ลุงฝูแบกเจียงชิงอวิ๋นกลับไปที่ห้องนอนด้วยตนเอง แล้ววางเขาลงบนเตียง เนื่องจากกลัวว่าเขาจะได้รับความหนาวเย็นจนเป็ไข้ จึงให้เด็กรับใช้ที่คอยปรนนิบัติเขาเฝ้าอยู่ข้างเตียงและใส่ใจให้มาก
ลุงโจวและนางหลิวก็เหนื่อยมากแล้ว เมื่อกลับไปถึงห้องก็ทำความสะอาดร่างกายและเข้านอน ส่วนไหที่บรรจุยาสมุนไพรพวกเขาก็นำไปวางไว้บนโต๊ะในห้องนอน หากลืมตาขึ้นมาก็สามารถมองเห็นได้เลย
วันต่อมาเมื่อเจียงชิงอวิ๋นตื่นนอนดวงอาทิตย์ก็ขึ้นสูงแล้ว เขาส่งคนไปถามลุงโจวว่า เมื่อคืนและเช้านี้ได้กินยาสมุนไพรหรือไม่ ระบายก้อนหิน (นิ่ว) ออกมาหรือยัง
เด็กรับใช้วิ่งไปถามลุงโจว “นายท่านเป็ห่วงสุขภาพท่าน เมื่อตื่นมาก็ให้ผู้น้อยมาถามท่านทันทีขอรับ”
ลุงโจวมีท่าทางรู้สึกผิดเล็กน้อย “เมื่อคืนข้าเหนื่อยจนรู้สึกมึนๆ เลยลืมกินยาสมุนไพร เช้าวันนี้ภรรยาข้าปลุกข้ามาดื่มน้ำสมุนไพรแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ถ่าย”
เด็กรับใช้นำความไปบอกต่อเจียงชิงอวิ๋น ผ่านไปครู่ใหญ่ก็มาอีกครั้ง ท่าทางหดหู่อยู่บ้าง เขากล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “หลายวันมานี้นายท่านให้ผู้น้อยคอยสังเกตการขับถ่ายของท่าน ดูว่ามีก้อนหินออกมาด้วยหรือไม่”
อา... เด็กรับใช้อยากจะวิ่งไปถามหมอเทวดาน้อยนักหลอกลวงที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมาผู้นี้ถึงหมู่บ้านหลี่จริงๆ ในถุงน้ำดีของคนเราจะมีก้อนหินอยู่ได้อย่างไร จะระบายก้อนหินออกมากับการขับถ่ายได้อย่างไรกัน
เขาช่างน่าสงสารนัก ทั้งๆ ที่เป็เด็กรับใช้ข้างกายเจียงชิงอวิ๋น แต่กลับต้องมาติดตามสังเกตการขับถ่ายของลุงโจวอยู่หลายวัน นี่เป็งานที่เขาไม่อยากทำและน่ารังเกียจจริงๆ
“เอ๋...?” ลุงโจวนึกไม่ถึงว่าเจียงชิงอวิ๋นจะจริงจังถึงเพียงนี้ ทั้งยังจัดแจงคนมาดูเป็พิเศษ ทำให้เขาพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆ
นางหลิวกำลังปักผ้าทำเสื้อตัวในให้เจียงชิงอวิ๋น ส่วนชุดอื่นๆ สามารถไปซื้อที่ร้านได้ แต่เสื้อตัวในทำเองย่อมดีที่สุด นางเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เด็กรับใช้จนตาหยี “ทำไม เ้ารังเกียจตาแก่บ้านข้าหรือ”
