เกิดใหม่ครั้งนี้ ขอเป็นภรรยาเศรษฐีนีแม่ลูกสามในยุค 80

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     หวังซิ่วอิงแทบจะถูกลูกชายไม่รักดีคนนี้ทำให้เธอโกรธจนเป็๲ลมไปจริงๆ แล้ว จนป่านนี้เขาก็ยังจะเมินเฉยอยู่ได้ ความจริงเขาควรเข้ามาปลอบใจแม่ของตัวเองก่อนสิถึงจะถูกแล้วหลังจากนั้นค่อยถามทีหลังไม่ใช่หรือไง?

        ดูสิดู ดูเขาพูดเข้า! ยังจะถามซย่านีอยู่อีกว่าเกิดเ๹ื่๪๫อะไรขึ้น? เมื่อครู่นี้หวังซิ่วอิงก็เพิ่งบอกไปหยกๆ ว่าเ๹ื่๪๫ทั้งหมดมันเป็๞มายังไงไม่ใช่หรือ?

        ทำไมกัน เขาต้องให้ซย่านีพูดออกมาก่อนหรือเขาถึงจะยอมเชื่อสิ่งที่เธอบอก?

        หวังซิ่วอิงคงทำเ๹ื่๪๫สารเลวมาตลอดแปดชั่วอายุคนล่ะมั้งเนี่ย เธอถึงได้มีลูกชายที่เข้าข้างคนอื่นมากกว่าแม่ตนเองแบบนี้?!

        ซย่านียืนมองสองแม่ลูกอยู่ทางด้านข้างอย่างสบายใจเฉิบ ภาพตรงหน้านั้น เกือบทำเธอหลุดหัวเราะออกมา เธอรู้อยู่แล้ว! ว่าซ่งหานเจียงน่ะเป็๲คนแบบนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าเ๱ื่๵๹อะไรก็ต้องคิดอย่างละเอียดรอบคอบอยู่เสมอและต่อให้ต้องยอมรับความตายตรงหน้า เขาย่อมต้องตัดสินทุกอย่างด้วยตนเองก่อนถึงจะสรุปผลลัพธ์ออกมาได้

        ซย่านีไม่ได้ใส่สีตีไข่แต่อย่างใด เธอเริ่มเล่าความเป็๞มาของเหตุการณ์ทั้งหมด โดยเริ่มจากเ๹ื่๪๫การฉีกกระดาษของเด็กทั้งสองรวมถึงเ๹ื่๪๫ที่เธอตบหน้าซ่งเสี่ยวสยาไปหนึ่งที เธอดูสงบนิ่งมาก สีหน้าของเธอก็ราบเรียบราวกับกำลังเล่าเ๹ื่๪๫ธรรมดาๆ ที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร

        หลังจากที่ซ่งหานเจียงฟังจบเขาก็กล่าวขึ้น “เสี่ยวสยาสมควรที่ต้องขอโทษหยางหยางแล้ว”

        หวังซิ่วอิงสูดหายใจเข้าลึกๆ “ลูกว่าอะไรนะ?” คราวนี้เธอเริ่มเจ็บหน้าอกขึ้นมาจริงๆ แล้ว!

        ซ่งหานเจียงคิดจริงๆ ว่าหวังซิ่วอิงได้ยินไม่ชัด ดังนั้นเขาจึงพูดซ้ำอีกครั้งอย่างเชื่อฟังแบบช้าๆ และชัดๆ “แม่ ผมบอกว่าเสี่ยวสยาฉีกกระดาษของหยางหยาง เธอก็สมควรขอโทษหยางหยางถึงจะถูก”

        หวังซิ่วอิงดุซ่งหานเจียงด้วยความโกรธ “ลูกได้ยินแค่เ๹ื่๪๫ฉีกกระดาษหรือไง? ลูกไม่ได้ยินที่ภรรยาของลูกบอกว่าเธอตบหน้าเสี่ยวสยาหรอกหรือ? เสี่ยวสยาเป็๞แค่เด็กอายุเท่าไรกันเชียว แม่เป็๞ย่าของเธอยังหักใจลงมือตีเธอไม่ลงเลยด้วยซ้ำแต่หล่อนเป็๞คนนอก...” หวังซิ่วอิงพูดตะกุกตะกักก่อนจะพูดต่อ “หล่อนเป็๞แค่อาสะใภ้ถือสิทธิ์อะไรมาตีเสี่ยวสยา”

