หย่วนฮุย ทำไมถึงเป็หย่วนฮุยที่ชนะประมูล!
อย่าว่าแต่ตัวแทนจากเทียนเฉินไม่อยากเชื่อ กระทั่งคนของบริษัทหัวเจี้ยนก็จับจ้องหลิวหย่ง
หัวเจี้ยนเป็พวกกินเนื้อไม่เหลือซากให้ผู้อื่น สิ่งที่้าคือโครงการตกแต่งภายในของทั้งบ้านพัก ตอนนี้ถูกเจาะเนื้อไปหนึ่งส่วนโดยไม่ทันตั้งตัว คนของหัวเจี้ยนจะยอมแพ้ได้อย่างไร ส่วนเทียนเฉินโดนเชิญออกจากสนามแล้ว จึงพูดจาเถรตรงกว่ามาก
“ทำไมพวกเราไม่ชนะการประมูล?”
เลขาเผิงมองเขา จะอธิบายคำถามนี้อย่างไร แน่นอนว่าเพราะทั้งการออกแบบและความคุ้มราคาของหย่วนฮุยสูงกว่า ทุกคนลงมติเป็เอกฉันท์ในที่ประชุม
ตัวแทนจากเทียนเฉินหลุดปาก จึงปล่อยให้เลยตามเลยไปเสีย และดึงดันถามคำถามนี้อย่างไม่ลดละ
ผู้บริหารคนหนึ่งกระแอมปราม
“พวกเราประกาศแค่ว่าหย่วนฮุยชนะการประมูล เพราะงานออกแบบของหย่วนฮุยเป็แบบร่างที่สมบูรณ์ พวกเราคิดว่าเหมาะสมมากที่ทางบ้านพักรับรองจะยึดแปลนออกแบบของหย่วนฮุยมาดำเนินการตกแต่งภายใน หย่วนฮุยจะรับผิดชอบตกแต่งบริเวณห้องอาหารเท่านั้น สำหรับส่วนของโถงรับแรก ห้องประชุม และบริเวณอื่นที่เหลืออยู่ ยังคงจะทำตามการออกแบบของหย่วนฮุยเหมือนเดิม...”
เป็คำชี้แจงที่แยกส่วนฟังแล้วเข้าใจอย่างชัดเจนทุกคำ
พอนำมารวมเข้าด้วยกัน ทำไมมันค่อนข้างน่างุนงงกันนะ?
ทุกคนฟังผิดไปหรือเปล่าน่ะ!
จะดำเนินการตามแบบร่างของหย่วนฮุย ‘หย่วนฮุย’ ซึ่งเป็บริษัทเล็กไร้ชื่อ เพราะเหตุใดถึงต้องทำตามแปลนของพวกเขา? แค่บ้านพักรับรองเดียว ยังอุตส่าห์แบ่งออกเป็หลายส่วนเพื่อเปิดประมูลอีก ถ้าไม่ใช่เพื่อ ‘โรงแรมหนานไห่’ ในปีหน้า ใครจะมายอมทนรับความขุ่นเคืองใจนี้
เช่นตัวแทนจากหัวเจี้ยน ให้เขายอมรับว่า ‘หย่วนฮุย’ คว้าโครงการตกแต่งภายในของห้องอาหารไปก็เ็ปมากพอแล้ว ในตอนนี้ยังต้องทำงานตามแปลนรวมของหย่วนฮุย การที่พวกเขามาประมูล ไม่ใช่เพราะอยากแสดงความสามารถขององค์กรและนำเสนอการออกแบบของพวกเขาหรือ?
ในเมื่อทำตามแบบของ ‘หย่วนฮุย’ มันไม่ใช่การทำงานให้ ‘หย่วนฮุย’ หรอกรึ!
“การออกแบบของหย่วนฮุยดีกว่าของพวกเรา?”
“แม้แต่งานที่ออกแบบเองก็ใช้ไม่ได้ เท่ากับรับทำงานแทนหย่วนฮุย...”