เด็กรับใช้ผู้นั้นลุงฝูซื้อกลับมาจากอำเภอฉางผิง ปีนี้อายุยี่สิบแล้ว เขามีนิสัยตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์ ไม่ใช่คนปากหวาน แต่ทำงานไม่คล่องแคล่ว ตอนนี้จึงตอบไม่ได้ แต่หากไม่ตอบก็ไม่ได้เช่นกัน จึงกระอึกกระอักอยู่นาน แต่ก็ยังไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“เอาล่ะ เ้าไม่ต้องลำบากใจ เื่นี้ข้าจะทำเอง เ้าไม่ต้องยุ่ง ส่วนทางด้านนายท่านข้าจะจัดการเอง” นางวางผ้าปักในมือลงแล้วโบกมือให้เด็กรับใช้ถอยออกไป
ลุงโจวกล่าวอย่างะเืใจว่า “ยายแก่ ยังเป็เ้าที่ไม่รังเกียจข้า”
นางหลิวยู่ปาก “หึ... ข้าเพียงไม่อยากให้เ้าตายเร็วแล้วทิ้งข้าไว้เพียงลำพัง”
จวนเจียงไม่ใหญ่นักแต่มีคนมากมาย เื่ที่เจียงชิงอวิ๋นส่งเด็กรับใช้ไปสังเกตการขับถ่ายของลุงโจวไม่ใช่เื่ที่ต้องเก็บเป็ความลับ อีกทั้งนางหลิวก็มีอารมณ์แปรปรวนจึงไปบ่นกับคนครัวหลายคน เพียงไม่นานเื่นี้ก็เป็ที่รู้กันไปทั่ว
ทุกคนคิดว่าการที่จะมีก้อนหินเกิดขึ้นในถุงน้ำดีของมนุษย์เป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้เลย ดังนั้นจึงให้ความสนใจกับอาการป่วยของลุงโจว
พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วสามวัน เช้าวันนี้หลังจากลุงโจวกินข้าวเช้าแล้ว และดื่มน้ำสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมแปลกประหลาดไปถ้วยหนึ่ง ก็รู้สึกไม่สบายท้องจึงรีบไปถ่าย
อุจจาระในคราวนี้แตกต่างจากเมื่อสองวันก่อน มีของสกปรกออกมามาก อีกทั้งยังมีกลิ่นรุนแรง เขายกกางเกงตนเองขึ้นดู พบว่ามันมีน้ำมันสีเขียวอยู่ด้วย ทำให้เขาใเป็อย่างมาก นี่ไม่เหมือนก้อนหินที่หลี่หรูอี้กล่าว แต่เหมือนกับถูกพิษเสียมากกว่า จึงรีบะโร้องเรียกคนเสียงดัง
นางหลิวรีบวิ่งมา พยายามทนกับกลิ่นเหม็น นำกระโถนขับถ่ายไปเทลงบนพื้นที่มุมหนึ่งของลานด้านหลัง หยิบกิ่งไม้มาเขี่ยเบาๆ ของที่คล้ายกับถุงน้ำสีเขียวมีทั้งเล็กทั้งใหญ่ สิ่งนั้นก็คือก้อนหินที่ถูกทำให้อ่อนตัวลงแล้วนั่นเอง
“ก้อนหิน! เป็ก้อนหินจริงๆ” ลุงโจวทั้งตื่นตะลึงและดีใจ
นางหลิวถลึงตาใส่กล่าวว่า “์ ในท้องของเ้ามีก้อนหินมากมายเพียงนี้เชียว ตาแก่ เ้าชะตาแข็งจริงๆ”
“แล้วน้ำสีเขียวคืออะไร”
“ตาแก่ ที่เ้าดื่มไปไม่ใช่น้ำสมุนไพรสีเขียวหรือ”
“ข้าเลอะเลือนไปแล้ว คิดว่าเป็น้ำจากถุงน้ำดีเสียอีก”
“เ้าโง่จริงๆ หากนี่เป็น้ำจากถุงน้ำดี เ้าจะมายืนตัวเป็ๆ อยู่ที่นี่ได้หรือ!”