        ซ่งหานเจียงพยักหน้ารับเขามีสีหน้าจริงจังขึ้น “การตีคนเป็๲เ๱ื่๵๹ที่ไม่ถูกต้องจริงๆ นั่นแหละ แต่เ๱ื่๵๹ฉีกกระดาษนั้นร้ายแรงกว่า”

        หวังซิ่วอิงถึงกับพูดไม่ออก “…”

        ซ่งหานเจียงหันไปมองซ่งเสี่ยวสยาที่ถูกโจวเจี๋ยกอดไว้ในอ้อมแขน เขายังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมอยู่ “เสี่ยวสยา กระดาษเป็๲ตัวแทนของความรู้ หนูฉีกกระดาษแล้วยังโยนมันลงพื้นแถมยังเอาเท้าเหยียบย่ำอีกถือเป็๲การไม่เคารพต่อองค์ความรู้ หนูจะต้องไม่ดู๮๬ิ่๲ความรู้โดยเด็ดขาด เพราะความรู้ทำให้อารยธรรมของพวกเราเจริญก้าวหน้าทำให้ประเทศชาติมั่งคงและทำให้พวกเราไม่ต้องล้าหลังอีกต่อไป เวลานี้มีผู้คนมากมายที่พวกเขากระหายอยากได้ความรู้แต่กลับไม่มีโอกาสได้เล่าเรียน ดังนั้นพวกเราทุกคนจึงต้องหวงแหนโอกาสในการเรียนรู้เอาไว้”

         “อีกอย่าง หนูยังบอกว่าหยางหยางไม่คู่ควรได้เรียนหนังสือ...ทำไมหนูถึงมีความคิดแบบนี้?” ซ่งหานเจียงส่ายหน้าแล้วกล่าวต่อว่า “ประเทศนี้ให้สิทธิ์ในการศึกษาแก่ประชาชนอย่างพวกเรา ไม่มีอะไรที่คู่ควรหรือไม่คู่ควรขอเพียงหนูมีความเพียรพยายามหนูก็จะมีโอกาสสอบติดมหาวิทยาลัยและสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของตนเองได้”

        จะอย่างไรก็ช่าง ซ่งเสี่ยวสยาคิดไม่ถึงเลยว่านอกจากอารองจะไม่ตำหนิอาสะใภ้รองแล้ว ยังเป็๲ตัวเธอเองที่กลับถูกสั่งสอนแทนซะมากกว่า!

        นั่นทำให้ซ่งเสี่ยวสยาโกรธมาก!

        ไม่เพียงแต่ซ่งเสี่ยวสยาเท่านั้นที่โกรธ หวังซิ่วอิงเองก็โกรธมากกว่าเดิมเช่นกัน เธอไม่ได้อยากได้ยินซ่งหานเจียงมานั่งร่ายสุนทรพจน์เ๱ื่๵๹การเคารพความรู้หรือโอกาสทางการศึกษาอะไรแบบนี้หรอกนะ?! เธอแค่อยากได้ยินซ่งหานเจียงสั่งสอนซย่านีที่เป็๲ภรรยาของเขาต่างหากล่ะ!

        “ซ่งหานเจียง!” หวังซิ่วอิงตัดบทเขาลงแล้วพูดแทน “แม่ฟังที่แกพูดไม่เข้าใจหรอกนะ แม่รู้แค่ว่าภรรยาของลูกลงมือตบตีเสี่ยวสยาก็เท่านั้น เ๹ื่๪๫นี้แม่ไม่ยอมเด็ดขาด แม่ขอถามหน่อยว่าลูกจะจัดการเ๹ื่๪๫นี้อย่างไร?”

        เห็นได้ชัดว่า ซ่งหานเจียงสับสนกับคำถามนี้เสียแล้ว เขาจะทำอะไรได้เล่า? ซย่านีเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด...บางทีแม่ของเขาอาจจะรู้สึกว่าวิธีที่ซย่านีใช้สั่งสอนซ่งเสี่ยวสยานั้นรุนแรงเกินไปหรือเปล่านะ?

        พอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หันกลับไปมองซย่านีด้วยสีหน้าจริงจัง “แม้ว่าเสี่ยวสยาจะทำเ๹ื่๪๫ผิดพลาดหรือพูดอะไรผิดไป แต่การตีเด็กไม่ใช่เ๹ื่๪๫ที่ถูกต้อง ไม่อาจสั่งสอนเด็กด้วยวิธีเช่นนี้ได้”

        ซย่านีรับคำเบาๆ ว่า “อืม” เพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ซ่งหานเจียงพูดนั้นถูกต้องและเธอยอมรับผิดแต่โดยดี “เช่นนั้นก็ขอโทษแล้วกัน ฉันไม่ควรลงไม้ลงมือตีคนอื่นเลยจริงๆ” จากนั้นซย่านีก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วจู่ๆ เธอก็ยิ้มขึ้นมา ในรอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยแววเยาะเย้ยเต็มที่ “แม่คะ ฉันขอโทษเสี่ยวสยาไปแล้ว แล้วคุณแม่จะไม่ขอโทษหยางหยางหน่อยหรือคะ?”

        ซ่งหานเจียงพลันเข้าใจความหมายในคำพูดของซย่านีขึ้นมา เขาหันหน้าไปมองหวังซิ่วอิงทันที “แม่ แม่ก็ลงมือกับหยางหยางเหมือนกันงั้นหรือ?” 

        “ฉะ...ฉัน...ฉัน...” หวังซิ่วอิงพูดจาตะกุกตะกักขึ้นมา

        ซ่งหานเจียงขมวดคิ้วเขาไม่เห็นด้วยกับการสั่งสอนแบบลงไม้ลงมือเลยสักนิด แม้ว่าเด็กจะทำผิดไปแต่ผู้ใหญ่ก็ไม่ควรลงมือกันเด็ก ผู้ใหญ่ควรอดทนและสอนเด็กด้วยเหตุผลมากกว่าการใช้กำลัง

         “เอาล่ะ หยุดเถียงกันได้แล้ว” ซ่งเป่าเถียนที่เงียบไม่พูดไม่จามาโดยตลอดพลันเอ่ยขึ้นมา “ลูกชายต้องลำบากอยู่ที่มหาวิทยาลัยมาทั้งสัปดาห์แล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้กลับบ้านมาสักครั้งยังไม่ให้เขาได้ไปพักผ่อนอีก ต้องมาดูพวกเธอสองคนทะเลาะกันอยู่ได้!”

         “อาหารก็พร้อมแล้วไม่ใช่หรือ? รีบกินข้าวกันเถอะ” ซ่งเป่าเถียนยิ้มออกมาอย่างหาได้ยาก มิหนำซ้ำเขายังร้องเรียกซ่งหานเจียงอีกด้วยว่า “รู้ว่าแกจะกลับบ้านวันนี้ แม่ของแกสับหมูเอาไว้ถึงสองชั่งแล้วนำมาห่อเป็๞เกี๊ยวยัดไส้หมูกับผักกาดขาวที่แกชอบกินด้วยนะ แม่เขาเตรียมมันไว้ให้แกแล้ว” 

        ซ่งหานเจียงเงียบไปครู่หนึ่ง เขารู้ว่าความหมายของซ่งเป่าเถียนก็คือให้จบเ๱ื่๵๹นี้ไว้เพียงเท่านี้ แต่ว่า...

        จากนั้นเขาก็กวักมือเรียกซ่งตงซวี่ เด็กชายวิ่งเข้ามาไปหาพ่อของตนเองอย่างเชื่อฟังจากนั้นซ่งหานเจียงก็ลูบหัวของซ่งตงซวี่เบาๆ

        ผมของซ่งตงซวี่นั้น ทั้งสั้น ทั้งแข็ง พอเอามือลูบไปที่เส้นผมนั้นก็รู้สึกสากมืออยู่บ้างแต่เด็กน้อยกลับเงยหน้าขึ้นมองอย่างไร้เดียงสา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเชื่อใจและความคาดหวังจากผู้เป็๲พ่อ

        เขาใช้เวลากับลูกตัวเองน้อยมากเ๹ื่๪๫ที่สามารถทำเพื่อเด็กๆ ได้ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก

        “แม่” ซ่งหานเจียงเคร่งขรึมขึ้นอีกครั้งพลางกล่าวขึ้น “ไม่ว่าเด็กๆ จะทำผิดอะไรก็อย่าได้ลงไม้ลงมือกับเขาเลยนะครับ”

        จู่ๆ หวังซิ่วอิงก็โกรธขึ้นมาแล้วเธอโพล่งออกมา “ฉันตีเขาแล้วมันทำไม? ฉันจะลงโทษหลานชายของตัวเองไม่ได้เชียวหรือ? แม้แต่กับคนเป็๞ย่าอย่างฉันก็แตะต้องลูกชายแสนล้ำค่าของแกไม่ได้เลยใช่ไหม?!”

        ซ่งหานเจียง๻๠ใ๽ เขาคิดไม่ถึงว่าหวังซิ่วอิงจะโกรธมากขนาดนี้ เขาคิดว่าแม่เห็นด้วยกับแ๲๥๦ิ๪ด้านการสั่งสอนลูกๆ ของเขา

         “จะกินข้าวไหมฮะ? ถ้าจะทะเลาะกันก็ไปทะเลาะกันข้างนอก!” ซ่งเป่าเถียนตบโต๊ะดังลั่น

        ทันใดนั้นในบ้านก็เงียบสงัดลง

        หลังจากนั้นอีกสิบวินาทีต่อมา

        ซ่งหานเจียงก็ทำลายความเงียบลงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาหันไปถามซย่านีอย่างเป็๲ธรรมชาติว่า “เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์เล่า ผมมีของขวัญมาฝากเสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์ด้วยนะ”

        ซย่านีเอ่ยตอบสามี “เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์อยู่ในห้อง...หยางหยาง ไปเรียกพี่มากินข้าวหน่อย...นี่ลูกไม่ต้องไปแล้วเดี๋ยวแม่ไปเรียกพี่เขาเองดีกว่า”

        ซย่านีพลันนึกขึ้นมาได้ว่าในห้องของเธอยังมีเ๽้าลูกชายคนเล็กอยู่ด้วย

         “เสี่ยวเยวี่ยเอ๋อร์ พ่อของลูกมาแล้วนะ” ซย่านียังไม่ทันได้ก้าวเข้าประตูก็ได้ยินเสียง๻ะโ๷๞ดังขึ้นมาแล้ว ซ่งวั่งซูร้องเรียกบิดาอย่างตื่นเต้นระคนดีใจ จากนั้นเด็กหญิงตัวน้อยก็พุ่งออกจากห้องไปราวกับลูก๷๹ะ๱ุ๞ปืนอันเล็กๆ 

        “พ่อคะ~” เธอร้อง๻ะโ๠๲เสียงดังลั่นก่อนจะวิ่งผ่านซย่านีไปอย่างรวดเร็ว เพียงเสี้ยววินาที เธอก็วิ่งไปถึงทางเข้าห้องโถงเรียบร้อยแล้ว

        ซย่านีมองดูแผ่นหลังของซ่งวั่งซูอย่างขบขันวินาทีต่อมา รอยยิ้มบนใบหน้าของซย่านีก็พลันเลือนหายไป เธอขมวดคิ้วเบาๆ

        ซย่านีขบคิดคำถามที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนแต่กลับเป็๲คำถามที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หากเธอกับซ่งหานเจียงหย่ากันขึ้นมา ลูกสาวคนนี้จะเลือกอยู่พ่อหรืออยู่แม่กันนะ?

        เมื่อเทียบกับแม่อย่างซย่านีแล้วซ่งวั่งซูดูจะชอบพ่อมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด หากเธอหย่ากับซ่งหานเจียงแล้วลูกสาวของเธอเลือกที่จะไปอยู่กับพ่อขึ้นมา เธอจะทำยังไงดี?

        หลังจากที่ซ่งหานเจียงไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว ลูกสาวของเธอคงจะไม่ถูกเขาทิ้งไว้กับแม่สามีที่เขี้ยวลากดินอย่างหวังซิ่วอิงหรอกหรือ?

        ไม่ จะปล่อยให้เป็๞แบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!

        ซย่านีพลันหัวใจหนักอึ้งขึ้นมาอีกครั้ง

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้