สายน้ำเย็นเฉียบโอบล้อมร่างของหลินเว่ย ขณะที่เขาว่ายทวนกระแสน้ำอย่างไม่ลดละ ด้านหลังของเขา ท้องฟ้าเหนือสถาบันวิจัยฉางชายังคงมีควันดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า สะท้อนแสงสีส้มแดงจากเปลวเพลิงที่ยังไม่มอดดับ
หลินเว่ยว่ายมาถึงฝั่งในที่สุด เขาทรุดตัวลงบนพื้นโคลน หอบหายใจหนักๆ ร่างกายหนักอึ้งจากการใช้พลังชี่อย่างต่อเนื่องและจากการต่อสู้ที่ดุเดือด เขามองไปรอบๆ สำรวจสถานที่ ตระหนักว่าเขาอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ ห่างจากหุบเขาเขียวที่ลี่ชิงกล่าวถึงอีกไกลพอสมควร
"ต้องรีบไปหาพวกเขา" หลินเว่ยพูดกับตัวเอง พยายามลุกขึ้นยืน แต่ร่างกายเ็ปประท้วง เขาใช้พลังมากเกินไป
ตะวันกำลังตกดิน ฉาบแสงสีทองเหนือผืนป่าทึบที่ทอดยาวไปเบื้องหน้า หลินเว่ยรู้ว่าการเดินทางในป่าตอนกลางคืนอันตราย แต่เขาไม่มีเวลาให้เสียแล้ว
เขาหายใจลึกๆ หลับตาลง เริ่มใช้ท่า ักลืนจันทร์ รวบรวมพลังชี่จากธรรมชาติรอบตัว ฟื้นฟูร่างกายที่อ่อนล้า รู้สึกถึงความอบอุ่นค่อยๆ แผ่ซ่านจากจุดตันเถียนไปทั่วร่าง ความเ็ปบรรเทาลง กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
"ต้องเดินทางให้ไกลที่สุดก่อนค่ำมืดสนิท" เขาบอกตัวเอง พลางลุกขึ้นยืน รู้สึกแข็งแรงขึ้นมาก แม้จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
เขาเริ่มเดินลัดเลาะไปตามชายป่า ใช้ดวงอาทิตย์เป็เครื่องบอกทิศทาง มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สู่หุบเขาเขียว พื้นที่รกร้างหลังหายนะใหญ่เต็มไปด้วยอันตราย ทั้งสัตว์ป่าที่กลายพันธุ์ กลุ่มคนร้าย และกองกำลังขององค์กรเทียนซื่อที่อาจกำลังตามล่าเขาอยู่
ระหว่างทาง หลินเว่ยตั้งใจฟังเสียงรอบข้าง ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงผิดปกติ เขาจะซ่อนตัวและสำรวจสถานการณ์ก่อน เขาพบเจอสัตว์กลายพันธุ์หลายตัว แต่โชคดีที่ส่วนใหญ่ไม่สังเกตเห็นเขา
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ความมืดปกคลุมป่า หลินเว่ยตัดสินใจหาที่พักค้างคืน เขาพบโพรงไม้ใหญ่ที่พอจะซุกตัวได้ ก่อนจะเข้าไป เขาตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีสัตว์อันตรายอาศัยอยู่ก่อนแล้ว
ภายในโพรงไม้แคบและอึดอัด แต่พอจะป้องกันลมและสายตาของผู้ไล่ล่าได้ หลินเว่ยนั่งลง หลับตา นึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้
"ฉันคือโครงการ Phoenix-Alpha?" เขาถามตัวเอง เสียงแ่เบาในความมืด "ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อนำมนุษยชาติสู่การวิวัฒนาการครั้งใหม่?"