เสียงของสองสามีภรรยาดึงดูดองครักษ์สามคนที่กำลังเดินตรวจตราให้เข้ามาดู ซึ่งเป็สามคนที่ติดตามไปยังบ้านหลี่ด้วยกันพอดี พวกเขาคิดว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบเดินเข้ามา
“ก้อนหินมากมายทีเดียว”
“หมอเทวดาสุดยอดจริงๆ”
“หนึ่ง สอง สาม…” องครักษ์หนุ่มคนหนึ่งไม่คิดรังเกียจ ถึงกับเริ่มนับก้อนหินเ่าั้แล้ว
เพียงไม่นานลุงฝูก็เข้ามา ด้านหลังยังมีองครักษ์และบ่าวไพร่ของจวนอีกสิบกว่าคนติดตามมาด้วย พวกเขาพากันเดินมาเป็ขบวนคล้ายจะมาต้อนรับผู้ใดก็มิปาน
“เป็ก้อนหินจริงๆ”
“์ มิน่าเล่าลุงโจวถึงปวดจนอยากตาย ที่แท้ในท้องก็มีก้อนหินอยู่มากเพียงนี้เชียว”
ทุกคนพากันล้อมดูด้วยความตื่นตะลึง นี่เป็หัวข้อที่พวกเขาจะใช้คุยเล่นกับผู้อื่นในภายหลัง โดยไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมแม้แต่น้อย
เจียงชิงอวิ๋นได้ยินก็รีบตามมา ทุกคนรีบหลีกทางให้เขา ตอนนี้กลิ่นเหม็นของอุจจาระถูกแรงลมพัดหายไปมากแล้ว แต่ก็ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง เขาขมวดคิ้วมุ่นมองแล้วมองอีก ทั้งยังแย่งกิ่งไม้มาจากมือขององครักษ์แล้วเขี่ยก้อนหินทั้งใหญ่เล็กในอุจจาระนั้นอีกด้วย
ก้อนหินก้อนใหญ่มีขนาดเท่ากับปลายนิ้วของผู้ใหญ่ ส่วนก้อนเล็กมีขนาดเท่าเล็บมือ มีลักษณะหลากหลาย ใหญ่กว่าที่เขาคิดเสียอีก
องครักษ์ที่นับก้อนหินเ่าั้พูดขึ้นว่า “นายท่าน มีทั้งหมดสามสิบสองก้อน”
“มีก้อนหินมากขนาดนี้เชียว” เจียงชิงอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองลุงโจวที่ถูกนางหลิวพยุงแขนอยู่ไม่ไกล กล่าวด้วยน้ำเสียงใส่ใจว่า “ตอนนี้เ้ารู้สึกอย่างไร”
เมื่อครู่ลุงโจวรู้สึกตะลึงพรึงเพริด ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกหวาดกลัว เขาจึงตอบไปว่า “ไม่รู้สึกอะไรขอรับ”
เจียงชิงอวิ๋นหันมาแล้วเดินออกมาหลายก้าวเพื่อออกห่างจากสิ่งปฏิกูลนั้น เขามองไปยังทิศทางของหมู่บ้านหลี่ ในดวงตาเจือไปด้วยประกายขอบคุณและสั่นสะท้าน กล่าวแต่ละคำด้วยเสียงดังชัด “หมอเทวดาน้อยแห่งหมู่บ้านหลี่ สมคำร่ำลือจริงๆ”
ลุงฝูเดินตามมา กล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง “นายท่าน บ่าวจะส่งหนังสือไปให้หมอเทวดาน้อยแห่งหมู่บ้านหลี่ ท่านเห็นว่าอย่างไรขอรับ”
เจียงชิงอวิ๋นนึกไปถึงหมอเทวดาน้อยที่มีความสุขุมและความมั่นใจในตนเองราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย ทั้งยังนึกไปถึงคำพูดเ่าั้ที่อีกฝ่ายกล่าวเตือนตน แววตาพลันทอประกายอ่อนโยน เอ่ยปากพูดว่า “ส่งเงินตำลึงกับผ้าไปด้วย”
เงินที่จวนเจียงจ่ายเพื่อเชิญหมอมีชื่อมาตรวจรักษาให้ลุงโจวไม่น้อยกว่าหลายร้อยตำลึง เงินตำลึงจ่ายไปแล้วก็ช่างเถิด แต่กลับรักษาไม่หาย
