เฟิ่งเฉี่ยนกระพริบตาปริบๆ ราวกับเป็ผู้บริสุทธิ์ “ข้าพูดอะไรผิดเช่นนั้นหรือ? ข้ากระทำการต่ำช้าไม่เป็จริงๆ ย่อมต้องไม่แข่งต่ำช้ากับหลานเฟย! ข้าไม่เหมือนหลานเฟยที่ต่ำช้าและประพฤติต่ำช้าั้แ่เล็กจนเติบใหญ่ จนกลายเป็ความเคยชิน! หากหลานเฟยจะแข่งต่ำช้ากับข้าให้ได้แล้วละก็ เช่นนั้นข้าก็คงได้แต่ฝืนใจ ประลองกับนางสักตั้ง”
“ท่าน...” ซือคงจวินเย่มีโทสะจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง สตรีนางนี้ปากคอเราะรายเกินไป คำหนึ่งก็ต่ำช้า สองคำก็ต่ำช้า ซ้ำยังไม่มีช่องโหว่ให้ผู้อื่นโจมตีกลับ เขาได้แต่ลอบขบฟันแน่น
บนที่ประทับ เซวียนหยวนเช่อหัวเราะอย่างไร้ซุ่มเสียง
ฮองเฮาของเขายังคงปากคมราวกับกรรไกรเหมือนเดิมไม่มีผิด แต่ไรมาไม่เคยเสียเปรียบ ทว่าน่ารัก น่ารักเหลือเกิน!
เขาชมชอบ!
องค์หญิงหลานซินยังคงมืดแปดด้าน พวกเขาสนทนาอะไรกัน แล้วมันเกี่ยวพันอะไรกับความประพฤติ? ยังมีอีก คำพูดเหล่านี้ของฮองเฮาฟังแล้วประหลาดนัก นาง้าสื่ออะไรกันแน่
นางยังไม่กระจ่างแจ้งแก่ใจ ทว่าความอดทนของนางขาดผึงแล้ว “เปิ่นกงไม่สนว่าท่านจะใช้กระบี่เป็หรือไม่ อย่างไรเปิ่นกงตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะประลองกระบี่!”
เฟิ่งเฉี่ยนตอบกลับไปอย่างเป็ธรรมชาติ “ธรรมดา! เ้าชื่นชอบแสดงความต่ำช้า นี่เหมาะสมกับเ้าอย่างยิ่ง!”
“พรืด!”
ระหว่างกลุ่มขุนนาง ไม่รู้ว่าเป็ขุนนางท่านใดที่กลั้นไม่ไหว ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนี้แผ่ขยายลุกลามอย่างรวดเร็ว เมื่อหัวเราะออกมาแล้วก็ยากที่จะควบคุมได้อีก!
องค์หญิงหลานซินบังเกิดโทสะ นางถลึงตาใส่ทุกคน “พวกท่านหัวเราะอะไรกันแน่?”
ซือคงจวินเย่ใช้หมัดบดบังริมฝีปากแล้วส่งเสียงกระแอม “น้องหญิง อย่าได้ใส่ใจเื่เหล่านี้ เ้าใช้กำลังความสามารถที่แท้จริงของเ้าทำให้นางพ่ายแพ้ก็พอ!”
พูดแล้วเขาก็หันไปถลึงตาใส่เฟิ่งเฉี่ยนและพูดเสียงหนัก “ฮองเฮา โปรดระมัดระวังคำพูดของท่านด้วย!”
เฟิ่งเฉี่ยนกลอกตาขาวมองบน “ไท่จื่อ ท่านจะก้าวก่ายมากเกินไปแล้วกระมัง ประเดี๋ยวบอกให้ข้าระมัดระวังเื่พฤติกรรม ประเดี๋ยวบอกให้ข้าระมัดระวังคำพูดคำจา คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าท่านเป็บิดาของข้าเสียอีก!”
เฟิ่งชังที่กำลังดื่มสุราอยู่ด้านข้างพ่นสุราออกมาจากปาก เขาถลึงตาใส่เฟิ่งเฉี่ยนอย่างมีน้ำโห เ้าเด็กคนนี้ พูดจาเลอะเลือนอันใด
ซือคงจวินเย่โมโหจนต้องตบโต๊ะดังปังแล้วลุกขึ้นยืน สตรีนางนี้ ช่างน่ารังเกียจ เขาอยากจะตบนางให้ตายคามือจริงๆ!
ยามนี้ เซวียนหยวนเช่อที่ประทับอยู่บนบัลลังก์ักลับส่งเสียงเปี่ยมไปด้วยอำนาจดังขึ้นว่า “ท่านพี่ซือคง ท่านจะกระโตกระตากเช่นนี้เพื่ออะไรกัน ฮองเฮาพูดประโยคใดไม่ถูกต้องหรือ เหตุใดเจิ้นจึงฟังไม่ออกแม้แต่นิดเดียว”
ซือคงจวินเย่หน้าเผือดสี จากนั้นหางตากระตุกถี่ๆ เซวียนหยวนเช่อผู้นี้ถึงกับแสร้งไร้เดียงสากับเขา ยังละอายใจเป็หรือไม่
เขาไม่เชื่อหรอกว่า คนฉลาดเช่นเขาจะฟังไม่ออก ขนาดเหล่าขุนนางยังล้วนฟังออกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในนั้น
เมื่อสักครู่เขาเห็นกับตาว่าเขาหัวเราะ...
เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเอนเอียงไปทางฮองเฮา!
เ้าเสแสร้งไปเถอะ เสแสร้งต่อไป!
ซือคงจวินเย่กำลังจะเอ่ยปากเปิดโปงอีกฝ่ายกลับได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้นอีกว่า “หากฮองเฮากล่าวคำพูดไม่เหมาะสมอันใด เจิ้นจะเป็ฝ่ายตักเตือนนางเอง คงไม่รบกวนท่านพี่ซือคง”
คำพูดประโยคเดียวทว่าอุดปากซือคงจวินเย่ได้อย่างชะงัดนัก!
ความหมายของเซวียนหยวนเช่อนั้นชัดเจนอย่างยิ่งยวด หากเ้าหาหลักฐานออกมาไม่ได้ แล้วยังแสดงท่าทีเป็ปรปักษ์ต่อฮองเฮาอีก เช่นนั้นแสดงว่าเ้าไม่ไว้หน้าเจิ้น และกำลังท้าทายอำนาจของเจิ้น!
ซือคงจวินเย่กำหมัดขบฟันแน่น
สามีภรรยาคู่นี้ช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก เป็คู่์สร้างโดยแท้!
ไม่ว่าจะเป็สามีหรือภรรยาล้วนมิใช่ตะเกียงที่รอวันมอดดับ!
หานปิงจีขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวว่า “พูดมากไม่มีประโยชน์! การประลองวรยุทธ์นั้นอาศัยความสามารถที่แท้จริง อย่างไรก็ต้องดูว่ามีฝีมือจริงหรือไม่”
นางถามเฟิ่งเฉี่ยนอีกครั้ง “ฮองเฮา อาวุธของท่านเล่า?”
เฟิ่งเฉี่ยนใคร่ครวญครู่หนึ่ง มือของนางพลันคว้าอากาศอันว่างเปล่า ปรากฏให้เห็นจวักเหล็กอันหนึ่งกลางฝ่ามือนาง นางตวัดจวักไปมาแล้วกล่าวว่า “เ้านี่ก็แล้วกัน!”
หานปิงจีตะลึงงันแล้วถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “ท่านแน่ใจ?”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “แม้จะดูเหมือนเป็ชัยชนะที่ได้มาโดยไม่ใช้อาวุธ แต่ข้ามีเพียงอาวุธชิ้นนี้แล้วล่ะ!”
คนทั้งหมดหัวเราะท้องแข็ง
เ้าใช้เพียงจวักเหล็กผุๆ อันเดียว ยังมีหน้ามากล่าวว่า เป็ชัยชนะที่ได้มาโดยไม่ใช้อาวุธ เ้าเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน
ตามกฎของใต้หล้านี้ หากเป็อาวุธที่เป็สมบัติล้ำค่า บนตัวของอาวุธจะปรากฏให้เห็นพลังเทพที่แอบแฝงอยู่ แต่ทุกคนที่อยู่ที่นั่นไม่มีใครััได้ถึงพลังเทพนั้น นี่อธิบายได้เพียงว่ามันเป็เพียงจวักเหล็กธรรมดาๆ อันหนึ่งเท่านั้น! เพียงแต่ช่างตีเหล็กได้ออกแบบรูปทรงและลักษณะให้มันมีความแตกต่าง เป็จวักเหล็กที่มีหน้าตาประณีตวิจิตรสักหน่อยเท่านั้นเอง!
ที่จริงโทษพวกเขาไม่ได้ที่เข้าใจผิด เพราะจวักพันชั่งอันนี้มิใช่สมบัติล้ำค่าของใต้หล้านี้ ดังนั้นมันจึงไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้ ในสายตาของพวกเขา มันเป็เพียงจวักเหล็กธรรมดาสามัญอันหนึ่ง!
คนที่อยู่ที่นั่นทั้งหมดมีเพียงเซวียนหยวนเช่อเพียงคนเดียวที่ได้เห็นอานุภาพของจวักพันชั่งอันนี้มาแล้ว ครานี้เขาวางใจด้วยมีจวักพันชั่งอยู่ในมือ นางชนะแน่นอน
เฟิ่งชังมองจวักในมือของนางแล้วแทบจะกระอักเื เฉี่ยนเอ๋อร์หนอเฉี่ยนเอ๋อร์ เ้าช่วยจริงจังสักหน่อยได้หรือไม่
การแข่งขันสองรอบก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่เขาคิดว่าบุตรสาวสู้ไม่ได้แน่ บุตรสาวก็จะแสดงให้เขาเห็นอย่างรวดเร็วว่าจริงๆ แล้วนางทำได้! หลังจากมีประสบการณ์สองครั้งก่อนหน้านี้ เขาไม่ตัดสินใจบุตรสาวโดยพลการอีกแล้ว ไม่แน่ว่าบุตรสาวอาจนำความประหลาดใจเหนือคาดแก่เขาก็เป็ได้!