คำพูดของหลิงเฟยยังก้องในหัวของเขา ทั้งเื่สิ่งมีชีวิตนอกโลก และการสร้างเสี่ยวิ เด็กชายที่ถูกอ้างว่าเป็ลูกของเขาและลี่ชิง เขาไม่อาจแน่ใจว่าส่วนไหนเป็ความจริง ส่วนไหนเป็การหลอกลวง
"ถึงอย่างไร ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์ตัดสินชะตากรรมของมนุษยชาติทั้งหมด" เขาพึมพำ ยืนยันจุดยืนของตนเอง
หลินเว่ยมองออกไปนอกโพรงไม้ เห็นดวงจันทร์เสี้ยวลอยอยู่บนท้องฟ้า ส่องแสงอ่อนๆ ลงมา เขาคิดถึงลี่ชิงและเพื่อนๆ หวังว่าพวกเขาจะปลอดภัยดี
เขาล้วงในกระเป๋า พบห่อผ้าเล็กๆ ที่เปียกน้ำแต่ยังคงอยู่ เมื่อคลี่ออก เขาพบสมุนไพรแห้งห่อไว้ในผ้ากันน้ำ ลี่ชิงเตรียมให้เขาก่อนออกเดินทาง เป็ยาบำรุงและรักษาแผล
"ขอบคุณ" เขายิ้มเล็กน้อย เคี้ยวสมุนไพรเพียงครึ่งเดียว เก็บที่เหลือไว้สำหรับวันพรุ่งนี้
ค่ำคืนผ่านไปอย่างยากลำบาก หลินเว่ยหลับๆ ตื่นๆ ด้วยความหวาดระแวงภัย จนกระทั่งแสงแรกของวันใหม่ปรากฏ เขายืดเส้นยืดสายที่เมื่อยขบ ใช้ท่า ัตื่นกาย เพื่อปลุกประสาทััทั้งหมดให้ตื่นตัว
หลังรับประทานสมุนไพรที่เหลือ เขาออกเดินทางต่อ วันนี้ถนนยิ่งยากลำบากกว่าเดิม เพราะเขาต้องเดินขึ้นเขาที่สูงชันขึ้นเรื่อยๆ ป่าทึบยิ่งขึ้นตามระดับความสูง
"ถ้าจำไม่ผิด หุบเขาเขียวอยู่ระหว่างเทือกเขานี้" หลินเว่ยพึมพำ ขณะปีนขึ้นโขดหินใหญ่ เพื่อมองหาเส้นทาง
จากจุดชมวิว เขามองเห็นแนวเขาและหุบเขาสลับซับซ้อน แนวป่าสีเขียวทอดยาวสุดสายตา เขาสังเกตเห็นหุบเขาที่มีสีเขียวเข้มกว่าพื้นที่อื่น อยู่ห่างออกไปอีกราวสิบกิโลเมตร นั่นน่าจะเป็หุบเขาเขียวที่ลี่ชิงกล่าวถึง
ทันใดนั้น หลินเว่ยได้ยินเสียงกิ่งไม้หักดังมาจากเบื้องล่าง เขารีบหมอบลงทันที มองลงไปเห็นชายสองคนกำลังเดินสำรวจพื้นที่ สวมชุดทหารขององค์กรเทียนซื่อ ในมือถืออาวุธพร้อมใช้งาน
"แน่ใจนะว่าเห็นใครบางคนมาทางนี้?" ทหารคนหนึ่งถาม
"แน่ใจ เห็นรอยเท้าชัดเจน เป็คนแน่นอน" อีกคนตอบ "หลิงเฟยสั่งให้หาตัวคนที่รอดชีวิตจากสถาบันให้ได้ โดยเฉพาะหลินเว่ย"
"แต่ทำไมเธอถึงอยากได้ตัวเขานัก หลังจากเขาทำลายฐานของเราไปแล้ว?"
"ได้ยินมาว่าเขาเป็โครงการพิเศษ ทดลองดัดแปลงพันธุกรรมรุ่นแรก แล้วก็มีพลังแปลกๆ ด้วย"
"พลังอะไร?"