ส่วนหลี่หรูอี้ทำเพียงยาสมุนไพรแปลกประหลาดให้ไหหนึ่ง ก็สามารถเอาก้อนหินออกมาจากถุงน้ำดีของลุงโจวได้แล้ว ต้นตอของโรคถูกรักษาแล้ว ทั้งยังตรวจโรคให้เจียงชิงอวิ๋น เขียนตำราอาหาร และให้ข้อแนะนำต่างๆ อีกด้วย เจียงชิงอวิ๋นย่อมรู้สึกขอบคุณหลี่หรูอี้เป็อย่างมาก
“ขอรับ” ลุงฝูตอบรับ จากนั้นจึงพูดยิ้มๆ ว่า “หมอเทวดาน้อยแนะนำให้ท่านเดินช้าๆ ทุกวัน วันละครึ่งชั่วยาม วันนี้อากาศดีฟ้าโปร่ง แสงอาทิตย์ก็ดี ท่านเดินสักหน่อยดีหรือไม่”
“เดินสักหน่อยก็ดี” ั้แ่ที่เจียงชิงอวิ๋นกลับมาจากบ้านหลี่ก็กินอาหารตามตำราอาหารของหลี่หรูอี้เท่านั้น ยังไม่ได้ออกกำลังด้วยการเดินช้าๆ ตามคำพูดของนาง เมื่อผ่านเื่วันนี้ไปต่อให้ลุงฝูไม่กล่าวเตือน เขาก็คิดจะเริ่มเดินแล้ว
สองสามีภรรยาลุงโจว้าขอบคุณหมอเทวดาน้อยต่อหน้า ตอนบ่ายจึงนำของขวัญที่ลุงฝูจัดเตรียมให้ขึ้นรถม้าแล้วมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านหลี่
“นี่คือของที่นายท่านของข้ามอบให้บ้านพวกท่าน หนังสือหนึ่งร้อยเล่ม เงินห้าสิบตำลึง และผ้าไหมอีกสิบพับ”
“นี่คือของที่พวกเราสองสามีภรรยามอบให้หมอเทวดาน้อย เป็เครื่องประดับทองหนึ่งชุด”
“พวกเราเคารพหมอเทวดาน้อย ได้โปรดรับการคารวะจากพวกเราสองสามีภรรยาด้วยเถิด”
ลุงโจวและนางหลิวล้วนเป็ผู้รู้บุญคุณคน ไม่เพียงจะส่งมอบของขวัญส่วนตัวให้หลี่หรูอี้เท่านั้น ทั้งยังมาคารวะขอบคุณด้วยตนเองอีกด้วย
“คราวที่แล้วข้ากล่าวว่า ้าเพียงหนังสือ เหตุใดนายท่านของพวกท่านจึงส่งเงินตำลึงและผ้าไหมมาให้มากมายเพียงนี้” หลี่หรูอี้ผลิยิ้มงดงามราวบุปผา “นายท่านของพวกท่านเดินช้าๆ ทุกวันตามคำแนะนำของข้าหรือไม่”
ลุงโจวกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “เอ่อ... นายท่านของพวกเราจะเริ่มเดินั้แ่วันนี้ขอรับ”
นางหลิวสูญเสียบุตรหลานไปแล้ว จึงเห็นเจียงชิงอวิ๋นเป็ดั่งลูกของตน เมื่อกล่าวถึงเจียงชิงอวิ๋นดวงตาพลันร้อนผะผ่าว ขมวดคิ้วพูดว่า “หมอเทวดาน้อย หากท่านรักษานายท่านของพวกเราจนหายได้ พวกเราสามีภรรยาจะเป็วัวเป็ม้าให้ท่าน”
“ขอเพียงเขายอมฟังคำของข้า เดินออกกำลังกายทุกวัน ทานอาหารตามตำราอาหารและกำจัดเื่ในใจออกไปได้ ไม่เกินสามเดือนก็ดีขึ้นแล้วเ้าค่ะ” หลี่หรูอี้เห็นว่านางหลิวเป็ห่วงเป็ใยเจียงชิงอวิ๋นถึงเพียงนี้ จึงคิดว่าวันนี้คงไม่ใช่โอกาสดีที่จะกล่าวถึงเื่ที่จะให้เจียงชิงอวิ๋นเป็อาจารย์ของพวกพี่ชายตน
ตอนนี้เองมีเสียงเปี่ยมความมั่นใจของบุรุษวัยกลางคนดังแว่วออกมาจากลานบ้านด้านนอกห้องโถง “หลี่หรูอี้อยู่บ้านหรือไม่”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้