“ใช่ ในเมื่อแบ่งประมูล ก็ควรอนุญาตให้การออกแบบในแต่ละส่วนแตกต่างกันสิ”
ผู้เข้าร่วมงานพากันกระซิบกระซาบ ส่งความชิงชังให้ศัตรู่คู่แค้นคนเดียวกัน
ไม่มีใครยอมรับแปลนนี้ เหล่าผู้บริหารของบ้านพักยังคงไม่เข้าใจปฏิกิริยาของพวกเขา เดิมทีการออกแบบของ ‘หย่วนฮุย’ ก็ดีมากอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ทุกคนมีอคติ พอยอมรับได้ก็ยิ่งมองยิ่งชอบแปลนนี้ บริษัทที่ส่งแปลนรวมให้มีทั้งหมดสามแห่ง ได้แก่ บริษัทฮ่องกง บริษัทหัวเจี้ยน รวมถึง ‘หย่วนฮุย’
สองรายแรกอยากหว่านแหจับโควตาทั้งหมดของบ้านพักรับรองในหนเดียว ละประเด็นนี้ไว้ก่อน มาพูดถึงแปลนออกแบบของหย่วนฮุยและข้อได้เปรียบของพวกมันดีกว่า
อันดับแรกคือผลลัพธ์การตกแต่งที่ดูดี ตอบสนองความคาดหวัง ‘ไม่หรูหราและไม่ซอมซ่อ เจือความจริงจังในความทันสมัย’ ของบริษัทฮ่องกงอลังการเกินไป ของหัวเจี้ยนก็ไร้ความแปลกใหม่ ธรรมดาดาษดื่นเกินไป ราวกับสุกเอาเผากินด้วยซ้ำ
อันดับถัดมา แปลนของ ‘หย่วนฮุย’ ให้การประมาณราคาย่อมเยากว่าบริษัทฮ่องกงมาก ถึงขั้นเกือบเทียบเท่าหัวเจี้ยน หากตกแต่งเสร็จแล้วทางบ้านพักต้องจ่ายเงิน 10000 โดยที่ทั้งหัวเจี้ยนและหย่วนฮุยแจ้งราคาเท่านี้ ในเมื่อจ่ายเงินมากเท่ากัน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมเลือกแบบที่สวยจากสองแปลนนั้น!
เหตุผลพวกนี้ บริษัทที่มาประมูลมิอาจยอมรับ
ถ้าไม่สามารถสะท้อนให้เห็นทักษะการออกแบบของตนเอง จะคว้าโครงการตกแต่งภายในของ ‘โรงแรมหนานไห้’ มาได้อย่างไรเล่า?
งานตกแต่งภายในบ้านพักรับรองครั้งนี้มีกำไรน้อยเหลือเกิน ทุกคนอุทิศตนเพื่อทำงานให้ทางบ้านพัก สุดท้ายสิ่งที่ปรากฏกลับเป็การออกแบบของหย่วนฮุย สร้างชื่อเสียงแทนหย่วนฮุย... รังแกคนอื่นเกินไปแล้ว!
จริงๆ ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นรังแกใคร เพียงแต่สถานะที่เป็อยู่นั้นกำหนดทัศนคติ ทุกคนล้วนกำลังคัดค้านเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
ในมุมมองของทางบ้านพักรับรอง แปลนไหนดีก็ใช้อันนั้นสิ แค่การตกแต่งภายใน จะเลือกแบบที่ตนเองชอบไม่ได้เชียวหรือ?
ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่มีความตระหนักรู้ด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อถูกใจการออกแบบของ ‘หย่วนฮุย’ อันที่จริงไม่ได้แปลว่าต้องเป็หย่วนฮุยที่ชนะการประมูลเสมอไป ถ้าไม่มีเลขาเผิงช่วยกำกับ จะใช้แปลนของหย่วนฮุยและให้บริษัทอื่นตกแต่งแทนก็ได้ เป็เพราะว่ามีเลขาเผิงอยู่ตรงนั้น และไม่มีใครรับรู้รายละเอียดเื้ัของ ‘หย่วนฮุย’ ถึงให้ ‘หย่วนฮุย’ ชนะการประมูลไป
นั่งเรียงกัน แบ่งผลไม้ หลิวหย่งขอเมล็ดและได้เมล็ด รับงานตกแต่งภายในของห้องอาหารไป
คนอื่นๆ อยากกินผลไม้ทั้งหมด อยากใช้วิธีของตนเองให้ได้กินผลไม้ ย่อมไม่เห็นชอบเป็ธรรมดา—แจ้งราคาต่ำก็เพื่อหากำไรจากงานตกแต่ง ‘โรงแรมหนานไห่’ ถ้าไม่ให้พวกเขานำเสนอการออกแบบของตนในตอนนี้ โครงการของ ‘โรงแรมหนานไห่’ จะไม่ตกถึงมืออย่างแน่นอน ทำไมต้องเสียสละให้หย่วนฮุย!