"ไม่รู้ แต่ได้ยินว่าเขาโค่นทหารเราไปหลายคนโดยไม่แตะต้องตัวพวกเขาด้วยซ้ำ"
หลินเว่ยกลั้นหายใจ พยายามไม่ให้ทหารสังเกตเห็น เขารู้ว่าถ้าต่อสู้ตอนนี้จะทำให้มีเสียงดัง อาจดึงดูดทหารคนอื่นมาได้ ทางที่ดีคือหลบเลี่ยงไปเงียบๆ
ทันใดนั้น มีเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้นจากป่าทึบ ทำให้ทหารทั้งสองผงะ หันไปมองทางต้นเสียง
"นั่นอะไร?" ทหารคนหนึ่งถาม น้ำเสียงตื่นตระหนก
ก่อนที่อีกคนจะตอบ ร่างใหญ่สีเทาพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์คล้ายเสือขนาดั์ แต่มีเขาคล้ายกวางและิัแข็งเหมือนเกล็ด มันกระโจนเข้าใส่ทหารคนหนึ่งทันที
"ช่วยด้วย!" ทหารร้องลั่น พยายามยิงสัตว์ประหลาด แต่ะุไม่ทะลุิัเกล็ดแข็ง
อีกคนเริ่มยิงถี่ยิบ แต่ไม่เป็ผล สัตว์ร้ายฉีกร่างเพื่อนของเขาเป็ชิ้นๆ ก่อนหันมาสนใจเหยื่อคนต่อไป
หลินเว่ยเห็นโอกาส เขารีบคลานถอยออกไปเงียบๆ ขณะที่สัตว์ประหลาดไล่ล่าทหารอีกคน เสียงปืนและเสียงกรีดร้องค่อยๆ เบาลงตามระยะทาง
"ขอโทษที่ช่วยไม่ได้" เขากระซิบ รู้สึกผิดที่ปล่อยให้ทหารเ่าั้เผชิญชะตากรรมอันโหดร้าย แต่ตอนนี้เขาต้องคิดถึงพันธกิจที่ใหญ่กว่าและเพื่อนๆ ที่รออยู่
หลินเว่ยเดินทางต่อไปอย่างระมัดระวัง วางแผนการเดินทางใหม่ เขาต้องหลีกเลี่ยงเส้นทางหลักเพื่อไม่ให้เจอกับหน่วยลาดตระเวนขององค์กรเทียนซื่อ
ตลอดทั้งวัน เขาเดินทางไปตามเส้นทางที่ยากลำบาก บางครั้งต้องปีนผาชัน บางครั้งต้องลุยลำธารที่ไหลเชี่ยว แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่เขาไม่ย่อท้อ เพราะรู้ว่าเพื่อนๆ รออยู่
ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ และหลินเว่ยประมาณการณ์ว่าเขาห่างจากหุบเขาเขียวเพียงสองกิโลเมตรเท่านั้น ขณะที่กำลังเดินขึ้นทางลาดชันแห่งหนึ่ง เขาสังเกตเห็นกลุ่มควันลอยขึ้นมาจากอีกฟากของเนินเขา
"คงเป็ค่ายพัก" เขาคิด ตัดสินใจเดินอ้อมไปอีกทาง แต่ระหว่างเดินอ้อม เขาได้ยินเสียงทุบตีและเสียงร้องะโของผู้คน
หลินเว่ยลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจไปสำรวจ เขาคลานเข้าไปใกล้ จนมองเห็นเหตุการณ์ได้ชัดเจน
กลุ่มคนราวสิบคนกำลังล้อมรอบครอบครัวหนึ่ง - ชายหญิงวัยกลางคนและเด็กชายอายุราวหกขวบ พวกเขาถูกมัดมือไว้ข้างหลัง คุกเข่าอยู่ที่พื้น
"พวกแกเก็บอาหารของพวกกูไว้ที่ไหน!" ชายคนหนึ่งในกลุ่มะโ ตบหน้าชายวัยกลางคน "บอกมา!"
"เราไม่มีอะไรเหลือแล้ว" ชายวัยกลางคนตอบ น้ำตาไหล "พวกคุณเอาไปหมดแล้ว!"
"โกหก!" ชายคนเดิมะโ ชักมีดจากเอว "งั้นกูจะเริ่มจากลูกชายแก!"
เด็กชายร้องไห้ฟูมฟาย ขณะที่มารดาของเขาพยายามดิ้นรนเพื่อปกป้องลูก
หลินเว่ยรู้สึกโกรธจัด เขาไม่อาจยืนดูเฉยๆ ได้ แม้ว่านั่นอาจเป็อันตรายต่อภารกิจของเขา
"ปล่อยพวกเขาไป" หลินเว่ยะโ ก้าวออกมาจากที่ซ่อน
ทุกคนหันมามองเขาด้วยความประหลาดใจ
"แล้วใครของแกล่ะ?" ชายโจรผู้นำถาม น้ำเสียงเยาะหยัน "มึงคิดว่าจะสู้พวกกูทั้งสิบคนได้งั้นหรือ?"
