“ญาติรัก เ้าช่างเป็คนที่มีน้ำจิตน้ำใจดีเหลือเกิน! ถึงกับยอมคบกับคนเช่นนั้น”
ฉู่เหลียนถูกกระชากกลับสู่ความเป็จริงด้วยน้ำเสียงจิกกัดของเด็กสาวผู้หนึ่ง เมื่อหันไปมองต้นเสียงดี ๆ ก็ปรากฏเป็องค์หญิงเล่อเหยาที่ยืนอยู่ไม่ไกล พร้อมด้วยคุณหนูสองนางด้านหลังที่เป็คนเดียวกับที่เจอเมื่อคราวอยู่จวนติ้งหยวน คุณหนูห้าแห่งจวนติ้งหยวนอย่างคุณหนูโจวหยวนฉิน และท่านหญิงอานิ่
ฉู่เหลียนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง นางกำลังจะเอ่ยปาก ทว่าองค์หญิงต้วนเจี่ยกลับย้อนขึ้นก่อน “เล่อเหยา การยุ่งเื่ของข้าเป็กิจของเ้าั้แ่เมื่อใด? หากเ้าว่างเพียงนั้น เหตุใดจึงไม่ไปสนใจในเื่ของตนเองเล่า! ”
อันที่จริงองค์หญิงเล่อเหยานับว่าสูงศักดิ์กว่าองค์หญิงต้วนเจี่ย ทว่าเว่ยอ๋องและเฉิงผิงฮ่องเต้เป็พี่น้องร่วมสายเืกัน ทั้งฮ่องเต้ยังรักใคร่เว่ยอ๋องมาก มิหนำซ้ำองค์หญิงต้วนเจี่ยยังเป็ธิดาเพียงคนเดียวของเว่ยอ๋อง นางจึงได้รับความรักจากทั้งไทเฮาและฮ่องเต้มิได้น้อยไปกว่าองค์หญิงเล่อเหยา
องค์หญิงเล่อเหยาจึงพยายามรักษาความสัมพันธ์อันดีกับองค์หญิงต้วนเจี่ย ญาติของนางผู้ได้รับการเอาอกเอาใจ เอ็นดูเท่า ๆ กันกับตนเสมอ ทว่าใครจะคาดว่าองค์หญิงต้วนเจี่ยจะเข้าข้างฉู่เหลียนเล่า?
ใบหน้าเล่อเหยาซีดเผือด ตื่นตระหนกระคนโกรธเคือง นางอาจไม่สามารถเอาชนะองค์หญิงต้วนเจี่ยได้ก็จริง ทว่าในยามนี้นางกลับต้องพ่ายแพ้ต่อท่านหญิงเล็ก ๆ อย่างฉู่เหลียนเชียวหรือ? แต่เป็ที่น่าแปลก องค์หญิงเล่อเหยามิได้กล่าวสิ่งใดโต้ตอบองค์หญิงต้วนเจี่ย นางเพียงแต่พยายามสะกดกลั้นความโกรธและนำพรรคพวกของตนจากไป ก่อนจากไป นางยังหันมองฉู่เหลียนด้วยรอยยิ้มหยันที่ดูแปลกพิลึก
ฉู่เหลียนมุ่นคิ้ว รอยยิ้มนั้นทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจเลย
เมื่อองค์หญิงต้วนเจี่ยสังเกตเห็นฉู่เหลียนที่ดูอารมณ์ไม่ดีจึงพยายามพูดจาปลอบใจ “ฉู่เหลียน เ้าไม่ต้องไปใส่ใจคนเช่นนั้นหรอก นางเพียงงอแงเพราะถูกตามใจจนเคยตัว และไม่มีใครทราบเช่นกันว่าเมื่อใดสมองนางถึงจะโตเทียบเท่าตัว! ”
ฉู่เหลียนส่งยิ้มให้องค์หญิง ทว่าหนังตายังกระตุกโดยไร้สาเหตุ
