สตรีอายุสิบแปดปีนางหนึ่งเดินนำเข้ามา แล้ววางเก้าัสุริยันลงกลางโต๊ะอาหาร
ัทองห้ากรงเล็บเก้าตัวล้อมดวงอาทิตย์ดวงหนึ่ง ด้วยท่าทางกลืนกินแสงสุริยัน ยิ่งส่งเสริมให้อาหารดูงดงาม
“อาหารจานนี้มีชื่อว่าเก้าัสุริยัน แสดงถึงอำนาจกลืนกินูเาแม่น้ำ”
เฝิงเป่าเป่ากล่าวแนะนำทันทีที่อาหารถูกวางลง
“เก้าัสุริยัน เ้ารู้ได้อย่างไรว่าัทองมีห้ากรงเล็บ”
เสิ่นเสวียนกล่าวถามเฝิงเป่าเป่า
“คนส่วนใหญ่ต่างรู้มิใช่หรือ! ข้าจำได้ว่ามันปรากฏตัวครั้งแรกในคัมภีร์แห่งทะเลและขุนเขา ซึ่งมีการแนะนำสัตว์เทพโบราณชนิดนี้อยู่” เฝิงเป่าเป่ากล่าว
“คัมภีร์แห่งทะเลและขุนเขา?”
เสิ่นเสวียนกล่าวพึมพำ
เขาต้องรู้จักคัมภีร์แห่งทะเลและขุนเขาอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเป็คัมภีร์โบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์ของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร แผ่นดินแม่น้ำกว้างใหญ่ สัตว์ประหลาดหายาก และยังมีเื่เล่ามากมายเกี่ยวกับอาณาจักรเซียน สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ ในทวีปหลิงโซ่วแห่งนี้ก็มีคัมภีร์แห่งทะเลและขุนเขาด้วยเช่นกัน
ใครเป็คนเขียนคัมภีร์เล่มนี้ขึ้นมา แล้วใครกันที่ถ่ายทอดมาถึงที่นี่
ทว่าสิ่งนี้ทำให้ความกังวลในใจของเสิ่นเสวียนลดน้อยลงมาก หากเื่เหล่านี้เชื่อมโยงกับบางสิ่งในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร เป็ข้อพิสูจน์ได้ว่าเคยมีคนยุคก่อนเดินทางมาที่นี่ ทำให้สิ่งของเหล่านี้เป็ที่รู้จักขึ้นมา เสวียนหลิงเอ่อร์ในมิติก็คือหนึ่งในนั้น เช่นนั้นแล้วหากเขาเอากระดานหมากออกมา คงมีอันตรายน้อยลงกว่าเดิมมาก
นอกเสียจากว่าจักรพรรดิเซียนผู้นั้นว่างมากเกินไป จึงมาท่องเที่ยวยังโลกนี้ และตั้งใจจะตรวจสอบขึ้นมา
“สหายเสิ่นมีข้อเสนออะไรเพิ่มเติมอีกไหม” เฝิงเป่าเป่าดูออกมานานแล้ว พวกเขาเหล่านี้แต่ละคนมีพลังที่น่ากลัวมาก แต่คนที่เป็ผู้นำอย่างแท้จริงคือเสิ่นเสวียน
“ไม่มี เล่าต่อเลย” เสิ่นเสวียนยิ้ม พลางบอกให้เฝิงเป่าเป่าเล่าต่อ
สตรีนางที่สองยกอาหารเข้ามา เป็เฟิ่งหวง[1] เพลิงตัวหนึ่ง แม้จะเป็เพียงการแกะสลัก แต่เปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ค่อยๆ ทำให้ส่วนผสมเ่าั้มีรสชาติที่ยอดเยี่ยมที่สุด