หลินเว่ยไม่ตอบ เขาค่อยๆ ปล่อยพลังชี่ออกมา ความมุ่งมั่นฉายชัดในดวงตา
"จับตัวมัน!" ผู้นำโจรสั่ง
สองคนในกลุ่มวิ่งเข้ามาหาหลินเว่ย กำหมัดจะชก หลินเว่ยใช้ท่า ัทะยานน้ำ เคลื่อนไหวอย่างลื่นไหล หลบหลีกการโจมตีทั้งหมด ก่อนใช้ฝ่ามือแตะที่อกของทั้งสอง พลังชี่ปล่อยออกมา ทำให้พวกเขากระเด็นไปคนละทิศละทาง
"มันมีพลังแบบพวกเทียนซื่อ!" หนึ่งในโจรร้อง เสียงตื่นกลัว "พวกมันส่งคนมาตามเรา!"
ความหวาดกลัวแผ่ไปทั่วกลุ่มโจร บางคนเริ่มถอยหลัง
"อย่าเพิ่งถอย!" ผู้นำะโ "มันคนเดียว พวกเราตั้งสิบคน!"
พวกโจรที่เหลือโจมตีหลินเว่ยพร้อมกัน บ้างใช้มีด บ้างใช้ท่อนไม้ บ้างใช้หมัด หลินเว่ยรับมือด้วยการใช้ท่า ัสยายปีก แผ่พลังชี่ออกจากร่างกาย ผลักทุกคนให้กระเด็นออกไป แต่การใช้พลังชี่มากเกินไปทำให้เขาเริ่มรู้สึกอ่อนล้า
ผู้นำโจรเห็นว่าไม่อาจเอาชนะได้ จึงหันไปคว้าตัวเด็กชายมาขู่ "หยุดเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นเด็กคนนี้ตาย!"
หลินเว่ยชะงัก มองเด็กชายที่กำลังร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว
"ปล่อยเขาไป" หลินเว่ยเรียกร้อง "คุณไม่้าเขา"
"แต่กู้า" โจรผู้นำยิ้มเหี้ยม "ตอนนี้วางอาวุธแล้วยอมให้จับ ไม่งั้นเด็กคนนี้ตาย"
หลินเว่ยถอนหายใจ ค่อยๆ ยกมือขึ้น ท่าทางยอมแพ้ ขณะที่โจรผู้นำยิ้มอย่างมั่นใจ ไม่รู้ว่าหลินเว่ยกำลังใช้ท่า ัหยั่งรู้ ค้นหาจุดอ่อนของเขา
ในจังหวะที่โจรผู้นำเผลอสบตากับหลินเว่ย พลังชี่แทรกซึมเข้าไปในจิตใจของเขา ทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ มือคลายจากลำคอของเด็กชาย
"วิ่งไป!" หลินเว่ยะโบอกเด็กชาย
เด็กชายรีบวิ่งไปหาพ่อแม่ โจรผู้นำตั้งสติได้ แต่สายไปแล้ว หลินเว่ยพุ่งเข้าใส่เขาทันที ใช้ฝ่ามือปะทะกลางอก
"อ๊ากกก!" โจรผู้นำร้องลั่น ร่างกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ ก่อนจะล้มลงไม่ได้สติ
โจรที่เหลือเห็นผู้นำพ่ายแพ้ จึงรีบวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง หลินเว่ยปล่อยให้พวกเขาไป ก่อนหันไปช่วยแก้มัดให้ครอบครัวที่ถูกจับ
"ขอบคุณมากที่ช่วยเรา" ชายวัยกลางคนกล่าว น้ำตาคลอ "พวกเราตายแน่ถ้าไม่ได้คุณช่วย"
"ไม่เป็ไร" หลินเว่ยตอบ พลางมองสำรวจรอบๆ "พวกคุณปลอดภัยแล้ว แต่ควรรีบออกจากที่นี่ก่อนที่พวกเขาจะกลับมาพร้อมคนมากกว่านี้"
"เราจะไป" หญิงวัยกลางคนตอบ อุ้มลูกชายไว้ในอ้อมแขน "แต่คุณล่ะ จะไปทางไหน?"