ยุคสมัยนี้ ทัศนคติในการทำงานของพวกผู้บริหารรุนแรงหยาบกระด้าง ในเมื่ออธิบายมาสักพักก็ไม่ได้ทำให้บริษัทหลายแห่งเข้าใจ จึงให้พวกเขาถือหนังสือขอประมูลกลับไปเสียเลย
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้หย่วนฮุยรับผิดชอบตกแต่งบ้านพักแค่บริษัทเดียว!”
ผู้บริหารคนหนึ่งกระฟัดกระเฟียด
หลิวหย่งอยู่ในอาการตกตะลึงโดยสมบูรณ์
เขาอยากรับผิดชอบทั้งบ้านพักแต่เพียงผู้เดียวก็จริง แต่ใช้หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหยวนที่เขาเก็บเล็กผสมน้อยมา... ไม่มีกำลังขนาดนั้นหรอก!
หลิวหย่งไม่ได้ใจเย็นไร้ปากเสียง ทว่าตอนที่เขาอยากจะกล่าวอะไรบ้าง ก็เห็นเลขาเผิงส่ายหน้าเบาๆ
----------------------------------------
หย่วนฮุยจับต้นชนปลายไม่ถูกเช่นนี้แหละ พอชนะการประมูลโครงการตกแต่งภายในของทั้งบ้านพักรับรอง หลิวหย่งอดใจต่อสายหาเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ เขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง โครงการแบบนี้ต้องมีการทำสัญญา ทุกอย่างยังไม่ถือว่าเสร็จสมบูรณ์จนกว่าจะลงชื่อ
หลิวหย่งเล่าสถานการณ์ระหว่างการประมูลในวันนี้เป็สิ่งแรก รวมถึงการจากไปด้วยความโมโหของคู่แข่งการประมูลรายอื่น
“ประมูลโครงการทั้งหมดมาได้เป็เื่ดี แต่พวกเราสำรองจ่ายค่าตกแต่งทั้งหมดไม่ไหวน่ะสิ!”
เนื่องจากไม่ได้เห็นสัญญา ไม่ทราบว่าทางบ้านพักจะจัดสรรเงินให้เท่าไรใน่แรก แต่หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหยวนในมือหลิวหย่งจะไม่มีทางเพียงพอ
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดเหมือนกันว่านี่คือความน่ายินดีที่เหนือการคาดหมาย
ชายหนุ่มที่สารถีเสี่ยวหวังติดตามคงเป็เลขาของทังหงเอิน เลขาก็คือกระบอกเสียงของเ้านาย ทังหงเอิน้าให้ ‘หย่วนฮุย’ ชนะการประมูลตกแต่งภายในบ้านพักทั้งหมด? ไม่ แบบนี้มันสะดุดตาเกินงาม ทังหงเอินน่าจะรู้ซึ้งถึงศักยภาพของ ‘หย่วนฮุย’ ดีกว่าใครทั้งนั้น สิ่งนี้ไม่ใช่การสนับสนุน ทว่าคือการดึงต้นกล้าเพื่อช่วยให้โต [1]
ไม่พ้นจับพลัดจับผลูเสียมากกว่า ถึงนำมาสู่สถานการณ์นี้
การตกแต่งภายในทั้งบ้านพักรับรองเกินกำลังของหย่วนฮุยจริงๆ แต่ถ้าคว้าโอกาสครั้งนี้ไว้ได้ พัฒนาการของหย่วนฮุยจะก้าวไปไกลอีกขั้น
ความทะเยอทะยานของหย่วนฮุยไม่ได้มากมายถึงเพียงนั้น อย่าเพิ่งคิดถึง ‘โรงแรมหนานไห่’ เลย มุ่งมั่นตั้งใจทำงานของบ้านพักรับรองให้ดี ก่อนหน้านี้ลุงของเธอดูแลควบคุมแค่สามสี่คน พอบ้านพักเริ่มงานตกแต่งภายในแล้ว อาจ้าคนจำนวนยี่สิบสามสิบชีวิตสำหรับทำงานในทันที แต่ละด้านล้วนคือความท้าทายสำหรับลุงของเธอ ความท้าทายอยู่ร่วมกับโอกาสนี่นา โอกาสมาแล้วยังไม่รู้จักไขว่คว้า ไม่ใช่พวกโง่เขลาเบาปัญญารึ?
