ทุกการกระทำล้วนมีราคาที่ต้องชดใช้ และครานี้ ชะตากรรมได้ย้อนกลับมากัดกินฉินชิงหร่านอย่างมิอาจหลีกหนี แผนการต่ำช้าที่คิดไว้เพื่อทำลายน้องสาว กลับกลายเป็ดาบที่หันกลับมาฟันใส่นางเอง นางคือสตรีผู้เคยเป็ดัง ดวงดาวแห่งตระกูลฉิน งดงามเลิศล้ำและเป็ที่ภาคภูมิใจของผู้เป็บิดา แต่บัดนี้…ชื่อเสียงอันสูงส่งกลับถูกเหยียบย่ำจนไม่เหลือเค้า
อีกด้านหนึ่ง เหล่าทาสชายที่ถูกบีบบังคับให้กลายเป็เครื่องมือในแผนชั่วร้าย ก็มิอาจรอดพ้นจากโทษหนักเช่นกัน พวกมันถูกลากมามัดเรียงรายเบื้องหน้าศาลาริมน้ำราวสัตว์เดรัจฉานรอถูกเชือด แส้หนังในมือทหารสะบัดฟาดลงอย่างโเี้ เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เสียงหวดดังสะท้อนก้องไปทั่ว าแแตกฉีก เืแดงฉานสาดกระจาย กลิ่นคาวโลหิตลอยคละคลุ้งชวนคลื่นเหียน
เสียงร้องโหยหวนของพวกมันแผดดังราวกับิญญากำลังถูกฉีกกระชาก แต่ถึงร้องขอชีวิตอย่างไร ก็มิอาจทำให้ แม่ทัพฉินเทียนหง ที่กำลังเดือดดาลถึงขีดสุดอ่อนข้อได้ แววตาของเขาเย็นเยียบเฉกเช่นคมดาบบนสมรภูมิ ความกราดเกรี้ยวถูกระบายออกมาผ่านทุกแรงหวด จนในที่สุดเสียงกรีดร้องเ่าั้ก็ค่อย ๆ เบาบางลง…ก่อน ดับสิ้นไปพร้อมลมหายใจสุดท้าย เหลือเพียงร่างไร้ิญญากองซ้อนทับกันอย่างน่าเวทนา
ทั่วทั้งเรือนใหญ่จมอยู่ใน ความเงียบงันอันน่าหวาดหวั่น ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีคำพูดสนทนา มีเพียงสายลมเย็นที่พัดพาเอากลิ่นคาวเืไปทั่ว เหล่าบ่าวไพร่ที่บังเอิญเห็นเหตุการณ์จากระยะไกลหน้าซีดเผือดดุจแผ่นกระดาษ ทุกคนต่างหลบสายตา ไม่กล้าแม้จะกระซิบซ้ำเติม เพราะเข้าใจตรงกันว่าอื้อฉาวนี้จะต้องถูกกลบฝังไปพร้อมกับเืและศพ หากผู้ใดบังอาจแพร่งพรายออกไป ไม่เพียงชีวิตตน แต่ทั้งครอบครัวก็จักดับสูญไปพร้อมกัน
ศาลาริมน้ำยังคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเื ซากบ่าวผู้ต่ำต้อยถูกลากออกไป ทิ้งเพียงคราบแดงฉานบนพื้นไม้ ความเงียบงันชวนอึดอัดปกคลุมไปทั่ว จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เรียนท่านแม่ทัพ… ข้าน้อยคาดว่า คุณหนูชิงหร่าน ตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ โอสถมารราคะ ขอรับ” หมอประจำตระกูลเอ่ยขึ้น
ท่านแม่ทัพฉินเทียนหงขมวดคิ้ว ดวงตาคมปลาบวาววับ “โอสถมารราคะงั้นหรือ? พวกทาสต่ำต้อยพวกนี้…มันจะไปหามาได้อย่างไร ของต้องห้ามเช่นนี้ ต่อให้ตลาดมืดก็ยังไม่กล้าเอาออกขาย!” เสียงของเขาเย็นจัด ราวกับคมดาบที่แทงทะลุใจ