"ฉันกำลังมุ่งหน้าไปหุบเขาเขียว" หลินเว่ยตอบ "มีเพื่อนรออยู่ที่นั่น"
สีหน้าของคู่สามีภรรยาเปลี่ยนไปทันที "อย่าไปที่นั่นเลย" ชายวัยกลางคนเตือน "มีทหารตั้งด่านอยู่ตรงทางเข้าหุบเขา พวกเขากำลังตรวจค้นทุกคนที่เข้าออก"
หัวใจของหลินเว่ยเต้นแรง "ทหารพวกไหน?"
"ทหารในชุดสีดำ มีสัญลักษณ์รูปนกฟีนิกซ์สีแดงบนแขนเสื้อ" ชายวัยกลางคนตอบ "พวกเขาบอกว่ากำลังตามหาผู้ก่อการร้ายอันตราย"
องค์กรเทียนซื่อ หลินเว่ยคิด ใจหายวาบ พวกเขารู้จุดนัดพบแล้ว ลี่ชิงและคนอื่นๆ อาจตกอยู่ในอันตราย
"มีทางอื่นเข้าไปในหุบเขาไหม?" หลินเว่ยถาม
"มีทางเล็กๆ ทางทิศใต้ของหุบเขา" ชายวัยกลางคนตอบ "มันเป็ทางแคบๆ ระหว่างหน้าผา ทหารอาจไม่รู้"
"ขอบคุณมาก" หลินเว่ยกล่าว "รีบไปให้ปลอดภัยนะ"
"คุณเช่นกัน" ครอบครัวกล่าวลา ก่อนรีบเดินทางไปในทิศทางตรงข้าม
หลินเว่ยดื่มน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียง พักฟื้นพลังชี่สักครู่ ก่อนเดินทางต่อไปยังทิศใต้ของหุบเขา เขาต้องเร่งฝีเท้า ความกังวลเื่ความปลอดภัยของเพื่อนๆ ทำให้เขาไม่อาจชะลอ
ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว เหลือเพียงแสงจันทร์ที่ส่องทางให้เขา หลินเว่ยเดินทางตลอดคืน ไม่ยอมหยุดพัก แม้ร่างกายจะอ่อนล้า แต่หลินเว่ยยังคงก้าวเดินต่อไปไม่หยุด ความมืดรอบกายบดบังวิสัยทัศน์ แต่กลับช่วยซ่อนเขาจากสายตาของผู้ไล่ล่า เมื่อมาถึงเชิงเขาด้านใต้ของหุบเขาเขียว เขาสังเกตเห็นช่องแคบระหว่างหน้าผาตามที่ชายวัยกลางคนบอก
"น่าจะเป็ทางนี้" หลินเว่ยพึมพำ พลางมองไปตามช่องแคบที่ทอดยาวเข้าไประหว่างหน้าผาสูงชัน
เขารวบรวมสมาธิ ใช้ท่า ัหยั่งรู้ รับรู้ถึงกระแสพลังและความเคลื่อนไหวรอบตัว ไม่พบสัญญาณอันตราย เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในช่องแคบ
ทางเดินช่างแคบเสียจนบางจุดเขาต้องเบียดตัวผ่านไป ผนังหินเย็นเฉียบสองข้างขูดผิวเขาจนเจ็บ แต่หลินเว่ยไม่สนใจความเ็ปเล็กน้อยเ่าั้ จิตใจจดจ่ออยู่กับความปลอดภัยของ ลี่ชิง และเพื่อนๆ เท่านั้น
ระหว่างทาง เสียงหวีดร้องแปลกๆ ดังมาจาก้าหน้าผา ทำให้หลินเว่ยต้องหยุดและเงี่ยหูฟัง
"เสียงอะไรนะ?" เขากระซิบกับตัวเอง
เงยหน้ามองขึ้นไป เขาเห็นเงาดำทะมึนเคลื่อนไหวอยู่บนขอบผา รูปร่างคล้ายนกแต่ขนาดใหญ่เท่าคน ปีกกางออกกว้างราวสี่เมตร
หลินเว่ยกลั้นหายใจ ยืนนิ่งไม่ขยับ สัตว์กลายพันธุ์ชนิดนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่อยากพบเจอตอนนี้
สัตว์ประหลาดส่งเสียงร้องอีกครั้ง ก่อนกระพือปีกบินไปอีกทิศทาง หลินเว่ยถอนหายใจโล่งอก ค่อยๆ เดินต่อไป
เมื่อเดินผ่านช่องแคบมาได้ราวครึ่งชั่วโมง ทางเดินเริ่มกว้างขึ้น และเขาได้กลิ่นหอมของพืชพรรณและความชื้นในอากาศ สัญญาณว่าหุบเขาเขียวอยู่ไม่ไกล
