ดาบใหญ่เหล็กดำออกดาบด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง ‘แกร๊งๆๆ’ ฟาดฟันใส่ดาบยาวถึงสามครั้งติดต่อกัน ภายใต้แรงกระแทกอันมหาศาล ร่างกายของเซียวหลิงอวิ๋นสั่นะเือย่างรุนแรงจนต้องถอยหลังออกไป!
“ฮ่าๆๆ!” ในที่สุดก็จับเ้าได้เสียที เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งะเิออกมา ดาบยาวของหลิ่วิฟาดฟันลงไปอีกครั้ง คราวนี้ถึงพลังดาบจะลดลง แต่พลังกลับรวมอยู่ที่จุดเดียวมากขึ้น เซียวหลิงอวิ๋นต้องฟันดาบออกไปสามครั้งซ้อนเพื่อต้านรับดาบนี้ แต่ก็ทำให้ตัวเขาต้องซวนเซไปข้างหลังอีกครั้ง เืไหลซึมออกมาจากมุมปาก!
“ฮ่าๆ ตายเสียเถอะ!” เสียงะโดังลั่น ความเร็วในการไหลเวียนของพลังิญญาในกายของหลิ่วิเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ดาบยาวปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรง!
เซียวหลิงอวิ๋นที่มีเืไหลรินออกจากมุมปาก ะเิพลังลมปราณ เรียกใช้วิชากายค้อนสำริดจนถึงขีดสุด ทำให้ตัวของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงสีเขียว ราวกับมีดอกบัวสีเขียวโอบรอบร่างเอาไว้ ใช้ดาบใหญ่เหล็กดำตั้งรับที่หน้าอก ในขณะเดียวกันก็ถ่ายเทพลังไปที่เท้าเพื่อเรียกใช้เคล็ดวิชาก้าวลวงิญญา ถอยกรูดไปข้างหลัง
‘แกร๊ง!’ เสียงปะทะกันดังก้องกังวาน ดาบยาวฟันลงมาที่ดาบใหญ่เหล็กดำอย่างหนักหน่วงและรุนแรง ‘แกร๊ง!’ อาวุธของนักยุทธ์ในระดับสูงสุดอย่างดาบใหญ่เหล็กดำที่มีใบดาบหนาเตอะยังปรากฏรอยร้าวขึ้นมาเป็เส้นๆ ราวกับใยแมงมุม มือขวาที่จับดาบใหญ่อยู่บิดงอเพราะแรงกระแทกอันมหาศาล ร่างของเขาสั่นะเือย่างรุนแรง กระอักเืออกมาเป็จำนวนมาก จากนั้นตัวก็ลอยกระเด็นไปราวกับตุ๊กตาฟางที่ถูกจับโยนขึ้นไปในอากาศ! หายไปในหมอกหนาทันที!
“ฮ่าๆๆ!” เสียงหัวเราะเย้ยหยันของหลิ่วิดังขึ้น พุ่งตัวไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว!
ในที่สุดก็ติดกับแล้ว!
ภายในหมอกหนาทึบ ตัวของเซียวหลิงอวิ๋นที่ลอยเคว้งอยู่ในอากาศ มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย็นะเืออกมา! อุตส่าห์รับดาบของอีกฝ่ายตรงๆ แลกกับอาการาเ็ที่อวัยวะภายในจนอาเจียนเป็เื เสี่ยงข้อมือขวาหักอีก หากยังไม่สามารถล่อลวงให้ศัตรูตามมาได้ ์คงจะใจร้ายเกินไป!
ห้านิ้วมือซ้ายขยับเป็รูปแบบต่างๆ อย่างรวดเร็ว คำหนึ่งหลุดออกจากปากของเขาแ่เบา “ผนึก!”
เสียงดังหึ่งหึ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยลำแสงนับร้อยที่พุ่งออกมาจากทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้าย ด้านขวา และด้านล่างของตัวหลิ่วิอย่างกะทันหัน จากนั้นกลายเป็ลำแสงหลายสิบเส้นที่พัวพันกันและพุ่งเข้าไปหาหลิ่วิ!
ลำแสงที่เหมือนกับเถาวัลย์นี้ พันรอบตัวหลิ่วิทั้งคนทั้งดาบด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง!
ลำแสงที่โผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหันนี้ ทำให้สีหน้าของหลิ่วิถึงกับถอดสีในทันที ด้วยความใ ทำให้พลังิญญาทั่วกายของเขาถึงกับพลุ่งพล่าน!