หมอเฒ่าชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ท่านแม่ทัพ…เมื่อไม่กี่วันก่อน คุณหนูชิงหร่านได้เข้ามาที่เรือนโอสถ ข้าน้อยเกรงว่า…อาจมิใช่ผู้อื่น แต่เป็ตัวนางเองที่พลาดพลั้ง”
ถ้อยคำดั่ง สายฟ้าฟาดลงกลางใจ แม่ทัพฉินเทียนหงกำหมัดแน่น เส้นเืปูดโปนบนแขน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเ็ปและความอับอาย เพราะ โอสถมารราคะ นั้น… แท้จริงแล้วเป็สิ่งที่แม่ทัพสั่งให้หลอมขึ้นมาเอง เพื่อใช้กับเหล่าสาวใช้ในเรือนเพิ่มความเร่าร้อนยามบำเรอความสุขของตนเอง แต่ไม่คาดคิดเลยว่าวันหนึ่ง…โอสถต้องห้ามนี้จะย้อนกลับมาเล่นงานสายเืของเขาเอง
สามวันสามคืนที่ฉินชิงหร่านจมดิ่งอยู่ในความมืดมิด ร่างกายไร้สติประหนึ่งถูกจองจำอยู่ในฝันร้ายอันแสนยาวนาน จนกระทั่งเปลือกตาที่หนักอึ้งค่อย ๆ แง้มเปิด ภาพแรกที่ปรากฏต่อสายตาคือ ฮูหยินใหญ่ซูเสียน มารดาผู้เฝ้าดูแลไม่ห่าง แววตาของนางเต็มไปด้วยความเศร้าและเ็ปลึก
เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้สบตา ความจริงอันโหดร้ายก็ถาโถมเข้ามา สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงฝัน หากแต่คือ าแแห่งความอับอายที่ประทับตรึงตลอดชีวิต
“ไม่นะ… ไม่จริง… ไม่จริงงงง!!!” เสียงกรีดร้องแหลมสูงทะลุออกมาจากลำคอแหบแห้ง “กรี๊ดดดดดดด!!!” ดังสะท้อนะเืทั่วทั้งเรือนใหญ่ เสียงนั้นบาดลึกจนทำให้ผนังและประตูเหมือนสั่นสะท้านไปตามแรงอารมณ์ น้ำตาไหลพรากจากหางตาไม่หยุด ร่างบางบิดเกร็งสั่นสะท้าน มือกุมศีรษะพลางดึงเส้นผมจนยุ่งเหยิง
“กรี๊ดด!!! ไม่นะ… ไม่นะ!!!” เสียงกรีดร้องของคุณหนูผู้เคยได้รับการยกย่องว่าเป็ดวงดาวแห่งตระกูล บัดนี้กลับกลายเป็เสียงของหญิงสาวที่ถูกชะตากรรมโหดร้ายบดขยี้ ฮูหยินใหญ่ซูเสียนโอบกอดบุตรสาวไว้แน่น น้ำตาของนางหลั่งรินออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ลูกแม่… ไม่เป็ไรแล้ว แม่จะอยู่เคียงข้างเ้า” นางกระซิบปลอบโยน เสียงสั่นเครือเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย
แต่ท่ามกลางอ้อมกอดที่อ่อนโยนนั้น ฉินชิงหร่าน กลับมิได้รู้สึกถึงความสงบเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของนางแดงก่ำ บวมช้ำด้วยหยาดน้ำตา ทว่าลึกลงไปกลับแฝงด้วย เปลวเพลิงแห่งความโกรธ น้ำเสียงของนางแตกพร่ากดต่ำ ราวกับคำสาปที่แผดเผาออกมาจากหัวใจที่ร้าวราน “ฉินเซียนหรู… นางสารเลวเ้าช่างโเี้กับข้ายิ่งนัก!”
