เฉินชุ่ยอวิ๋นยิ่งคิดยิ่งหวาดหวั่น ยิ่งพูดก็ยิ่งใ เจิ้งหยวนจึงเอ่ยอย่างจนใจ“แม่ แม่กำลังกลัวไปเองอยู่นะ ฉันไม่ปล่อยคนจับได้ว่ามุดเข้าทุ่งข้าวฟ่าง [1] กับใครหรอก”
“อะไรนะ!” เฉินชุ่ยอวิ๋นได้ยินแล้วอดฟาดไหล่บุตรสาวอีกรอบไม่ได้ “แกรู้เื่มุดทุ่งข้าวฟ่างได้ยังไง? ไปฟังใครมา? หรือแกเคยเห็นเอง? ยัยลูกดื้อ ไม่เรียนรู้สิ่งดีๆ มาบ้างเลย! คำพูดแบบนี้ยังกล้าเอ่ยออกมา ไม่กลัวชื่อเสียงตัวเองเสียหายหรือไง!”
ฝ่ามือนี้ฟาดโดนจุดเดียวกับที่คุณพ่อใช้ไม้ตีมาก่อน มันเจ็บจนเจิ้งหยวนซี้ดปาก ร้องโอดโอยออกมา “แม่เบามือหน่อย นี่ลูกสาวแท้ๆ นะ!” คนยุคสมัยนี้มีความคิดแบบอนุรักษนิยม พอเอ่ยถึงเื่ทาง ‘เพศ’ แม้จะรู้เื่อย่างมุดเข้าทุ่งข้าวฟ่าง เหล่าเด็กสาวที่ยังไม่แต่งงานเหมือนเจิ้งหยวนต่างก็อายเกินกว่าจะเปิดปาก มีแต่เพียงสตรีออกเรือนแล้วที่พูดจาโผงผางเท่านั้น เจิ้งหยวนที่มีแิแบบคนยุคศตวรรษที่ 21 พูดออกมาเต็มปากเต็มคำเช่นนี้ ก็รู้ว่าหากเล็ดลอดออกไปคงไม่ดีนัก จึงยิ้มแหยพร้อมบอกว่า “ฉันบอกให้แม่ฟังคนเดียวนี่ แม่เป็แม่แท้ๆ ของฉันไม่เอาไปโพทนาหรอก”
“พูดกับฉันก็ไม่ได้! แกเป็เด็กสาวยังไม่แต่งงาน พูดคำแบบนี้ออกมาใช้ได้ที่ไหน!” เฉินชุ่ยอวิ๋นบ่นร่ายยาวอย่างหงุดหงิด
“อื้อๆๆ แล้วแต่แม่ๆ”
เฉินชุ่ยอวิ๋นตีเธออีกที “ล้างเสร็จแล้วหรือไง? ยังไม่รีบเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก ดูแกสิ สภาพเหมือนอะไร! ช่างน่าโมโหเสียจริงๆ เธอคลอดลูกสาวที่แสนน่าเป็ห่วงขนาดนี้ออกมาได้อย่างไร!
“อื้อๆๆ” เจิ้งหยวนตอบรับเร็วรัว ก่อนวิ่งเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
เมื่อเปลี่ยนเสื้อเสร็จออกมา แม่ของเธอยังคงขมวดคิ้วอยู่ที่เดิม เดินวนไปวนมาตรงลานบ้านดูกระวนกระวายสุดๆ เจิ้งหยวนรีบเดินเข้าไปโอบไหล่เฉินชุ่ยอวิ๋นพลางบอกว่า “แม่ วางใจเถอะ ฉันว่าป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งรู้ไม่เยอะหรอก อย่างมากคงได้ยินเจวียนจื่อพูดนิดหน่อยเท่านั้น หากเธอเอาฉันไปพูดว่าร้ายข้างนอก ฉันก็ไม่กลัวเหมือนกัน เธอไม่รู้ว่าหลินเสี่ยวหยางคือคนไหน เมื่อระบุคนที่มีตัวตนจริงๆ มาเป็คนรักฉันไม่ได้ เื่ราวก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว ทำอะไรต้องมีหลักฐานถูกไหมล่ะ?ถ้าเธอกล้าเอาไปพูดต่อ ฉันเองก็กล้าพูดเหมือนกันว่าครอบครัวเธอวางแผนเข้าหาสกุลเฝิง ทุกคนฟังแล้ว ต้องสงสัยแน่ว่าป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งจงใจทำลายชื่อเสียงฉันเพื่องานแต่งงานเกี่ยวดองกับสกุลเฝิง”
เฉินชุ่ยอวิ๋นถามอย่างระแวง “จริงเหรอ?”
เจิ้งหยวนพยักหน้ามั่นใจ “วางใจเถอะค่ะ”
“แต่ป้าสะใภ้ใหญ่แกรู้ว่าแกหาคนรักที่โรงงานเครื่องจักร…”เฉินชุ่ยอวิ๋นยังคงกังวลมากอยู่ดี
เจิ้งหยวนยิ้มเยาะหยัน “แม่ไม่ได้ยินที่ฉันถามย้อนเธอเมื่อกี้เหรอ เธอรู้แค่ว่าคนรักของฉันเป็คนในโรงงานเครื่องจักร ส่วนหน้าตายังไง ชื่ออะไรก็ไม่รู้สักอย่าง หนุ่มโสดที่โรงงานเครื่องจักรมีตั้งเยอะแยะ เธอจะงมเข็มในมหาสมุทรควานหาตัวคนมาให้ฉันได้เหรอ?แต่…” เธอชะงักไปอึดใจหนึ่ง ดูเหมือนเธอต้องกลับไปหาหลินเสี่ยวหยางแล้วตกลงคุยกันอีกรอบ ป้องกันเขาหลุดพูดความจริงออกไป ทว่าเื่นี้ยังไม่บอกคุณแม่ดีกว่า หลีกเลี่ยงไม่ให้เฉินชุ่ยอวิ๋นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง เธอครุ่นคิดสักพักค่อยขมวดคิ้วเอ่ยต่อ “พอเจวียนจื่อกลับมา ฉันต้องถามเธอว่าพูดอะไรไปบ้าง”
“ใช่ๆๆ” เฉินชุ่ยอวิ๋นกัดฟัดกรอด “เ้าเด็กคนนี้ อะไรก็เอาไปพูดข้างนอกเสียหมด”
เชิงอรรถ
[1] มุดเข้าทุ่งข้าวฟ่าง หมายถึง คู่รักชายหญิงในชนบท ด้วยเพราะเื่จารีตประเพณี ไม่อาจรักกันได้อย่างโจ่งแจ้ง จึงมุดเข้าทุ่งข้าวแอบพลอดรักกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้