ความหวังเริ่มก่อตัวในใจ แต่ความระมัดระวังก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เขาเริ่มได้ยินเสียงน้ำไหลจากลำธารเล็กๆ ตามขอบทางเดิน
ทันใดนั้น หลินเว่ยได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างหน้า! เขารีบหาที่ซ่อน หมอบตัวลงหลังโขดหิน
"รอบนี้ต้องพบตัวสักที" เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น "ถ้าองค์กรเทียนซื่อมาถึงที่นี่ได้ พวกมันต้องหนีผ่านเส้นทางนี้แน่"
"ท่านหลิงเฟย้าตัวหลินเว่ยมากกว่าพวกอื่น" อีกเสียงตอบ "เธอไม่สนใจแม้แต่กลุ่มที่หนีไปได้ก่อนหน้านี้"
หลินเว่ยกำหมัดแน่น ปรากฏว่าลี่ชิงและคนอื่นๆ หลบหนีไปได้แล้ว! แต่นั่นหมายความว่า... ทหารพวกนี้ต้องรู้จุดหลบซ่อนในถ้ำที่ลี่ชิงพูดถึงด้วย
ชายสองคนเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แสงไฟฉายส่องไปมา หลินเว่ยรู้ว่าเขาต้องจัดการกับคนพวกนี้ และต้องทำโดยเร็ว และเงียบที่สุด
เมื่อทหารคนแรกเดินผ่านโขดหินที่เขาซ่อนตัว หลินเว่ยพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ใช้ท่า ัรำพัน เคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวลแต่รวดเร็วดุจสายลม ปิดปากทหารด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือกดจุดสำคัญบนลำคอ ทำให้เขาหมดสติในชั่วพริบตา
"หลี่?" ทหารอีกคนเรียกเพื่อน หันมามองด้วยความสงสัย "มีอะไร..."
ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลินเว่ยก็พุ่งเข้าใส่ เคลื่อนไหวเงียบกริบ มือแตะจุดพลังที่คอ ทหารคนนั้นล้มลงไม่ได้สติ
หลินเว่ยมัดทหารทั้งสองไว้กับต้นไม้ริมทางด้วยเชือกที่พบในกระเป๋าของพวกเขาเอง ก่อนค้นหาอุปกรณ์สื่อสารและทำลายมันทิ้ง เขาเก็บอาวุธปืนสั้นและมีดไว้ ก่อนดำเนินการต่อ
"พวกเขาคงไม่ตื่นอีกสามชั่วโมง... แต่ต้องรีบแล้ว" หลินเว่ยพึมพำ
ความกังวลทวีขึ้นในใจ เมื่อรู้ว่าทหารองค์กรเทียนซื่อกระจายกำลังปิดล้อมพื้นที่ ลี่ชิงและคนอื่นคงรู้ตัวว่าถูกตามล่า และอาจเปลี่ยนจุดนัดพบไปแล้ว
ช่องแคบทอดยาวออกไปอีกราวหนึ่งกิโลเมตร ก่อนจะกับหุบเขากว้างที่เต็มไปด้วยพืชพรรณเขียวขจี ต้นไม้สูงใหญ่ให้ร่มเงา และสายน้ำใสไหลผ่านกลางหุบเขา
"หุบเขาเขียว..." หลินเว่ยกระซิบ มองไปรอบๆ ด้วยความระแวดระวัง
เขาต้องหาถ้ำที่ลี่ชิงกล่าวถึง ทางตะวันออกของหุบเขา แต่ต้องระวังไม่ให้พบเจอกับหน่วยลาดตระเวนอื่นๆ
หลินเว่ยเลือกเดินติดแนวต้นไม้ หลบซ่อนตัวใต้เงามืด ใช้ท่า ัหยั่งรู้ ค้นหาการเคลื่อนไหวผิดปกติอยู่เป็ระยะ เขาเดินผ่านลำธารเล็กๆ มุ่งไปทางทิศตะวันออกของหุบเขา