“จานนี้มีชื่อว่าเฟิ่งหวงเตโช์ ข้าคิดขึ้นเอง พวกเ้าลองดูว่าใช้ได้ไหม ส่วนผสมในนั้นคือเนื้อเฟิ่งหวงจริงๆ”
“เนื้อเฟิ่งหวง ข้าว่าเป็เนื้อไก่ป่ามากกว่า!” เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวพลางยิ้ม แต่ก็รู้สึกประทับใจในส่วนผสมเช่นกัน
“เหอๆ เป็เนื้อไก่ป่าจริงๆ แต่ชื่อเต็มของมันคือไก่เพลิงหางมงกุฎ ซึ่งมีสายพันธุ์ใกล้เคียงกับเฟิ่งหวง มันอร่อยมากนะ ส่วนผสมนี้มีราคาสูงถึงสามหมื่นเหรียญทอง เป็อาหารขึ้นชื่อของโรงเตี๊ยมเลยทีเดียว”
“อะไรนะ สามหมื่น?”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยะโออกมาด้วยความใหลังจากได้ยินจำนวนเงิน ส่วนผสมแค่นี้ตั้งสามหมื่นเหรียญทอง ไม่ใช่ว่าขายในราคาสองเท่าและยังทำอาหารได้เพียงอย่างเดียว อย่างนั้นแล้วอาหารบนโต๊ะนี้ต้องใช้เงินเท่าไร
“เป็ราคาที่คุ้มค่ามากจริงๆ ภายในเนื้อนี้มีพลังมหาศาล แม้จะเป็ส่วนประกอบอาหาร แต่ก็เป็ส่วนประกอบยาได้ด้วย”
เสิ่นเสวียนพยักหน้าเห็นด้วยกับอาหารจานนี้
“ข้าไม่เข้าใจโลกของคนรวยเลยจริงๆ”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยกล่าวทิ้งท้ายไว้แค่นี้แล้วให้เฝิงเป่าเป่าอธิบายอาหารต่อไป
หลังจากนั้นบนโต๊ะก็มีอาหารมากถึงสิบแปดอย่าง เฝิงเป่าเป่าแนะนำอาหารทุกจานอย่างละเอียด เขาอธิบายพลางกินไปด้วย ส่วนเครื่องดื่มคือสุราเก่าแก่ที่บ่มไว้กว่าร้อยปีแล้ว รสชาติกลมกล่อม ช่างเป็มื้อที่มีความสุขมาก
หลังจากดื่มสุราไปแล้วสามยก กินอาหารไปหลากหลายอย่าง
ทุกคนเริ่มอิ่มกันแล้ว หากเทียบกับอาหารบนเรือเสวียนอู่แล้ว ของที่นี่มีระดับสูงกว่ามาก
“ขอบคุณคุณชายเฝิงที่เลี้ยง”
เสิ่นเสวียนกล่าวขอบคุณเฝิงเป่าเป่า
“เื่แค่นี้เอง ข้าต่างหากที่ควรขอบคุณพวกเ้า หากไม่ใช่เพราะพวกเ้าข้าคงตายอยู่บนเรือเสวียนอู่ไปแล้ว” เฝิงเป่าเป่าได้อยู่กับพวกเสิ่นเสวียนมาระยะหนึ่ง ทำให้เขากล้าหาญขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย โดยเฉพาะเขาได้สังหารคนเป็ครั้งแรก
“พี่ใหญ่อยู่ไหม ข้าเข้าไปนะ”
ขณะนั้นพลันมีเสียงหนึ่งดังเข้ามาจากประตู เฝิงเป่าเป่ามีสีหน้าเคร่งขรึมในทันที เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างอึดอัด
แอ๊ด!
