู้หงฉางก็ตายระหว่างไปช่วยกู่เซี่ยนจวินพร้อมกับเขาอีกซูฉางอันจึงรู้สึกผิดต่อตู้หงฉางอยู่ไม่น้อย
เหตุนี้ ซูฉางอันจึงไม่ได้โกรธหรือเกลียดตู้หงฉาง ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกผิดเสียมากกว่า
แต่เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดตู้หงฉางถึงมายังสำนักเทียนหลานเขาไม่คิดว่าตนกับคนตรงหน้าจะมีความสัมพันธ์ สนิทสนม หรือมีเื่ต้องคุยกันแม้แต่น้อย
“ข้าเอง” ตู้หงฉางพยักหน้าตอบ และส่งประกายรอยยิ้มที่ไม่ค่อยน่ามองเท่าไรนักมาให้ใบหน้าของเขาแลดูซีดเผือดเป็เหลือเกิน แสดงให้เห็นแล้วว่าหลายวันมานี้เขามีเื่เครียดเยอะไม่เบาเลย
“ขอข้าเข้าไปนั่งข้างในได้ไหม? ” ตู้หงฉางบอกเช่นนั้นโดยใช้น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความวิงวอน
ซูฉางอันรู้สึกบีบแน่นที่หัวใจเมื่อหวนนึกไปถึงชายวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยความผยองและกล้าหาญเมื่อหลายเดือนก่อนเขาก็รู้สึกเห็นใจคนตรงหน้าอย่างอดไม่ได้
“อืม เข้ามาเถอะ” ซูฉางอันตอบ และเดินนำตู้หงฉางไปยังห้องรับแขกของสำนักเทียนหลานอย่างเงียบๆ
ฝานหรูเยว่ยกน้ำชามาให้อย่างรู้งาน
เมื่อนางออกไปจากห้อง ตู้หงฉางจึงยอมขยับริมฝีปากแห้งกร้านเล็กน้อย พูดขึ้นเบาๆ“ขอบคุณ”
ซูฉางอันยิ้มตอบ ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็มิตรมากที่สุดเท่าที่จะทำได้“เ้ามาหาข้าถึงนี่ มีเื่อะไรรึเปล่า? ”
“อืม” ตู้หงฉางพยักหน้าตอบ ใบหน้าซีดเผือดปรากฏความลังเลออกมาเล็กน้อยแต่เพียงไม่นานเขาก็กัดฟันแล้วเงยหน้าขึ้นมองซูฉางอัน “ข้าอยากรู้ว่าท่านพ่อถูกใครสังหารกันแน่?”
ซูฉางอันนิ่งไป เขามองเข้าไปในดวงตาของตู้หงฉางที่ยังคงบวมและแดงอยู่ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยเส้นเืสีแดง และในส่วนลึกเข้าไปในดวงตาราวจะเก็บซ่อนบางอย่างเอาไว้ซูฉางอันมองเห็นอย่างชัดเจน ในนั้นมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่...