สุ้มเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานสงบนิ่งยิ่งนัก เธอให้กำลังใจลุงของตนเอง
“ลุงวางใจทำสัญญาเถอะ ไม่ต้องกังวลเื่สำรองทุน รอหลังทำสัญญาแล้ว เอาสัญญาไปกู้เงินจากธนาคารเสีย!”
ใช้เงินของธนาคารมาทำเงินอีกหนึ่งต่อ เื่แบบนี้ปกติสามัญสำหรับเซี่ยเสี่ยวหลาน หลิวหย่งถือหูโทรศัพท์ไว้ และตกตะลึงไม่แพ้การได้ยินว่า ‘หย่วนฮุย’ จะรับเหมาโครงการตกแต่งภายในบ้านพักทั้งหมด
ทำเช่นนี้ได้ด้วย?
แค่ใช้สัญญาหนึ่งฉบับ ก็สามารถขอสินเชื่อจากธนาคารได้?
ธนาคารโง่หรือเปล่า!
หลิวหย่งค้นพบในเวลาต่อมา ที่แท้ธนาคารโง่จริงๆ นั่นแหละ... แน่นอนว่ากระบวนการระหว่างนั้นต้องผ่านความซับซ้อนมากมาย ตอนเงินกู้ธนาคารถูกปล่อยให้หลิวหย่งในท้ายที่สุด ั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้าของเขาเหลือเงินเพียง 28 หยวน คนงานชั่วคราวในความดูแลบางคนยังมั่งคั่งกว่าเขาเสียอีก วัสดุบางอย่างสามารถค้างชำระชั่วคราวได้ วัสดุบางอย่างจัดซื้อจากต่างถิ่น คนเขาไม่สนใจหรอกว่าคุณทำงานตกแต่งภายในบ้านพักของเทศบาลเมืองเผิงเฉิงหรือไม่ หลิวหย่งไม่มีเส้นสายอะไร ทางผู้จำหน่ายจึงเร่งทวงเงินค่าสินค้าจากเขา หากสินเชื่อธนาคารยังไม่ปล่อยให้เขาอีก หลิวหย่งจะทำได้แค่บากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวหวัง—โชคชะตาหนุนนำ สุดท้ายไม่ได้ทำให้เสี่ยวหลานขายหน้าโดยการรบกวนทังหงเอิน
ณ เวลานี้ เป็วันที่ 3 กรกฎาคมแล้ว ห่างจากเกาเข่าอีกเพียงสามวันเท่านั้น!
เชิงอรรถ
[1]拔苗助长 ดึงต้นกล้าเพื่อช่วยให้โต หมายถึง แทรกแซงกระบวนการพัฒนา เพราะ้าให้สำเร็จโดยเร็ว แต่กลับกลายเป็ทำในสิ่งที่ฝืนข้อจำกัดลงไป สุดท้ายย่อมไม่สมดังใจหวัง เนื่องจากรากคือส่วนสำคัญของพืชที่อยู่ใต้ดิน การดึงลำต้นพืชเพื่อให้มันเติบโตก็ไม่ต่างจากการทำให้มันตาย