ประตูห้องถูกเปิดออกและมีคนเดินเข้ามาสองคน
คนหนึ่งเป็บุรุษอายุยี่สิบกว่าปี สวมชุดคลุมสีแดงหรูหราแต่ไม่มีรสนิยม มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็คุณชายที่สูงส่ง เขาไพล่มือสองข้างไว้ด้านหลัง ไอพลังแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายโดยไม่คิดปกปิด ทำให้ทั่วทั้งห้องมีเขาเป็ศูนย์กลางในทันที
พลังของเขาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว อยู่ในขั้นราชันระดับสูงแล้ว ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเฝิงเป่าเป่ามาก
“โอ้ นี่คือเหล่าสหายของพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ! ยินดีด้วย ยินดีด้วย ข้าชื่อเฝิงเทียน พวกเ้าเรียกข้าว่านายน้อยเทียนก็ได้”
การมาถึงของเฝิงเทียนคล้ายเป็การเปลี่ยนเ้าของห้องไปโดยปริยาย เขากล่าวกับพวกเสิ่นเสวียนโดยไม่คิดว่าพวกเขาเป็แขกเลย
แต่ก็ถูกต้องแล้ว ด้วยอำนาจของตระกูลเฝิง ยอดฝีมือจากภายนอกอยู่ต่อหน้าพวกเขาต้องก้มหัวให้คงเป็เื่ปกติ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเสิ่นเสวียนยังดูเหมือนเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ขนาดเริ่นเสี้ยวเทียนที่โตที่สุดยังมีอายุเพียงยี่สิบปี
“ไม่รู้กฎหรือไร ห้องนี้หากข้าไม่อนุญาตห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด”
เฝิงเป่าเป่านั่งหันหลังให้เฝิงเทียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เดิมทีเขาไม่อยากทำลายความสุขของพวกเสิ่นเสวียนเลย แต่เฝิงเทียนกลับเข้ามาที่นี่
“สหายของพี่ใหญ่ ข้าต้องเข้ามาดื่มอวยพรให้สักหน่อย ไม่อย่างนั้นจะไม่คิดว่าข้าไม่มีมารยาทหรอกหรือ และข้ายังนำเงินมามอบให้พี่ใหญ่อีกด้วย”
จากนั้นแสงสว่างวาบขึ้นที่แหวนของเฝิงเทียน บัตรมณีม่วงเปล่งประกายแสงปรากฏขึ้นในมือของเขา เป็บัตรมณีม่วงที่มีเงินเก็บอยู่ยี่สิบล้านเหรียญทอง
“นี่คือเงินยี่สิบล้านเหรียญทองที่พี่ใหญ่้า”
จากนั้นเฝิงเทียนก็วางบัตรมณีม่วงใบนั้นลงตรงหน้าของเฝิงเป่าเป่า
“ใช่แล้วพี่ใหญ่ ครั้งนี้ท่านออกไปไม่ได้ไปทำการค้าหรอกหรือ ทำไมถึงยังขาดเงินอีกล่ะ”
เฝิงเทียนวางบัตรมณีม่วงลงแล้วไม่ลืมที่จะยั่วยุเฝิงเป่าเป่า
“ดูแลตัวเองให้ดีก่อนเถอะ หากไม่มีเื่อะไรก็ออกไปได้แล้ว” เฝิงเป่าเป่าสีหน้าไม่รับแขกั้แ่อีกฝ่ายเดินเข้ามา คล้ายว่ามีเื่บางอย่างอยู่ในใจ
“แน่นอนอยู่แล้ว พี่ใหญ่้าใช้เงิน น้องชายอย่างข้าคงทำอะไรไม่ได้นัก แต่ถ้าหากมีคนรังแกพี่ใหญ่ ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน หรือว่าเป็พวกเ้า”
เฝิงเทียนกล่าวแล้วชี้ไปยังพวกเสิ่นเสวียน คล้ายกำลังจับผิดพวกเขาอยู่
“อยากตายหรือไร”
เริ่นเสี้ยวเทียนเงยหน้ามองเฝิงเทียนด้วยความเหยียดหยาม พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า
การเปรียบเทียบคนช่างน่าโมโหยิ่งนัก เฝิงเป่าเป่าทำให้เขารู้สึกดีและเข้ากันได้ง่าย ส่วนเฝิงเทียนผู้นี้กลับเป็ต้นแบบของลูกคนรวยที่น่ารังเกียจ ตนเองมีพร์เพียงเล็กน้อยกลับไม่เห็นหัวใครเลย