ราว ๆ สิบนาทีต่อมา มู่เซียง สาวใช้ข้างกายเฮ่อเหล่าไท่จวินก็เร่งร้อนเข้ามาหา สีหน้าบ่งบอกว่ากำลังพบเจอกับปัญหาใหญ่เข้าเสียแล้ว เมื่อเห็นนายหญิงสามก็รู้สึกราวกับพบหนทางแก้ไข
ฉู่เหลียนมองไปและกำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่ามู่เซียงรีบเอ่ยก่อน “นายหญิงสามเ้าคะ เกิดเื่แล้วเ้าค่ะ! เหล่าไท่จวินเรียกพบท่านโดยด่วน! ”
ฉู่เหลียนเลิกคิ้วสูง มีลางสังหรณ์ว่าเื่ราวที่เกิดขึ้นนี้น่าจะเกี่ยวพันกับองค์หญิงเล่อเหยา
ในขณะที่องค์หญิงต้วนเจี่ยเห็นฉู่เหลียนทำท่าเร่งร้อนจะจากไป นางจึงนิ่วหน้าถาม “ฉู่เหลียน เกิดอะไรขึ้นหรือ? ”
ฉู่เหลียนข่มความกังวล เอ่ยตอบ “ท่านย่ากำลังตามหาหม่อมฉันอยู่ หม่อมฉันคงต้องขอตัวก่อน”
“อยากให้ข้าไปด้วยหรือไม่? ”
ฉู่เหลียนส่ายหน้า องค์หญิงต้วนเจี่ยจึงไม่เร่งหาความใดเพิ่มเติมอีก และมองฉู่เหลียนเดินออกไปข้างห้องโถงพร้อมสาวใช้
พระชายาเว่ยอ๋องเหมือนจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ จึงส่งคนไปตามหาองค์หญิงต้วนเจี่ย และมีสาวใช้ผู้หนึ่งมารายงานเหตุต่อนางเป็การส่วนตัว
“เหมือนจวนจิ่งอันจะเกิดเื่แล้ว ฉู่เหลียนถูกเฮ่อเหล่าไท่จวินเรียกตัวไป”
พระชายาเว่ยอ๋องกำผ้าเช็ดหน้าครุ่นคิด จากนั้นจึงหันไปสั่งสาวใช้รุ่นใหญ่คนหนึ่งของตน “ส่งคนไปดูหน่อย หากเกิดปัญหาใดที่แก้ไขไม่ได้ให้รีบมารายงานข้า”
ฉู่เหลียนถูกมู่เซียงนำไปที่อีกปีกหนึ่งของตำหนัก เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปในห้อง มู่เซียงก็รีบปิดประตูแ่า ภายในห้องนั้นมีเฮ่อเหล่าไท่จวินนั่งอยู่หน้าโต๊ะ และมีโจวซื่อยืนอยู่
ขณะที่มู่เซียงเดินนำฉู่เหลียนไปยังเฮ่อเหล่าไท่จวิน ก็พลันเห็นอีกฝ่ายกระแทกไม้เท้าลงพื้น ะโลั่น “ภรรยาต้าหลาง! เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดจึงทำขนมตั้นเกาของเราหายไปได้? ”
โจวซื่อก้มหัว หน้าซีดเผือดเอ่ยตอบเหล่าไท่จวินเสียงสั่น “ท่านย่า ก่อนที่หลานสะใภ้จะออกจากจวน หลานได้ตรวจสอบทุกอย่างด้วยตนเองแล้ว พบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีเ้าค่ะ แม้แต่ตอนที่เข้าวังมา ขนมตั้นเกาก็ยังอยู่ ทว่ามันกลับเพิ่งหายไประหว่างที่มายังตำหนักหนิงเหอ...หลานสะใภ้...ไม่ทราบจริง ๆ เ้าค่ะ ว่าหายไปได้อย่างไร...”