‘เปรี๊ยะๆๆ!’ เสียงดังขึ้นสามครั้งซ้อน ลำแสงสามเส้นขาดออกจากกัน! กระนั้นลำแสงเส้นอื่นๆ กลับเป็เหมือนฉลามที่ได้กลิ่นเื ตามเข้ามากระหวัดพันอย่างต่อเนื่อง!
ชั่วขณะต่อมา ดวงตาที่กำลังตื่นตระหนกของหลิ่วิก็มองเห็นดาบใหญ่ที่มีรอยแตกร้าวปรากฏเข้ามาในระยะสายตาอย่างรวดเร็ว!
เปรี้ยง!
ใบดาบที่หน้าราวกับค้อนก็ฟาดลงบนใบหน้าด้านซ้ายของหลิ่วิอย่างรุนแรง!
‘เพล้ง’ พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น ใบดาบแตกออกเป็ชิ้นๆ ราวกับแก้วที่แตกออกเป็เสี่ยง หน้าของหลิ่วิหันสะบัดไปทางขวาในทันที ราวกับมมีดอกไม้ไฟสีทองสว่างวาบขึ้นตรงหน้า ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลงในทันที!
...
‘แกร๊งๆๆ’ เสียงดาบปะทะกัน ‘ฮ่าๆ’ เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของหลิ่วิ ‘เปรี้ยง’ ทุกๆ เสียงที่ดังขึ้น และทุกๆ ครั้งที่มีเสียงหัวเราะอย่างอหังการของหลิ่วิ ทำให้หัวใจของเจิ้งอวิ๋นเผิงที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าหมี่รู้สึกเหมือนกำลังลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ ไปไม่ถึงทั้ง์ทั้งพื้นดิน ทำให้ทั้งรู้สึกกระวนกระวาย หวาดกลัว จิตใจร้อนรุ่มไปหมด กำหมัดทั้งสองข้างแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อโดยไม่รู้ตัว
เจิ้งอวิ๋นเผิงอดไม่ได้ที่จะยกเท้าลอยจากพื้นหลายต่อหลายครั้ง แต่เมื่อนึกถึงคำสั่งของเซียวหลิงอวิ๋นแล้ว เท้าที่ยกขึ้นก็ต้องหดกลับมา!
เปรี้ยง! เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างกระแทกเข้ากับเนื้อหนัง! หลังจากสิ้นเสียงนี้ก็ไม่มีเสียงใดๆ ดังออกมาอีก!
จบแล้วหรือ? ใครแพ้ใครชนะ? ทำไมเสียงถึงเงียบไป? เสียงหัวเราะของหลิ่วิ... ก็หายไปด้วย หาก... หากหลิ่วิชนะ คนอย่างเขาจะไม่หัวเราะฉลองชัยเลยหรือ? หรือว่า... หลิ่วิถูกฆ่าตายไปแล้ว?
จะเป็ไปได้อย่างไร? หรือว่าทั้งสองคนได้าเ็สาหัสและหมดสติไปทั้งคู่? หรือว่า...
คำที่ไม่ได้พูดออกมาคือสิ่งที่เจิ้งอวิ๋นเผิงไม่อยากจะคิด! เพราะหากเป็เช่นนั้นจริง ตัวเขาพอจะนึกภาพออกได้เลย ว่าชิวเทียนฉี่คงจะโกรธและฉีกทึ้งเขาเป็ชิ้นๆ อย่างแน่นอน!
เป็ไงเป็กัน คราวนี้จะต้องไปดูให้เห็นกับตาให้ได้!
ในขณะเจิ้งอวิ๋นเผิงตัดสินใจได้และกำลังจะก้าวเดินไปข้างหน้า ตัวเขาก็ััได้ถึงลมปราณของเซียวหลิงอวิ๋น!
เฮ้อ! เจิ้งอวิ๋นเผิงถอนหายใจยาวออกมา รู้สึกได้ถึงเหงื่อกาฬที่ไหลโซมออกมาทั่วร่างกาย! จนเกือบจะนั่งลงไปกองกับพื้น! แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าหมี่ แต่ความทุกข์ทรมานทางจิตใจก็ทำให้เขาเหนื่อยล้าทั้งกายทั้งจิตใจ! แทบไม่ต่างอะไรไปจากการสู้กับชิวเทียนฉี่เลย!