ความหวังเริ่มจางลงเมื่อเดินมาเกือบสองชั่วโมงแล้วยังไม่พบถ้ำที่เป็จุดนัดพบ ทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นเศษกิ่งไม้หักวางไขว้กันอย่างผิดธรรมชาติใต้ต้นไม้ใหญ่
หลินเว่ยขมวดคิ้ว เข้าไปดูใกล้ๆ พบว่ากิ่งไม้เ่าั้วางเป็ลูกศรชี้ไปทางหน้าผาที่อยู่ไม่ไกล
"ลี่ชิง..." เขายิ้มบาง จำได้ว่านี่เป็รหัสสัญญาณที่พวกเขาเคยใช้ร่วมกันมาก่อน
หลินเว่ยตามทิศทางของลูกศร เดินไปจนถึงหน้าผาสูงชัน แต่ไม่เห็นร่องรอยของถ้ำ เขามองไปรอบๆ อย่างสับสน จนสังเกตเห็นพุ่มไม้หนาทึบที่ขึ้นแนบชิดกับหน้าผา
เขาเข้าไปตรวจสอบใกล้ๆ แหวกพุ่มไม้ออก พบช่องแคบที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง กว้างพอให้คนเดินเข้าไปได้ทีละคน
หลินเว่ยลังเลเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไป ทางเดินมืดสนิท เขาต้องคลำทางไปตามผนังถ้ำ
ทันใดนั้น มีแสงไฟส่องเข้าหน้า "หยุดอยู่ตรงนั้น!" เสียงแข็งกร้าวดังขึ้น
หัวใจหลินเว่ยเต้นแรง เขาเห็นร่างของใครคนหนึ่งถือปืนจ่อมา แต่ในความมืดมองไม่ชัดว่าเป็ใคร
"ฉันคือหลินเว่ย" เขากล่าวเสียงหนักแน่น "ลี่ชิงส่งข้อความให้ฉันมาที่นี่ ทางตะวันออกของหุบเขาเขียว"
แสงไฟลดลงเล็กน้อย เขาได้ยินเสียงกระซิบกระซาบ ก่อนที่เสียงคุ้นเคยจะดังขึ้น
"ถามเขาว่าตอนที่เราพบกันครั้งแรก ฉันให้อะไรเขา" เสียงของ ลี่ชิง!
"ยาเม็ดบำรุงชี่ของตระกูลลี่" หลินเว่ยตอบทันที จำได้ดี "เม็ดสีเขียว รสขม เธอบอกว่ามันจะช่วยให้ฉันฟื้นตัวเร็วขึ้น"
แสงไฟลดลง มีคนวิ่งออกมาจากความมืด ลี่ชิง โผเข้ากอดเขาอย่างแรง
"นึกว่าคุณไม่รอด..." เธอกระซิบเสียงสั่น น้ำตาไหลอาบแก้ม
"สัญญาแล้วไงว่าจะกลับมา" หลินเว่ยตอบ กอดเธอไว้แน่น
หลิวซิน ก้าวออกมาจากเงามืด ตบไหล่หลินเว่ย "พี่น้องตลอดกาล" เขากล่าว น้ำเสียงโล่งอก
"พี่น้องตลอดกาล" หลินเว่ยตอบ ก่อนจะหันไปสำรวจโถงถ้ำที่กว้างขึ้น มีคบไฟติดอยู่ตามผนัง เผยให้เห็น เมิ่งหลิง กับผู้รอดชีวิตอีกสิบกว่าคนที่หลบซ่อนอยู่
"องค์กรเทียนซื่อตามมาถึงที่นี่แล้ว" หลินเว่ยกล่าว สีหน้าเคร่งเครียด "พวกเขาปิดล้อมทุกทางเข้าหุบเขา"
"เรารู้" หลิวซิน ตอบ "พวกเขาตามพวกเรามาั้แ่ออกจากสถาบันวิจัยฉางชา คงติดตามสัญญาณจากเฮลิคอปเตอร์"
"แล้วตอนนี้เรายังปลอดภัยอยู่ไหม?" หลินเว่ยถาม
"ชั่วคราว" ลี่ชิง ตอบ "ถ้ำนี้เชื่อมต่อกับเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินที่ทอดยาวไปใตู้เา มีทางออกหลายทาง"
เมิ่งหลิง เดินเข้ามาหา "หลินเว่ย เราต้องเร่งแล้ว หลิงเฟยไม่ได้ตามเรามาเพราะสถาบันวิจัยถูกทำลาย แต่เพราะข้อมูลที่เราขโมยมาได้"
หลินเว่ย นิ่งคิด "ข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสฟีนิกซ์?"