เฮ่อเหล่าไท่จวินกระแทกไม้เท้าอีกครา อดกลั้นไว้มิให้ตนพลั้งเผลอกระแทกใส่โจวซื่อแทน
“ภรรยาต้าหลางจงตอบข้า! ยามเข้าวัง ใครเป็ผู้ถือกล่องใส่ขนมตั้นเกา!? ”
แม้ว่าวันนี้วังจะจัดงานเลี้ยงกลางฤดูใบไม้ผลิ ทว่าฮูหยินทั้งหลายก็มิได้รับอนุญาตให้นำคนอื่นเข้ามาปะปนในงานได้ โจวซื่อจึงนำหมัวมัวและสาวใช้ที่ไว้ใจที่สุดอย่างเฉียวหมัวมัวและจิ่นชุ่ยติดตามมาเพียงสองคนเท่านั้น
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้น่าสงสัยจนเกินไป ในตอนนี้ใจของโจวซื่อก็ไม่ได้อยากจะปิดบังอะไร ทว่าอย่างไรก็ยังอยากปกป้องสาวใช้ของตนอยู่ นางจึงทำเพียงงึมงำอะไรสักอย่างด้วยเสียงเบาอยู่ในลำคอ ฉู่เหลียนเริ่มขมวดคิ้วมองจากอีกทางหนึ่ง
“โจวซื่อ! ดูเื่ที่เกิดขึ้นซิ! เ้าจะไม่ยอมตอบอันใดกับข้าเลยหรือ? หรือเ้าตั้งใจจะฉุดพวกเราทั้งตระกูลลงกันแน่?! ” ท่านย่าที่ยามปกติจะใจดีและเป็มิตรอยู่เสมอ ตอนนี้ได้ะเิอารมณ์ออกมาเสียจนทำให้หลานสะใภ้ทั้งสองหวาดกลัว
“ท่านย่า ใจเย็นก่อนเถิดเ้าค่ะ! หลานสะใภ้พูดแล้ว! เป็...เป็จิ่นชุ่ย สาวใช้ของหลาน…”
เมื่อโจวซื่อเอ่ยชื่อ จ้าวหมัวมัวที่รับใช้ข้างกายเฮ่อเหล่าไท่จวินก็ะโเสียงดังทันที “เป็บ่าวที่บังอาจนัก ทำผิดแต่ยังไม่ยอมรับอีกหรือ? คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้! ”
จิ่นชุ่ยกลัวมาั้แ่ตอนที่ทำขนมตั้นเกาของจวนหายไป ยามนี้เมื่อถูกจ้าวหมัวมัวตะคอกใส่ แข้งขาสองขาก็พลันอ่อนเปลี้ยทรุดลงกับพื้น ทั้งยังพยายามพยุงตัวเองขึ้นเพื่อคุกเข่าร้องขอความเมตตาต่อเหล่าไท่จวินด้วยแขนอันสั่นเทา
“เหล่าไท่จวิน เหล่าไท่จวินเมตตาบ่าวด้วยเ้าค่ะ! บ่าว...บ่าวไม่ได้ตั้งใจจะทำกล่องหายเ้าค่ะ บ่าวถือกล่องไว้ด้วยสองมืออย่างระมัดระวังเดินตามนายหญิงใหญ่เข้าตำหนักหนิงเหอ แต่แล้วเมื่อเลี้ยวเข้ามาตรงหัวมุมกลับมีขันทีผู้หนึ่งดึงตัวบ่าวไว้ หลังจากนั้นบ่าวก็ได้กลิ่นแปลกประหลาดบางอย่างก่อนที่จะสลบไป เมื่อรู้สึกตัวอีกที กล่องตั้นเกาก็หายไปแล้วเ้าค่ะ! ส่วนขันทีผู้นั้นก็หายไปเช่นกัน เหล่าไท่จวิน บ่าว...บ่าวถูกลอบทำร้ายเ้าค่ะ! ”
ฉู่เหลียนขมวดคิ้ว ในสถานการณ์แบบนี้จิ่นชุ่ยย่อมไม่โกหกแน่ นางเป็สาวใช้ที่โจวซื่อไว้วางใจที่สุด โจวซื่อเองก็คงไม่โง่เง่าพอจะวางแผนร้ายอะไรในตอนนี้หรอก ดังนั้น ถ้าเื่ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ฝีมือของโจวซื่อ แสดงว่าต้องเป็คนอื่น
จู่ ๆ ฉู่เหลียนก็นึกถึงรอยยิ้มเย้ยหยันที่องค์หญิงเล่อเหยาทิ้งไว้ให้ก่อนหน้านั้น ในใจรู้สึกหมดหนทาง
เมื่อโจวซื่อเห็นสีหน้าเหล่าไท่จวินที่ยังมืดครึ้มเปี่ยมด้วยไฟโทสะ นางก็รีบเอ่ยปากขอร้อง “ท่านย่า โปรดอย่าโทษจิ่นชุ่ยเลยเ้าค่ะ เป็ผู้อื่นที่ชิงกล่องตั้นเกาไปจากนาง! ”
เฮ่อเหล่าไท่จวินโกรธจนแทบจะยกไม้เท้าฟาดโจวซื่อแล้ว “รู้หรือไม่นี่ไม่ใช่เวลาที่เ้าจะมาขอร้องอะไรแทนนาง? ตอนนี้เ้าควรใช้สมองเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหานี้! ”
เฮ่อเหล่าไท่จวินกำไม้เท้าแน่นด้วยสองมือ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรงหายใจหอบถี่ นางเมินหน้าหนีโจวซื่อ ในขณะที่โจวซื่อเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น ร่างของนางแทบจะอ่อนยวบลงไป ใครจะคิดว่าจะเกิดเื่เช่นนี้เล่า? หากจวนพวกนางมิได้ถวายขนมตั้นเกา ย่อมต้องรับโทษจากทั้งฮองเฮาและไทเฮา!