ซูฉางอันรู้สึกสั่นเทาขึ้นในหัวใจ แม้อยู่ห่างกันพอสมควร แต่เขารับรู้ถึงความรุ่มร้อนแห่งเปลวเพลิงอย่างชัดเจน
แต่เขาดันบอกความจริงกับตู้หงฉางไม่ได้เสียนี่ซูฉางอันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เตรียมพูดบางอย่างออกมาแต่ดูเหมือนตู้หงฉางจะทนรอต่อไปไม่ไหว เมื่อเห็นว่าซูฉางอันนิ่งเงียบไป ราวกังวลเื่อะไรบางอย่างเขาก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“คนที่สังหารบิดาข้า เป็ชายในชุดคลุมสีดำมีดวงตาสีแดงก่ำใช่หรือไม่? ”ตู้หงฉางถาม เขาจ้องซูฉางอันตาไม่กะพริบ ราวใคร่รู้คำตอบจากเขาเต็มทน
สิ่งที่ตู้หงฉางพูดออกมา ทำให้ซูฉางอันสะดุ้งใขึ้นทันทีเขาโพล่งออกไปโดยสัญชาตญาณ “เ้ารู้ได้อย่างไร? ”
เมื่อสิ้นเสียง ซูฉางอันพลันนึกเสียใจในการกระทำของตัวเองเื่นี้เกี่ยวข้องไปถึงเื่ของเผ่าเทพ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยพูดเื่นี้กับใครเลย นี่เป็ความลับที่เขาซ่อนไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจเหตุนี้ เขาจึงรู้สึกใมากเมื่อได้ยินตู้หงฉางสาธยายถึงรูปลักษณ์ของชายผู้นั้นและเผลอพูดออกไปอย่างลืมตัวจนได้
เมื่อได้รับคำตอบที่้า ตู้หงฉางแสดงท่าทีราวจะบอกว่า ‘เป็อย่างที่คิดจริงๆ ด้วย’ ออกมา ใบหน้าซีดเผือดเริ่มประกายสีแดงของโลหิตออกมาในที่สุด
“แบบนี้ก็แสดงว่าเ้านั่นสังหารบิดาข้าจริงๆ สินะ” เขาถามย้ำอีกครั้ง
“ไม่ใช่ เป็สตรีอีกคนที่มากับเขาต่างหาก”ซูฉางอันรู้ว่าเมื่อเื่มาจนถึงขั้นนี้ เขาก็ไม่อาจปิดเื่นี้ได้อีกต่อไปจึงเลือกบอกความจริงออกไปเสียดีกว่า แต่เขาเลือกไม่พูดถึงฐานะของคนพวกนั้นเช่นกันในความคิดของเขา แม้จะไม่รู้ว่าตู้หงฉางไปรู้รูปลักษณ์ของชายผู้นั้นมาจากไหนแต่หากเขารู้ฐานะของคนพวกนั้นแต่แรก คงไม่มานั่งอยู่ตรงหน้าตนด้วยท่าทางนิ่งสงบเช่นนี้หรอก
ดังนั้น ซูฉางอันจึงถามลองเชิงออกไป “เ้ารู้เื่ชายชุดดำได้เช่นไร”
คำถามของซูฉางอันทำให้ตู้หงฉางมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาก้มหน้าลงต่ำ ปรายตามองซูฉางอันเป็ระยะๆ ราวกำลังกังวลกับอะไรบางอย่างแต่ในที่สุดเขาก็กัดฟันกรอด ราวตัดสินใจบางอย่างได้แล้วเช่นนั้น
“ข้าเคยเห็นเขา! ในจวนของซือหม่าสวี่!” เขาตอบกลับเช่นนั้น
ความเย็นะเืที่แฝงอยู่ในคำพูดของตู้หงฉางทำให้ซูฉางอันนิ่งไปแต่เพียงไม่นานเขาก็ได้สติกลับมาอีกครั้ง เพราะข้อมูลในคำพูดของเขาซูฉางอันจึงรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
ผู้รับใช้เทพชุดดำคนนั้นปรากฏตัวที่จวนของซือหม่าสวี่อย่างนั้นรึเขาคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าอัครเสนาบดีแห่งแผ่นดินต้าเว่ยกับผู้รับใช้เทพที่คิดจะกอบกู้เผ่าเทพมีความเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร
นอกเสียจาก...