“ตุบ!” เซียวหลิงอวิ๋นลากหลิ่วิที่เหมือนกับหมาตายมาด้วย โยนร่างออกไปข้างหน้า ก่อนจะนั่งลงกับพื้นและผ่อนลมหายใจแรงๆ “เ้าหมอนี่... รบกวนเ้า... ปิดกั้นพลังิญญาของเขาให้ดี... และช่วยเฝ้าเอาไว้ด้วย ข้าต้องปรับสภาพลมปราณตัวเองก่อน...”
เจิ้งอวิ๋นเผิงมองไปที่เซียวหลิงอวิ๋นซึ่งหน้าอกกับหน้าท้องเต็มไปด้วยรอยเื ข้อมือขวาโค้งงออย่างผิดปกติ จากนั้นจึงหันกลับไปมองที่หลิ่วิที่มีสภาพเหมือนหมาตายซากอย่างรวดเร็ว เจิ้งอวิ๋นเผิงอ้าปากค้างอยู่สามชั่วอึดใจเต็มๆ ก่อนจะตอบกลับ “อื้ม!”
เขานั่งยองๆ และยกร่างหลิ่วิขึ้นด้วยมือซ้าย แล้วค่อยๆ ถ่ายพลังิญญาแทรกซึมเข้าไปอย่างเงียบๆ เมื่อรับรู้ถึงสภาพภายในของหลิ่วิชัดเจนแล้ว นิ้วมือขวาทั้งห้านิ้วก็ขยับไปมา ทำการปิดกั้นพลังิญญาของอีกฝ่าย ต่อให้หลิ่วิฟื้นขึ้นมาก็จะอยู่ในสภาพไร้พลัง ไม่สามารถทำอะไรได้!
หลังจากทำทั้งหมดนี้เรียบร้อยแล้ว สายตาของเจิ้งอวิ๋นเผิงก็มองไปยังเซียวหลิงอวิ๋นที่กำลังหลับตาและเข้าสู่สภาวะปรับสภาพลมปราณอีกครั้ง และแล้วหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความตระหนก!
์ เ้าหนุ่มนี่ทำได้จริงๆ!
เป็แค่นักยุทธ์ระดับหก ถึงแม้จะมีหมอกหนาช่วยอำพราง แต่สามารถทำให้ผู้ใช้พลังิญญาระดับกลางหมดสติได้ เื่เช่นนี้... หากไม่ใช่เพราะมันเกิดขึ้นจริงตรงหน้าเขา เจิ้งอวิ๋นเผิงก็คงไม่เชื่อเช่นกัน หรือต่อให้เขาแพร่งพรายเื่นี้ออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อเป็แน่!
เื่แบบนี้หากพลิกดูประวัติศาสตร์ของอาณาจักรซินโยวก็คงหาไม่พบ และคงไม่มีเื่เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตด้วย เ้าหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็อัจฉริยะที่หาตัวจับยากเท่านั้น ยังเป็สัตว์ประหลาดที่เหนือจินตนาการของมนุษย์!
“กร๊อบ!” เจิ้งอวิ๋นเผิงสังเกตเห็นว่า ไม่นานหลังจากที่เซียวหลิงอวิ๋นหลับตาลงเพื่อปรับสภาพลมปราณ มือซ้ายของเขาก็ทำการบิดข้อมือขวาที่งอผิดรูปให้กลับเข้าที่ภายในเวลาไม่กี่ชั่วอึดใจ! จุดที่หักนั้นไม่รู้แน่ชัดว่าหายแล้วหรือยัง แต่หากดูจากภายนอก ราวกับกระดูกกลับมาเชื่อมติดกันดังเดิมแล้ว!
เ้าหนุ่มนี่มีวิชาแบบนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
การทำให้กระดูกที่หักกลับเข้าที่ได้เป็อะไรที่เ็ปเหลือจะพรรณนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดกระดูกให้เข้าที่ด้วยตัวเองเช่นนี้... แค่คิดถึงเื่นี้ เจิ้งอวิ๋นเผิงก็รู้สึกเข็ดฟันแล้ว!
เขาใช้วิชาเซียนเต่ากระเรียนให้ทำงานอย่างเต็มที่ ถ่ายโอนพลังเย็นๆ ให้ไหลไปรวมกันอย่างรวดเร็วที่อวัยวะภายในและกระดูกข้อมือขวาที่หัก ทำการรักษาซ่อมแซมอย่างเต็มที่!
หลังจากเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยชา เซียวหลิงอวิ๋นก็ลืมตาและลุกขึ้น! แล้วกล่าวกับเจิ้งอวิ๋นเผิง “ไปกันเถอะ!” พูดจบก็เดินนำหน้าไป!