จ้าวหมัวมัวเริ่มคิดหาวิธีเอาตัวรอดให้จวน ก่อนจะลองเสนอความคิด “เหล่าไท่จวินเ้าคะ เราขอยืมขนมตั้นเกาจากฮูหยินจวนอื่นมาใช้ทดแทนไปก่อนได้หรือไม่? ”
“ยืมหรือ? อย่างไรเล่า? เกือบจะทุกจวนที่ถวายขนมตั้นเกากันไปแล้ว จะให้ไปยืมใครได้อีก? ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละจวนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตน หากยืมมาจริง เ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่ถูกจับได้? ”
เหตุการณ์นี้ค่อนข้างชัดเจนว่ามีบางคน้าสั่งสอนบทเรียนอันล้ำค่าแก่จวนจิ่งอัน คนผู้นั้นย่อมต้องจับตามองพวกนางอยู่เป็แน่ และหากพวกนางกล้ายืมขนมตั้นเกาของจวนอื่น ย่อมต้องถูกเปิดเผยในเวลาต่อมา และหากถูกจับได้จริง ๆ ไม่เพียงแต่จวนจะเสียชื่อ แต่การกระทำนั้นยังถือเป็การหลอกลวงต่อฮ่องเต้อีกทางหนึ่งด้วย
เมื่อจ้าวหมัวมัวได้ยินเหล่าไท่จวินตอบก็เงียบงันไป
ฉู่เหลียนหน้ายู่ไปหมดแล้ว นี่เป็ปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไขจริง ๆ เสียด้วย แต่ละจวนต่างก็เตรียมขนมตั้นเกาของตนเองมา การจะหยิบยืมจากผู้อื่น ย่อมไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีแน่
เมื่อเฮ่อเหล่าไท่จวินเหลือบเห็นภรรยาซานหลางยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง นางก็กำลังจะเอ่ยถามฉู่เหลียนว่ามีความคิดอะไรดี ๆ ต่อเื่นี้หรือไม่ แต่โจวซื่อกลับเอ่ยขัด “ท่านย่า น้องสะใภ้ทราบวิธีทำขนมทุกชนิด เหตุใดมิให้นางลองทำขนมตั้นเกาจากเศษที่เหลืออยู่เล่าเ้าคะ? คงไม่ยากจนเกินไปนัก”
เมื่อเอ่ยจบ ทั้งฉู่เหลียนและเฮ่อเหล่าไท่จวินต่างก็ทำหน้าย่น
ทำจากเศษหรือ?
ฮ่า! โจวซื่อประเมินฝีมือนางสูงไปหน่อยหรือไม่? ปัญหาคือตำหนักหนิงเหอไม่มีที่ให้นางทำขนม และต่อให้มีโรงครัว นางก็ไม่เคยทำไอ้เ้าขนมตั้นเกาสุดพิเศษสำหรับงานเลี้ยงกลางฤดูใบไม้ร่วงอะไรนี่มาก่อน หากทำออกมาได้ไม่ดีพอ ไม่ใช่ว่าจะต้องแบกรับความผิดและความเสียหายทั้งหมดหรอกหรือ?
