ฉือหางเอื้อมมือออกไปเพื่อปิดประตู
ฉือเทาผลักประตู เบียดครึ่งร่างเข้ามาแล้วยืนอยู่ข้างๆ
"น้องสาม" เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของฉือหางผิดแปลกไปจากเดิม ฉือเทาจึงเอียงศีรษะกลอกตามองฟางซื่อปราดหนึ่ง พูดด้วยเสียงเบา "สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน พี่สะใภ้ของเ้าทำผิดไป เ้าอย่าได้โกรธเลย"
“ไม่ได้โกรธ” ฉือหางขมวดคิ้ว ขณะมองดูท่าทางไร้ยางอายของฉือเทา ยกกำปั้นขึ้น แล้วชูกำปั้น “ถ้าเ้ายังไม่ออกไปอีก ก็อย่าหาว่าข้าหยาบคายกับเ้า”
"อย่าสิ" ฉือเทามองไปที่กำปั้นของฉือหาง จากนั้นถอยหลังออกไปด้วยความกลัว เงยหน้าขึ้นมองฉือหางและพูดด้วยเสียงเบา "มีเื่อะไร พวกเราสามารถคุยกันได้"
ฉือหางยกมือขึ้นและกำลังจะทุบที่หน้าท้องของฉือเทา แต่เห็นฉือเทาหลบหลีกไปด้านข้างอย่างว่องไว
ในเวลานี้เอง ฉือหางปิดประตูทันที เขาหันกลับเข้าไปในบ้าน
ฉือเทาและฟางซื่อยืนอยู่ที่ประตู จ้องมองกันและกัน
“เราจะทำอย่างไรดี?” ฟางซื่อเงยหน้าขึ้นมองฉือเทา ขมวดคิ้วอย่างร้อนรนกระวนกระวาย “ไม่เช่นนั้นเราจะมีเงินไม่พอ”
“แล้วตอนนี้เราจะทำอย่างไรได้ล่ะ?” ฉือเทาขยับเข้าไปใกล้ฟางซื่อและลดเสียงลง “พรุ่งนี้เป็วันสุดท้าย ไม่มีทางเลือกอื่นด้วย”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ฉือเทาพูด ฟางซื่อก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะจากไปพร้อมกับฉือเทา
เมื่อฉือหางเข้ามาในห้อง หลินกู๋หยู่ก็ลุกขึ้นแล้ว
“เ้ายังป่วยอยู่ ทำไมเ้าถึงรีบลุกแล้วเล่า?” ฉือหางเฝ้าดูหลินกู๋หยู่ลงจากเตียง รีบเดินไปยังด้านหน้าของนาง
“ไม่เป็ไร น้องสี่ยังไม่ทานข้าวใช่หรือไม่ เ้าไปเรียกเขามาที่นี่” หลินกู๋หยู่รู้สึกวิงเวียนและหาวนอนอย่างไม่อาจห้ามได้
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของหลินกู๋หยู่ ฉือหางก็พยักหน้าแล้วออกไป
หลินกู๋หยู่เล่นของเล่นกับโต้ซา แต่นางรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
ฉือหางไม่ได้เข้าไปในลานบ้านที่นั่นเช่นกัน เขาเรียก "ฉือเย่" จากด้านนอก และกลับไปคนเดียวก่อน
หลังจากนั้นไม่นาน ฉือเย่ก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ลานบ้านของฉือหาง
ยกมือขึ้นเคาะประตูอย่างลังเล ฉือเย่ะโเรียก "พี่สาม" ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
"เข้ามา" ฉือหางพูด มองออกไปข้างนอก ปิดประตู แล้วนำฉือเย่เข้ามา
หลินกู๋หยู่กล่าวทักทายฉือเย่ แล้วเล่นกับโต้ซาต่อไป
"พี่สาม" ฉือเย่มองไปที่อาหารที่ฉือหางยกมาให้ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิด เขาพูดด้วยเสียงเบา "เป็ความผิดของข้าทั้งหมด ไม่เช่นนั้นพี่รองก็คงไม่เอาตัวโต้ซาออกไป"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือเย่พูด ร่องรอยของความสิ้นหวังก็ฉายแววบนใบหน้าของฉือหางแวบหนึ่ง พูดด้วยเสียงแ่เบา "ไม่เป็ไร"
ฉือเย่จะมีความแข็งแกร่งเทียบได้กับฉือเทาได้อย่างไร?