เจิ้งอวิ๋นเผิงที่อยู่ด้านหลังแบกหลิ่วิที่ยังคงหมดสติอยู่ขึ้นบ่า หยิบอาวุธ ‘ดาบภูติน้ำ’ ที่หลิ่วิทำตกอยู่บนพื้นขึ้นมาด้วย แล้วเดินตามเซียวหลิงอวิ๋นไป!
“ท่านอาเจ็ด ท่านอาหลิ่วเป็อะไรไปหรือ? ใครทำร้ายท่านอาหลิ่วเช่นนี้ แล้วเ้าหมอนี่เป็ใครกัน?” เมื่อทั้งสามคนกลับมาตรงที่ชิวเทียนฉี่อยู่ เจี่ยงอิงจึงรีบลุกขึ้นยืนและเบิกตากว้างด้วยความใ!
“ตุบ!” เจิ้งอวิ๋นเผิงจึงโยนหลิ่วิลงบนพื้น แล้วยกมือขึ้นตบหน้าเจี่ยงอิง “ป๊าบ” พร้อมกับะโ “พวกเราเคยสอนเ้าอย่างไร กล้าดีอย่างไรเรียกคนอื่นว่าเ้าหมอนี่เช่นนี้ ในเมื่อไม่มีสัมมาคารวะก็สมควรถูกตีแล้ว ท่านนี้คือนายน้อยหลิงอวิ๋น ทำไมยังไม่รีบคารวะอีก!”
ใบหน้าของเจี่ยงอิงแดงก่ำ ปกติไม่ว่าเขาจะก่อเื่อะไรไว้ ท่านอาเจ็ดก็ไม่เคยตีเขาเลย แต่ตอนนี้เพียงแค่ประโยคเดียว กลับยกแขนขึ้นมาตบหน้าเขาอย่างแรง และยังมีท่าทีโกรธขึ้งถึงเพียงนี้อีก
“หลิงอวิ๋น...” ในขณะที่กำลังหันหน้าไปทางเซียวหลิงอวิ๋นและกำลังจะเรียก
“ข้าไม่ใช่นายน้อย และไม่อนุญาตให้ลูกหลานตระกูลเจิ้งอ๋องเรียกข้าว่านายน้อยด้วย!” เซียวหลิงอวิ๋นพูดขัดด้วยน้ำเสียงเย็นะเื!
“ฮ่าๆๆ เ้าเจ็ด เป็อย่างไรล่ะ ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าหลิงอวิ๋นทำได้!” ชิวเทียนฉี่หัวเราะเสียงดัง สายตาเหลือบมองไปที่เสื้อผ้าบริเวณหน้าอกและหน้าท้องของเซียวหลิงอวิ๋น สีหน้าพลันซีดเผือดไปทันที “หลิงอวิ๋น เ้าาเ็สาหัสหรือ ไม่เป็อะไรใช่หรือไม่!”
“าเ็เล็กน้อย ไม่เป็ไร”
“ท่านอาเจ็ด!” หลังจากเซียวหลิงอวิ๋นพูดขัดเขา เจี่ยงอิงก็ได้แต่หันไปมองเจิ้งอวิ๋นเผิงอีกครั้ง!
แต่เจิ้งอวิ๋นเผิงกลับไม่ได้สนใจเจี่ยงอิงเลย หันไปมองเซียวหลิงอวิ๋น รอยยิ้มประจบประแจงปรากฏขึ้นบนใบหน้า “นายน้อย หลานชายของข้าคนนี้ถูกตามใจมาั้แ่เด็ก จึงมักพูดจาหยาบคายกับสหายพี่น้องเสมอ การเรียกท่านอย่างไม่เหมาะสมเช่นนี้ ขอนายน้อยโปรดอย่าถือสา!”
“ในสายตาของท่านอาเจ็ด เห็นข้าเป็คนกลับกลอกอย่างนั้นหรือ? คำพูดของข้ามีน้ำหนักมากกว่าคำพูดของจักรพรรดิเฒ่าแห่งแคว้นมู่อวิ๋นนี้เสียอีก ไม่มีทางที่ข้าจะกลับคำเด็ดขาด ขอท่านอาเจ็ดอย่าได้กังวลไป หลานชายของท่าน ข้าไม่สนใจที่จะฆ่าเขาแล้ว!”