"ไม่ใช่แค่นั้น" เมิ่งหลิง ส่ายหน้า "แต่เป็แผนที่ฐานลับทั้งหมดขององค์กรเทียนซื่อ รวมถึงฐานใหญ่ที่ตั้งระบบผลิตไวรัสฟีนิกซ์ตัวจริง"
หัวใจของหลินเว่ยเต้นเร็วขึ้น "หมายความว่า..."
"ใช่" หลิวซิน พยักหน้า "เรามีโอกาสทำลายไวรัสฟีนิกซ์ทั้งหมด และหยุดแผนการขององค์กรเทียนซื่อได้ครั้งเดียว"
"แต่เราต้องเดินทางไปฐานลับนั่น" ลี่ชิง เสริม "ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่หลายร้อยกิโลเมตร ระหว่างทางเต็มไปด้วยอันตราย และตอนนี้องค์กรเทียนซื่อรู้ตัวแล้วว่าเรามีข้อมูลอะไร"
หลินเว่ยพิจารณาสถานการณ์อย่างรอบคอบ สิ่งที่พวกเขากำลังจะทำคือการบุกเข้าไปในรังของศัตรู แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น นี่เป็โอกาสเดียวที่จะหยุดยั้งหายนะครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมนุษยชาติ
"เราไม่อาจรอช้า" หลินเว่ยตัดสินใจ "ยิ่งเรารอ พวกเขายิ่งมีเวลาเตรียมตัว เราต้องออกเดินทางโดยเร็วที่สุด"
"ฉันเห็นด้วย" หลิวซิน พยักหน้า "ฉันรู้จักเส้นทางลับที่จะพาเราออกจากที่นี่โดยไม่ถูกสังเกตเห็น"
ลี่ชิง หยิบกระเป๋ายามาให้หลินเว่ย "มียา สมุนไพร และอาหารในนี้ คุณต้องพักก่อน อย่างน้อยสักสองสามชั่วโมง"
"แต่..." หลินเว่ยจะคัดค้าน
"ไม่มีแต่" ลี่ชิง ยืนกราน "ถ้าคุณหมดแรงระหว่างทาง จะไม่เป็ประโยชน์กับใคร รวมถึงคุณเอง"
หลินเว่ยถอนหายใจ ยอมรับว่าเธอพูดถูก เขาเริ่มรู้สึกถึงความอ่อนล้าที่สะสมมาหลายวัน
"ตกลง สองชั่วโมง" เขาตกลง "หลังจากนั้นเราออกเดินทางทันที"
ขณะที่ทุกคนเตรียมตัวสำหรับการเดินทางที่ยาวนานและอันตราย หลินเว่ยนั่งลงพิงผนังถ้ำ ดื่มน้ำและกินอาหารที่ ลี่ชิง เตรียมให้ เขาหลับตาลง เริ่มใช้ท่า ักลืนจันทร์ อีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูพลังชี่และพักผ่อนร่างกาย
ในความมืดของเปลือกตา ภาพของไวรัสฟีนิกซ์ การทดลองอันโหดร้ายขององค์กรเทียนซื่อ และสิ่งที่ หลิงเฟย เปิดเผยเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเขายังคงวนเวียน
"ไม่ว่าฉันถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร" เขาคิด "ฉันจะเลือกหนทางของตัวเอง และหนทางนั้นคือการปกป้องมนุษยชาติจากพวกบ้าอำนาจเหล่านี้"
ขณะที่ร่างกายเขาพักผ่อน แผนการและความมุ่งมั่นในใจเขากลับยิ่งชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเจออุปสรรคใด เขาและพวกพ้องจะผ่านมันไปให้ได้ เพื่อจุดหมายสุดท้าย - ฐานลับขององค์กรเทียนซื่อ