ในตอนนี้ไม่ได้สำคัญว่าโจวซื่อจะมั่นใจในฝีมือนางมากเกินไป หรือโจวซื่อแค่อยากลากนางลงน้ำร้อนไปด้วยกัน แต่ที่แน่ ๆ โจวซื่อไม่ได้ใส่ใจความเป็ไปของนางแม้แต่น้อย! และไม่ว่าส่วนตัวโจวซื่อจะคิดอย่างไรกับนางนั้นก็ยิ่งไม่สำคัญ เพราะถึงอย่างไรฉู่เหลียนก็เป็ดั่งความหวังสุดท้ายของทั้งเฮ่อเหล่าไท่จวินและจวนจิ่งอัน กระทั่งเฮ่อเหล่าไท่จวินก็ยังมีเศษเสี้ยวของความหวังอยู่ในดวงตายามมองฉู่เหลียน
“หลานสะใภ้สาม เ้ามีหนทางแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเช่นนี้หรือไม่? ”
ฉู่เหลียนมองโจวซื่อ ดวงตาฉ่ำน้ำทำให้โจวซื่อรู้สึกอับอายขึ้นมาบ้างนางหันไปมองเหล่าไท่จวินและครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหายใจเข้าลึกและกล่าว “ท่านย่า หลานสะใภ้คิดออกวิธีหนึ่ง ทว่าหลานไม่ทราบว่าจะเหมาะสมหรือไม่…”
แม้จะไม่อยากรับผิดชอบกับหายนะในครั้งนี้เพียงใด ทว่ายามนี้นางก็เป็ส่วนหนึ่งของจวนจิ่งอันแล้ว ชื่อของพวกนางล้วนพันเกี่ยวไว้ด้วยกันไม่ว่าจะดีหรือร้าย
เมื่อเฮ่อเหล่าไท่จวินได้ยินคำพูดของฉู่เหลียนก็ดูจะผ่อนคลายขึ้นมา นางดึงมือฉู่เหลียนมาประกบและบีบนวด “เด็กดี ย่าทำให้เ้ากลัวแล้วหรือไม่? รีบบอกความคิดของเ้าให้ย่าฟังเร็วเถิด”
ฉู่เหลียนกำลังจะอธิบายความคิดของตน ทว่ายังเปิดคำถามให้เฮ่อเหล่าไท่จวินเป็ผู้ตัดสินใจ “ท่านย่า หลานไม่ทราบจริง ๆ ว่าวิธีนี้จะเหมาะสมหรือไม่? ”
ประกายแสงส่องสว่างในดวงตาเหล่าไท่จวิน นางกลับเชื่อมั่นในหลานสะใภ้วัยเยาว์ผู้นี้ของตนอย่างน่าประหลาด
เหล่าไท่จวินตบหลังมือฉู่เหลียนเบา ๆ “เอาเถิด เราจะทำดังเ้าว่า”
ฉู่เหลียนไม่ได้ดูผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย นางเพียงหันไปสั่งฉีเยี่ยนที่ตามเข้ามาให้ไปตระเตรียมของ เมื่อนางไปถึงตำหนักหนิงเหอก็ได้นำทั้งฉีเยี่ยนและกุ้ยหมัวมัวเข้าไปด้วย
เมื่อเหล่าไท่จวินและฉู่เหลียนวางแผนกันเสร็จสรรพ นางก็หันไปหาโจวซื่อที่ยังคงก้มหน้าอยู่ เอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเ็า “โจวซื่อ การถวายขนมตั้นเกาในวันนี้ ข้าจะให้ภรรยาซานหลางเป็ผู้ถวายแทนเ้า ส่วนเ้าและสาวใช้ที่ติดตามให้ยืนอยู่หลังข้าเมื่อถึงเวลา และห้ามใครกลับก่อนงานเลี้ยงจบลง! ”
คราวนี้เฮ่อเหล่าไท่จวินสั่งด้วยน้ำเสียงโกรธจัด
ในงานเลี้ยงใหญ่เช่นนี้ มีธรรมเนียมว่าฮูหยินผู้ดูแลบ้านจะเป็ตัวแทนของจวนในการถวายสิ่งของแก่ไทเฮาและฮองเฮา ทว่าตอนนี้เหล่าไท่จวินกลับพรากหน้าที่นั้นไปจากโจวซื่อเสียได้ นี่ราวกับเป็การตบหน้านางฉาดใหญ่ และทำให้นางไม่อาจมีหน้ามีตาในเมืองหลวงได้พักใหญ่
การลงโทษนี้ถือได้ว่าเลวร้ายที่สุด ยิ่งกว่าการยอมขายสาวใช้ที่นางเชื่อใจไปเสียอีก