“ใช่ๆๆ เป็ข้าเองที่คิดน้อยเกินไป นายน้อยพูดคำไหนคำนั้น มีค่ายิ่งกว่าทองคำเสียอีก”
“ว่าอย่างไรนะ บอกจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ?” เจี่ยงอิงที่อยู่ใกล้ๆ ก็พูดประชดขึ้นมา “ร่างกายกระจอกงอกง่อยเช่นเ้า เป็เพียงนักยุทธ์ระดับหกตัวกระจ้อย กลับกล้าพูดจาใหญ่โต...”
“ป๊าบ!” ก่อนที่จะทันได้พูดจบ เจี่ยงอิงก็โดนเจิ้งอวิ๋นเผิงตบหน้าอีกครา!
“หุบปาก! เ้าเด็กตัวเหม็น หากเ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ไม่ต้องรอให้ถึงมือนายน้อย...”
“ท่านอาเจ็ด เด็กหนุ่มกำลังไฟแรง อารมณ์ขึ้นง่ายก็เป็เื่ปกติ ข้าถูกคนด่าว่าเป็เ้าขยะมานักต่อนักแล้ว หลานชายของท่านอยากจะพูดอะไรก็ให้เขาพูดไปเถอะ ข้ายังไม่หายดี จะขอพักรักษาตัวอีกสักหน่อย ท่านอาชิว รบกวนท่านแจ้งท่านลุงจ้าวให้ที ว่าเสร็จเื่แล้ว ให้ท่านลุงลดขอบเขตอาคมลง ปิดกั้นแค่ตรงปากทางเข้าก็พอ! จากนั้นก็รบกวนท่านอาอีกครั้งให้ช่วยเก็บกวาดคนบนูเาให้ด้วย!”
“อื้ม เื่เหล่านี้ไว้ใจข้าได้เลย เ้าจงพักผ่อนให้สบายเถอะ!” ชิวเทียนฉี่ทุบอกรับคำ!
...
บริเวณสวนของตำหนักหลังหนึ่งในสำนักิญญาเมฆา มีเก้าอี้หวายสองตัวตั้งอยู่ โต๊ะตัวเตี้ยหนึ่งตัววางอยู่ตรงกลาง บนโต๊ะมีกระดานหมากรุกหยก กองทัพขาวกับดำกำลังเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ชายชราทั้งสองกำลังนั่งเล่นหมากรุกแข่งกัน
“เด็กคนนี้เข้าสู่ขั้นตอนการปรับตัวมาสี่วันแล้ว ยังไม่ออกมาอีกหรือ?”
“ศิษย์พี่ นี่นับเป็เื่ดีนะ! ยิ่งใช้เวลานานเท่าไหร่ สิ่งที่เด็กคนนั้นได้ก็จะยิ่งมากขึ้น ฐานพลังก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นด้วย จะรีบร้อนไปทำไม! หลังจากศิษย์เปิดเส้นลมปราณแล้ว ท่านใช้เวลานานเท่าไรในการทำให้กระแสลมปราณไหลเวียนหรือ?”
“ข้าหรือ ไม่ถึงครึ่งวัน! ชางไห่ เ้าใช้เวลานานกว่าข้าอีกไม่ใช่หรือ?”
“ข้าหรือ เก้าชั่วยาม!”
“เด็กคนนี้คงเป็คนที่ใช้เวลานานที่สุดแล้วในการทำให้กระแสลมปราณไหลเวียนหลังจากเปิดเส้นลมปราณสำเร็จ เผลอๆ อาจจะทำลายสถิติที่ยาวนานที่สุดของสำนักิญญาเมฆาของเราเสียด้วย!”
“ไม่ใช่เพียงขั้นตอนการเปิดเส้นลมปราณเท่านั้น แม้แต่ในขั้นตอนการปรับสภาพกระแสลมปราณให้ไหลเวียนก็ยังเหนือกว่าปรมาจารย์ิญญาเสียอีก คงไม่มีใครในสำนักที่ใช้เวลานานไปกว่าแม่หนูคนนี้แล้ว!”
“ไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เด็กคนนี้ออกมาแล้วจะเป็อย่างไรบ้าง ข้าแทบจะทนรอไม่ไหว!”
“ฮ่าๆๆ ศิษย์พี่ ข้าหวังให้เด็กคนนี้อยู่ในห้องนั้นไปนานๆ! และยินดีที่จะเป็คนเฝ้าประตูให้นางด้วยซ้ำไป! ฮ่าๆๆ!” ชายชราร่างผอมหัวเราะเสียงดัง