หลังจากที่เสียงกรีดร้องของฉินชิงหร่านจางหายไปในอากาศ ท้องฟ้าที่เหนือศาลากลับเงียบสงบเกินกว่าจะสะท้อนความโกลาหลที่เพิ่งเกิดขึ้น ราวกับ์เองไม่ประสงค์จะรับรู้ชะตากรรมของสตรีผู้ตกต่ำ ฉินเซียนหรู ยืนนิ่งอยู่ริมระเบียงไม้ สายลมอ่อนพัดเส้นผมดำขลับให้พลิ้วไหวราวกับม่านแห่งเงามืด แววตาของนางทอดยาวไปไกลเกินกว่ากำแพงจวน ทว่าความคิดกลับ เย็นเฉียบและลึกซึ้ง กว่าที่ใครจะหยั่งถึง
“ทั้งหมดนี้…เป็เพราะเ้าเองที่ก่อไว้” นางเอื้อนเอ่ยเสียงแ่ “และหากยังกล้ามีครั้งหน้าอีก…ข้าจะทำให้เ้าต้องลิ้มชะตากรรมที่น่าสมเพชยิ่งเดิม”
สำหรับฉินเซียนหรูแล้ว ความอัปยศที่พี่สาวต่างมารดากำลังเผชิญอยู่ไม่ใช่สิ่งที่ควรเวทนา ตรงกันข้าม นางกลับมองว่ามันคือผลกรรมที่สมควรได้รับ หากยังไม่รู้จักหลาบจำ นางก็พร้อมจะเหวี่ยงโซ่ตรวนแห่งชะตากรรมลงทับให้ลึกกว่าเดิม
ความเ็ปรวดร้าวที่เกาะกุมหัวใจทำให้ ท่านแม่ทัพฉินเทียนหง มิอาจปล่อยให้เื่นี้จบลงง่าย ๆ ทว่าเมื่อเขาพยายามสืบสาวราวเื่อย่างถึงที่สุด จนได้รู้จากปากสาวใช้ว่า บุคคลสุดท้ายที่อยู่กับ ฉินชิงหร่าน คือ ฉินเซียนหรู ลูกสาวอีกคนที่เขาเพิ่งจะค้นพบพร์และภาคภูมิใจไม่แพ้กัน
ท่านแม่ทัพถึงกับนิ่งอึ้ง เขาโกรธที่พวกนางเล่นงานกันอย่าง รุนแรงเกินกว่าเหตุ แต่ในเมื่อความจริงปรากฏว่า ฉินชิงหร่านเป็ผู้เริ่มก่อเหตุ และชะตากรรมได้ย้อนกลับมาลงโทษนางอย่างสาสม เขาจึงทำได้เพียงนิ่งเฉย
“ฉินชิงหร่าน... พ่อเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเ้าได้อย่างไร” เสียงของแม่ทัพเต็มไปด้วยความอ่อนล้า เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เื่ราวอื้อฉาวที่สุดของตระกูลฉินในยามนี้นั้น เงียบสนิท ราวกับว่าไม่เคยมีเื่ใดเกิดขึ้น ความเงียบที่น่าสะพรึงกลัวนี้ถูกสร้างขึ้นด้วย อำนาจและโทสะอันไร้ขีดจำกัด ของท่านแม่ทัพฉินเทียนหง ทุกชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ณ ศาลาริมน้ำถูกกำจัดอย่างสิ้นซาก
ทว่า...แม้เขาจะสามารถควบคุมโลกภายนอกได้ แต่เขาก็ ไม่อาจรักษาาแ ในจิตใจของ ฉินชิงหร่าน ได้เลย ความอัปยศที่กัดกินนางอยู่ภายในนั้นลึกเกินกว่าอำนาจใดจะเยียวยา าแแห่งศักดิ์ศรี ที่ถูกย่ำยี จะยังคงประทับตราอยู่ในิญญาของนางตลอดไป