ความคิดที่เหลวไหลจนน่าหวาดกลัวผุดขึ้นในหัว ทำให้ซูฉางอันะเิความตื่นตะลึงออกมาทางสีหน้าในพริบตา
อีกด้าน ท่าทางของซูฉางอันทำให้ตู้หงฉางคิดว่าอีกฝ่ายไม่ยอมเชื่อตนจึงรีบพูดเสริมขึ้น “นี่เป็เื่จริงนะ วันนั้นข้าไปคุยธุระที่จวนของซือหม่าสวี่พร้อมกับผู้ดูแลสำนัก และบังเอิญเห็นว่าซือหม่าสวี่กำลังพูดบางอย่างกับชายชุดดำคนนั้นแต่เมื่อเห็นข้า คนชุดดำก็รีบจากไปทันทีแม้ในตอนนั้นซือหม่าสวี่จะอธิบายว่านั่นเป็สายสืบที่เขาส่งไปแฝงตัวในรังโจรแต่ก่อนหน้า ข้าได้ยินลางๆ ว่าพวกเขาพูดถึงชื่อพ่อข้าด้วย”
“หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวเื่ฆ่าล้างเมืองที่เมืองหลานหลิงก็ถูกส่งมาเพราะเหตุนี้ พ่อข้าจึงถูกมอบหมายให้ไปดูแลเื่นี้และตายที่เมืองหลานหลิงในที่สุดและคนที่เสนอกับมหาจักรพรรดิให้พ่อข้าไปดูแลเื่นี้ คือซือหม่าสวี่! ”
“เหตุนี้ ข้าจึงอดสงสัยไม่ได้ เลยเดินทางมารบกวนคุณชายซูในวันนี้”
ซูฉางอันขมวดคิ้วพลางพยักหน้าหงึกหงัก แต่ยังมีบางอย่างที่เขายังไม่เข้าใจอยู่ดี
หลังงานเลี้ยงในพระราชวังสิ้นสุดลง ซูฉางอันเริ่มเข้าใจสถานการณ์ทางอำนาจภายในเมืองฉางอันบ้างแล้ว
สรุปง่ายๆ ก็คือ องค์จักรพรรดิกำลังจะตายลูกชายสองคนของพระองค์จึงเริ่มเกมชิงบัลลังก์ขึ้น
แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ จากที่รู้มา ตู้เหว่ยเป็คนขององค์ชายใหญ่ซือหม่าสวี่ก็เช่นกัน ในเมื่อทั้งสองอยู่ฝ่ายเดียวกัน แล้วซือหม่าสวี่มีเหตุผลอะไรเหตุใดต้องทำร้ายตู้เหว่ยด้วย?
เขามองไปยังตู้หงฉางพลางถามขึ้น“แต่ซือหม่าสวี่ไม่มีเหตุผลต้องฆ่าแม่ทัพตู้เลยนี่? ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ตู้หงฉางก็ะเิเสียงหัวเราะออกมาทันทีเขาปรายตามองไปยังซูฉางอันครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นในที่สุด
“เดิมทีข้าคิดว่างานเลี้ยงในวันนั้นจะทำให้คุณชายซูเข้าใจอะไรมากขึ้นเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าท่านยัง... ซื่อแบบนี้อยู่” เมื่อพูดมาจนถึงตรงนี้ เขาปรายตามองไปที่ซูฉางอันอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเพียงขมวดคิ้วมุ่น ไม่ได้แสดงความคัดค้านใดๆ ออกมาจึงยอมพูดต่อ
“แม้ท่านพ่อจะเป็เทพนักรบแห่งแผ่นดินต้าเว่ยทั้งยังเป็คนขององค์ชายใหญ่เหมือนกับซือหม่าสวี่ แต่เทพนักรบที่พักเกษียณอยู่ที่เมืองฉางอันทั้งยังไม่มีอำนาจทหารใดๆ ยังถือเป็เทพนักรบอยู่อีกรึ? ใช้เทพนักรบที่มีแต่ตำแหน่งเปล่า ไม่มีอำนาจอะไรแลกกับเทพนักรบที่มีอำนาจทหารถึงหนึ่งแสนนายในเมืองเป่ยเหลียงการแลกเปลี่ยนที่ได้ประโยชน์เช่นนี้ ซือหม่าสวี่จะปฏิเสธได้อย่างไร? ”
คำพูดของตู้หงฉางเป็ดั่งค้อนั์ทุบลงกลางใจซูฉางอันอย่างจังเขาเริ่มเข้าใจความชั่วช้าของใจมนุษย์แล้ว เขารู้อยู่แล้วว่าใจมนุษย์ยากจะคาดเดาแต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคนด้วยกันจะทำร้ายกันด้วยแผนที่ชั่วร้ายขนาดนี้ได้
ความเย็นแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย เขาเงยหน้ามองเมืองฉางอันที่แสนงดงามข้างนอกบัดนี้เมืองที่งดงามราวกับ์กลับเป็ดั่งหมาป่าจอมชั่วร้ายที่กำลังจับตามองเขา จับตามองทุกคนในเมืองด้วยสายตาแสนเหี้ยมเกรียม...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้