ส่วนเฝิงเทียนก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เขามีอายุยี่สิบปีแต่มีพลังยุทธ์ขั้นราชันระดับสูงแล้ว หากเริ่นเสี้ยวเทียนไม่ได้รับโอกาสและโชคมาจากสุสานคงไม่มีทางถึงขั้นราชันระดับสูงสุดได้ ไม่แน่ว่าอาจเทียบเฝิงเทียนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“พี่ใหญ่โดนรังแกจริงๆ ด้วย ข้าจะสั่งสอนเ้าเอง”
เฝิงเทียนกำลังหาเหตุผลโจมตีอยู่ เห็นเริ่นเสี้ยวเทียนเย่อหยิ่งขนาดนี้ เขาที่อารมณ์รุนแรงจะทนไหวได้อย่างไร เขาจึงเคลื่อนตัวไปพลางกำหมัดแน่นโจมตีตรงไปที่ใบหน้าของเริ่นเสี้ยวเทียน
โดยปกติแล้วเริ่นเสี้ยวเทียนเก็บซ่อนไอพลังอยู่ตลอดเวลาจึงดูไม่ออกว่ามีพลังยุทธ์ขั้นไหนแล้ว ทว่าในความเห็นของเฝิงเทียนน่าจะเป็ขั้นบรรพบุรุษตัวเล็กๆ อายุก็แค่นี้ จะเป็คู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไรกัน
แต่ในขณะที่เขาเข้าใกล้เริ่นเสี้ยวเทียนห่างกันเพียงหกฉื่อ สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไป
กำปั้นของเขาลดความเร็วลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากััได้ถึงพลังของอีกฝ่าย แม้แต่พลังหมัดยังลดลงไปไม่น้อย
หลังจากนั้นเริ่นเสี้ยวเทียนก็ซัดพลังหมัดกลับมา
กำปั้นของเริ่นเสี้ยวเทียนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และรวดเร็วมาก ทำให้เขาใจนหน้าถอดสี
ตึง!
กำปั้นของเริ่นเสี้ยวเทียนโดนขวางไว้ขณะอยู่ตรงหน้าเฝิงเทียนเสียงดังก้อง แล้วก็เห็นว่าชายชราแต่งกายธรรมดาๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลังเฝิงเทียนผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นข้างๆ เฝิงเทียน ยื่นมือขวางใบหน้าเฝิงเทียนเอาไว้ และกำปั้นของเริ่นเสี้ยวเทียนก็โจมตีเข้าใจกลางฝ่ามือของอีกฝ่ายพอดี ทว่าฝ่ามือของอีกฝ่ายกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
“คนหนุ่มช่างอารมณ์ร้อนยิ่งนัก หากทำให้นายน้อยเทียนาเ็คงไม่ดีสักเท่าไร”
ชายชราแต่งกายธรรมดาผู้นั้นมองเริ่นเสี้ยวเทียนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พลางกล่าวอย่างเรียบเฉย
“ท่านมีความสามารถอยู่เหมือนกัน ไม่ทราบว่าชื่ออะไร”
เริ่นเสี้ยวเทียนดึงมือกลับมาพลางกล่าวถามชายชรา
“เพียงแค่คนไร้ชื่อเสียงเท่านั้น”
ชายชราแต่งกายธรรมดาผู้นั้นยิ้มเล็กน้อย คล้ายว่าทุกการกระทำของเริ่นเสี้ยวเทียนอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด
..................................................
[1] เฟิ่งหวง คือเ้าแห่งนกทั้งปวงในวัฒนธรรมจีน เฟิ่งแปลว่าหงส์ตัวผู้ ส่วนหวงแปลว่าหงส์ตัวเมีย การปรากฏตัวของเฟิ่งหวงเป็ลางบอกถึงสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง ความเมตตา คุณธรรม ความยั่งยืน ความเป็ะ ลักษณะของเฟิ่งหวงค่อนข้างคล้ายกับนกฟินิกซ์ทางตะวันตก โดยเฉพาะการคืนชีพจากความตายหรือความเป็ะ