"พี่สาม" ฉือเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย หยุดจังหวะการพูดชั่วคราวก่อนจะพูดต่อว่า "ข้าขอโทษ"
"เื่นี้ไม่เกี่ยวกับเ้าเลย" ฉือหางเอื้อมมือไปตบแขนของฉือเย่ "ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อไรกันที่เ้าสามารถเอาชนะพี่รองของเ้าได้?"
เมื่อได้ยินคำพูดของฉือหาง ฉือเย่ก็ก้มศีรษะลงช้าๆ และไม่พูดอีก
พริบตาเดียว วันที่แปดของปีใหม่ก็มาถึง ซุนข่ายนำคนสองสามคนมาที่บ้านสกุลฉือั้แ่เช้าตรู่
โจวซื่อยืนอยู่ในลานบ้านมองไปที่ซุนข่ายและคนของเขา ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
"ท่านป้า" ซุนข่ายคนนี้ค่อนข้างรู้มารยาทอยู่บ้าง เขาะโด้วยรอยยิ้มระรื่น "นี่ก็เป็วันที่แปดของปีใหม่แล้ว เราตกลงกันไว้ว่าจะจ่ายเงินในวันที่แปดของปีใหม่!"
ฉือเย่เพิ่งตื่นพอดี ในขณะที่เขากำลังจะไปที่ลานบ้านของฉือหางพร้อมหนังสือในมือ จู่ๆ เขาก็เห็นซุนข่ายและคนของเขา ฉือเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ลดศีรษะลงและจากไปโดยไม่พูดไม่จา
ทันใดนั้น มีคนมาขวางทางยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“เ้าทำอะไรหรือ?” ฉือเย่เอ่ยถามอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ข้าจะออกไปข้างนอกสักพัก”
"เ้าจะออกไปทำอะไร?" คนที่ขวางทางตรงหน้าฉือเย่เป็ชายหนุ่มร่างสูงและผอม
โดยไม่รอให้ฉือเย่พูดจา ซุนข่ายก็หันหน้าไปมอง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "น้องชาย ข้าขอโทษจริงๆ วันนี้ผู้คนสามารถเข้ามาที่นี่ได้ แต่จะไม่มีใครออกไปได้อย่างเด็ดขาด!"
"เ้าหมายความว่าอย่างไร?" โจวซื่อเดินออกจากประตู สีหน้าของนางไม่น่าดูนัก "เ้ากลัวว่าพวกเราจะไม่จ่ายเงินให้หรือไง?"
ซุนข่ายมองโจวซื่อด้วยรอยยิ้มระรื่น แล้วพูดอย่างอารมณ์ดีว่า "จะเป็ไปได้อย่างไร พวกเรารู้ว่าท่านป้าเป็คนที่รักษาคำพูด ข้าได้ยินมาก่อนว่าท่านเลี้ยงลูกหลายคนด้วยตัวคนเดียว มันไม่ง่ายเลย"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ซุนข่ายพูด ใบหน้าของโจวซื่อก็คลายลงเล็กน้อย และพูดอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก "เ้ารู้ก็เพียงพอแล้ว"
ซุนข่ายพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูดด้วยรอยยิ้ม "ถ้าเป็กรณีนี้ พวกเรามาคิดบัญชีกันเถอะ เงินสองร้อยตำลึงที่ตกลงกันไว้ นำออกมาเถอะ"
ฟางซื่อซ่อนตัวอยู่ข้างหลังฉือเทา ตัวสั่นรุนแรงยิ่งขึ้น
ฉือเทาเหลือบมองโจวซื่อข้างๆ แล้วกระซิบเสียงเบา "ท่านแม่ ท่านเอาเงินออกมาเร็ว!"
ซ่งซื่อให้ลูกทั้งสองคนเข้าไปในบ้านโดยตรง นางยืนกอดอกที่ลานบ้าน พูดอย่างขบขัน "แยกครอบครัวกันมานานแล้วไม่ใช่หรือ พวกเ้าเป็หนี้ แต่ทำไมต้องให้พวกเราชดใช้เงินให้?"