แต่จวักอันนี้มันคืออะไรกัน?
นางล้อเล่นหรือ?
องค์หญิงหลานซินถูกไฟโทสะครอบงำ เ้าถือจวักผุๆ อันหนึ่งมาประลองยุทธ์กับข้า ชัดเจนเหลือเกินว่าเ้ากำลังดูิ่ดูแคลนข้า! เ้ายังพูดอีกว่าเป็ชัยชนะที่ได้มาโดยไม่ใช้อาวุธ ไฉนเ้าจึงไม่คุยโวโอ้อวดขึ้นบน์ไปเลยเล่า
ดี ในเมื่อเ้ารนหาที่ตายเอง เช่นนั้นข้าจะส่งเสริมเ้า!
ความโเี้พาดผ่านดวงตาของนาง องค์หญิงหลานซินหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “ไม่ว่าพี่หญิงฮองเฮาทำเื่ใดล้วนอยู่เหนือผู้อื่นเสมอ น้องสาวแทบจะทนรอไม่ไหวแล้วที่จะได้รับการชี้แนะจากพี่สาว!”
เฟิ่งเฉี่ยนยกยิ้ม จิติญญาแห่งการต่อสู้ปรากฏให้เห็นในแววตา บุคลิกของนางเปลี่ยนไปทันที!
ทั้งสองคนเริ่มต่อสู้กันกลางท้องพระโรง องค์หญิงหลานซินเป็ฝ่ายดึงกระบี่ออกมาก่อน สิ่งที่ตามมาคือลำแสงสีเงินอันน่าตกตะลึง กระบี่ยาวออกจากฝัก ตัวกระบี่บางเฉียบราวกับปีกแมลงปอ อาบไปด้วยแสงจางๆ ฝักของกระบี่แกะสลักเป็รูปนกนางแอ่นสีเขียวตัวหนึ่ง กระบี่คมปลาบไร้เทียมทาน
องค์หญิงหลานซินเลิกคิ้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงลำพองใจ “นี่คือกระบี่นกนางแอ่นเหิน ยาวสองฉื่อสามชุ่น น้ำหนักหนึ่งจินสองตำลึง ตีมาจากเหล็กกล้าที่ดีที่สุดที่พบในูเาลั่วเจียของแคว้นหนานเยียน ตัวกระบี่ยาวกว่ากระบี่ทั่วไปสองชุ่น ทว่าบางประหนึ่งปีกแมลงปอ มีความยืดหยุ่นและทนทานดีเยี่ยม ข้าใช้มันเอาชนะยอดฝีมือและเทพยุทธ์ขั้นห้ามาแล้วสามสิบสามคน ยังไม่เคยแพ้!”
ทุกคนได้แต่ทอดถอนใจ
“ที่แท้นี่คือกระบี่นกนางแอ่นเหินในตำนาน”
“นี่เป็กระบี่มีชื่อที่ถูกบันทึกในคัมภีร์กระบี่ของหลินอวิ๋นต้าลู่เชียวหนา อยู่ในลำดับที่เก้าสิบโดยประมาณ!”
“ได้ยินมาว่าเหล็กกล้าในูเาลั่วเจียนั้นหาได้ยากยิ่ง ใช้มันมาตีเป็กระบี่ ไม่เพียงแต่มีความยืดหยุ่นทนทาน อีกทั้งยังมีพลังเทพขั้นสูง กระบี่ที่ตีออกมาแตกต่างจากกระบี่ทั่วไป!”
“เป็กระบี่ชั้นเยี่ยมเล่มหนึ่ง!”
ได้ยินทุกคนชื่นชม องค์หญิงหลานซินอารมณ์ดียิ่ง ริมฝีปากสีแดงสดนั้นแย้มยิ้ม “พี่หญิงฮองเฮา แม้จะเป็การได้ชัยชนะโดยไม่ใช้อาวุธอยู่บ้าง แต่ในมือน้องสาวมีเพียงอาวุธชิ้นนี้เท่านั้น!”
นางโยนคำพูดลักษณะเดียวกันคืนกลับมาให้เฟิ่งเฉี่ยน
ทุกคนหัวเราะครืน
คนหนึ่งใช้กระบี่ที่ตีมาจากเหล็กกล้าในูเาลั่วเจียและเป็กระบี่ที่มีชื่อติดอันดับของหลิงอวิ๋นต้าลู่ อีกคนหนึ่งไม่รู้นำจวักเหล็กที่ดูไม่เตะตาอันใดเลยมาจากไหนก็ไม่รู้ ทั้งสองฝ่ายจะเป็คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกันได้หรือไม่
ไม่รู้ว่าฮองเฮาคิดอย่างไรจริงๆ ถือจวักเหล็กอันหนึ่งมาประลองยุทธ์ นี่มันเหมือนเด็กเล่นกระมัง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้