ซุนข่ายเอามือเกาผม และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "อย่าพูดเื่อื่น รีบเอาเงินออกมา ส่วนเื่ที่เหลือค่อยคุยกัน"
ลมกระโชกแรงพัดผ่านมา โจวซื่อก็รู้สึกว่าร่างกายของนางเย็นเฉียบ
นางเหมือนเป็คนที่ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปในหลุมฝังศพแล้ว ยามนี้เงินออมทั้งหมดในครอบครัวได้หายไปไม่กลับมาแล้ว
โจวซื่อหันกลับมาและหยิบเงินหนึ่งร้อยหกสิบตำลึงออกมาจากบ้าน ส่งเงินให้ซุนข่ายด้วยตัวสั่นเทา
ซุนข่ายยิ้มและคว้าถุงเงินในมือของโจวซื่อ
ทว่าโจวซื่อกำถุงเงินแน่นเป็พิเศษ
ครอบครัวนี้ไม่ใช่ครอบครัวอีกต่อไปแล้ว
“ท่านป้า?” สายตาของซุนข่ายมองรอบตัวโจวซื่อ
นางปล่อยมืออย่างไม่เต็มใจ สีหน้าย่ำแย่เกินทน
เงินที่ออมมาครึ่งชีวิตหมดลงในชั่วพริบตานี้
ในอดีต โจวซื่อเก็บเงินนี้ไว้โดยหวังว่าจะใช้เป็ทุนส่งฉือเย่เพื่อสอบระดับท้องถิ่น แต่ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว
ซุนข่ายหยิบถุงเงินในมือของโจวซื่อ คว่ำลงและขมวดคิ้วเล็กน้อย "ไม่ใช่เงินสองร้อยตำลึงที่ได้ตกลงกันไว้ ไม่ครบตามจำนวนที่ได้ตกลงกันไว้นี่"
“หนึ่งร้อยหกสิบตำลึง” โจวซื่อเม้มริมฝีปากแน่น “ข้ารู้ว่ายังขาดอีกสี่สิบตำลึง เ้าให้เวลาอีกสองสามวันได้หรือไม่?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของซุนข่ายค่อยๆ หม่นลง ชายหนุ่มมองไปที่โจวซื่อด้วยใบหน้าปราศจากอารมณ์ความรู้สึก "ท่านป้า ข้าคิดว่าข้าสุภาพกับท่านมากพอแล้ว"
ฉือเทารีบเดินไปหาซุนข่ายอย่างว่องไว คว้าแขนของอีกฝ่ายแล้วพูดเสียงเบา "ครอบครัวเรามีเงินเพียงเท่านี้ ให้เวลาข้าหน่อยได้หรือไม่? รอให้ข้ามีเงิน ข้าจะคืนให้พวกเ้าได้หรือไม่?"
ซุนข่ายขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
"ตกลง!" ก่อนที่ซุนข่ายจะทันได้พูด ฉือเทาก็ดึงชายหนุ่มออกมาโดยตรง และพูดด้วยเสียงแ่เบาว่า "มีเงินเท่านี้จริงๆ ไม่มีมากกว่านี้อีกแล้ว"
ซุนข่ายผลักมือของฉือเทาออกไป หันหน้าไปมองโจวซื่ออย่างเฉยเมย "ท่านป้า ข้าเห็นแก่ท่านที่เป็คนรักษาคำพูด วันนี้ข้าจะกลับไปก่อน แล้วข้าจะกลับมาทีหลัง!"
คนกลุ่มหนึ่งเข้ามาอย่างคึกคัก ทั้งยังกลับออกไปอย่างเอิกเกริกเป็อย่างยิ่ง
ฉือเย่ไปที่บ้านของฉือหางพร้อมกับหนังสือในอ้อมแขน
เขาเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางฝั่งครอบครัวฉือให้หลินกู๋หยู่และฉือหางฟัง
“ออกไปแล้วหรือ?” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมองฉือเย่ เอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ได้พูดอะไรอื่นแล้วหรือ?”
"ไม่ได้พูดอะไรอีก" ฉือเย่ทอดถอนหายใจด้วยความตระหนก "แต่เป็เื่ดีที่คนพวกนั้นจากไป ไม่เช่นนั้นที่บ้านก็คงไม่มีเงินให้พวกเขาแล้วจริงๆ"
ฉือหางนั่งอยู่ข้างๆ ยังคงง่วนอยู่กับการตัดลูกธนูและไม่ได้สนใจสิ่งที่ฉือเย่พูดนัก
ทำไมถึงรู้สึกแปลกพิกล
คนพวกนั้นไม่ได้พูดข่มขู่ แล้วก็จากไปง่ายๆ เช่นนั้นหรือ?
หลินกู๋หยู่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่นางไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรกันที่ผิดปกติ หรืออาจเป็เพราะคนพวกนั้นเป็คนคุยง่ายจริงๆ ดังนั้นพวกเขาจึงจากไปอย่างสุภาพ
ร่างเดิมของนางเคยเห็นเหตุการณ์ทวงเงินมาก่อน และเมื่อพวกเขาเข้าไปในบ้าน พวกเขาก็มักจะเขวี้ยงโยนสิ่งของ แต่ไม่เคยเห็นคนขอเงินจะสงบสุภาพเช่นนี้มาก่อน
หลินกู๋หยู่อดไม่ได้ที่จะไอสองครั้ง เอามือกุมที่หน้าอก ใบหน้าแดงก่ำ
"ยังร้อนอยู่ "ฉือหางล้างมือ เดินเร็วๆ ไปหาหลินกู๋หยู่ มือแตะที่หน้าผากของนาง เขารู้สึกว่ามันร้อนมาก "ยาสมุนไพรที่บ้านเสียแล้วหรือไม่?”
“เป็ไปไม่ได้” หลินกู๋หยู่กระแอมไอสองครั้ง จากนั้นก็นั่งตัวตรง หยิบถ้วยด้านข้างจิบสองคำ แล้วเอ่ยพูดต่อว่า “เป็เพราะร่างกายของข้าอ่อนแอเกินไป”
“พรุ่งนี้เป็วันตลาดเปิดและจะมีเกวียนวัวพอดี ข้าพาไปตรวจรักษาในโรงหมอในเมืองดีหรือไม่?”
“เ้าก็ทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่ไปได้” หลินกู๋หยู่เอื้อมมือไปจับมือของฉือหางออกจากหน้าผาก ดวงตาของนางแดงก่ำ “ข้าเองก็เป็หมอ ไม่เป็ไรหรอก”
ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างเป็กังวล จากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า "ข้าคิดว่าสีหน้าของเ้ายังไม่ค่อยดี"
นางมีไข้จริงๆ แต่นางก็ทานยาสมุนไพรไปแล้ว เมื่อลองคิดดูแล้ว นี่ไม่ใช่ยาเม็ดลดไข้ จึงเป็ไปไม่ได้ที่จะดีขึ้นในคราวเดียว
"ในตอนนั้นข้าทานยาหนึ่งวันก็หายดีแล้ว" ฉือหางนั่งลงด้านข้าง โดยแนบหน้าผากของตนเองกับหน้าผากของหลินกู๋หยู่ เรารู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายของนางสูงมาก อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น "ร้อนมากขนาดนี้แล้ว เ้ายังมีหน้ามาบอกว่าทานยาแล้วก็จะหายดี”
“ร่างกายของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน” นางเห็นดวงตาที่เป็กังวลคู่นั้นแล้วรู้สึกอบอุ่นในใจ
หลินกู๋หยู่กลืนน้ำลายอย่างช้าๆ เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง พูดด้วยเสียงต่ำ "ไม่ต้องกังวล"
เมื่อได้ยินเสียงน้ำเดือด ฉือหางจึงปล่อยหลินกู๋หยู่และเดินไปที่เตา "ข้าจะรินน้ำให้เ้าอีกหนึ่งถ้วย เ้าดื่มน้ำให้มากก็จะหายดีแล้ว"
ผลของการดื่มน้ำมากเกินไปก็คืออดไม่ได้ที่จะวิ่งเข้าห้องน้ำ
วันรุ่งขึ้นหลินกู๋หยู่รู้สึกปวดศีรษะมากกว่าเดิม นางพยายามลุกจากเตียง
เมื่อเห็นสภาพของหลินกู๋หยู่ ฉือหางยิ่งขมวดคิ้วอย่างเป็กังวลว่า "เ้าอย่าพูดอะไรอื่นอีก วันนี้ข้าจะพาเ้าไปที่โรงหมอ"
หลังจากทานอาหารเช้า ฉือหางก็ยกโต้ซาให้ฉือเย่ดูแล บอกเขาซ้ำๆ หลายหนว่าไม่ว่าจะเป็ใครก็ตาม อย่าได้เปิดประตูเด็ดขาด โดยเฉพาะครอบครัวของเ้ารอง
เมื่อเห็นว่าฉือเย่รับปากแล้ว ฉือหางจึงเดินไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน โดยมีหลินกู๋หยู่อยู่บนหลังของเขา
หลังจากจ่ายเงินหลายอีแปะ ทั้งสองคนก็ตรงเข้าไปในเมืองด้วยเกวียนวัว
ทันทีที่มาถึงในเมือง ฉือหางก็พยุงหลินกู๋หยู่และเดินไปที่โรงหมอสกุลลู่ เขาเห็นฉือเทาจากระยะไกล
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าฉือเทามาทำอะไรในเมือง เขาเองก็คร้านที่จะไปถาม เขาช่วยประคองหลินกู๋หยู่ตรงเข้าไปในโรงหมอ