“เ้าคงรู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพสามารถเคลื่อนย้ายในพริบตาได้ใช่ไหม ผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝึกจนถึงระดับนี้พลังฟ้าดินจะมอบความสามารถในการเคลื่อนย้ายในพริบตาและรวมไปถึงผลึกเทวะให้ ซึ่งพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ทำการฝึกฝนไปฝึกฝนมาสุดท้ายแล้วก็เพียงแค่ทำให้คนสามารถเคลื่อนย้ายได้ในพริบตา อาวุธสามารถเคลื่อนย้ายได้ในพริบตา... ดังนั้น เมื่อกลายเป็เทพได้รับความสามารถเคลื่อนย้ายในพริบตามาเช่นนี้แล้ว เริ่มแรกพวกเขาทำไมจะต้องไปฝึกฝนพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่เพื่ออะไร? แน่นอนว่าความเข้าใจพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ของข้าไม่ค่อยลึกซึ้งมากนักจึงไม่เข้าใจอะไรมาก ต่อไปภายภาคหน้าเ้าก็อย่าโทษข้าก็แล้วกัน...”
เอ่อออ...
ที่แท้ก็เป็อย่างนี้นี่เอง ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพจะได้รับความสามารถการเคลื่อนที่ในพริบตามา ดังนั้นการฝึกฝนพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่จึงกลายเป็เื่สิ้นเปลืองเวลาไป ถ้าหากทำการฝึกฝนพลังกฎเกณฑ์อื่นๆ ละก็ เมื่อกลายเป็เทพก็จะมีเคล็ดวิชาใหม่ที่เกี่ยวกับพลังโจมตีหรือพลังป้องกันเพิ่มขึ้นมาอีกมาก
เย่ชิงหานเข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกตำหนิหรือโกรธเคืองลู่ซีแม้แต่น้อย เพราะไม่ว่าจะพูดอย่างไร ถ้าหากไม่ได้ลู่ซีเขาคงไม่อาจฝึกฝนจนบรรลุถึงขอบเขตาาจักรพรรดิได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเชื่อว่าสิ่งที่มีอยู่จะต้องมีเหตุผลในตัวของมันเอง และไม่เชื่อว่าพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ที่เป็ถึงพลังประเภทระดับสูงส่งจะมีประโยชน์เพียงแค่ใช้เคลื่อนย้ายในพริบตาเพียงเท่านั้น
“แน่นอนว่าข้าไม่เคยคิดที่จะโทษท่านผู้าุโ และขอบคุณท่านผู้าุโที่ช่วยไขข้อสงสัยให้แก่ข้า อืม...อีกสามวันจากนี้ข้าตัดสินใจที่จะท้าประลองกับท่านอย่างเป็ทางการ ข้าเตรียมที่จะทะลวงผ่านด่านเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาแห่งนี้แล้ว!” เย่ชิงหานโค้งตัวไหว้ลงไปอีกครั้งอย่างจริงใจพร้อมกับพูดขึ้น
“ตกลง...ข้าพร้อมรอเ้ามาท้าประลองทุกเวลา” ลู่ซีพยักหน้าอย่างราบเรียบ จากนั้นคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างฉับพลันจึงได้เอ่ยถามขึ้
“เมื่อสักครู่รู้สึกว่าเ้าจะหลบการโจมตีของข้าได้ครั้งหนึ่ง?”
“อืม?” เย่ชิงหานมองลู่ซีอย่างแปลกใจ ทำท่าทางคล้ายกับว่ากำลังถามกลับลู่ซีว่าตนเองถูกตีมาเป็แสนๆ ครั้งกับการหลบได้เพียงแค่ครั้งเดียวมันแปลกนักหรืออย่างไร? ตนเองถูกตีมาเป็เวลาครึ่งปีและเข้าใจในพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่แล้ว หลบการโจมตีของท่านได้แค่ครั้งเดียวมันผิดปกติขนาดนั้นเลยรึ?
ครั้นแล้วเขาจึงพูดขึ้นด้วยความถ่อมตัวว่า “ข้าฝึกฝนมาเป็เวลานานถึงเพียงนี้เพิ่งจะทำการหลบได้เพียงแค่ครั้งเดียว เป็ที่น่าขายหน้ายิ่งนัก?”
น่าขายหน้า?
ลู่ซีเมื่อได้ฟังใขึ้นในทันทีจึงรีบพูดขึ้น “ถ้าหากเ้ายังสามารถหลบได้อีกครั้งหนึ่งก็คงไม่น่าขายหน้าอีกต่อไป! ข้าจะทำการโจมตีใส่เ้าเหมือนที่แล้วๆ มา เ้าลองหลบการโจมตีให้ข้าดูอีกสักครั้งหน่อย!”
สำหรับคำตอบของเย่ชิงหานเขาไม่เชื่อแม้แต่น้อย ฝึกฝนพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ได้เพียงแค่น้อยนิดอย่างเขาจะสามารถใช้หลบการโจมตีของเขาได้อย่างไร?
เขาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด ต้องเข้าใจว่าพลังฝีมือต่ำต้อยของเย่ชิงหาน บวกกับความเข้าใจในพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ที่มีอยู่อย่างน้อยนิด รวมไปถึงท่าเท้าที่ดูแปลกประหลาดเหมือนจะสุดยอดของเขา แต่ความจริงแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาของลู่ซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อให้เย่ชิงหานแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้อีกสักหนึ่งเท่าตัวเขาก็มีความมั่นใจว่าอย่างไรก็ไม่สามารถหลบการโจมตีของเขาได้อย่างแน่นอน
เพียงแต่...หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป ดวงตาเล็กเรียวยาวของลู่ซีที่ราวกับรูเข็มนั้นพลันต้องเบิกกว้างกลมโตขึ้นมา
หลังจากที่เขาโจมตีติดต่อกันออกไปร้อยกว่าครั้ง เย่ชิงหานทำการหลบการโจมตีของเขาได้สำเร็จอีกครั้งหนึ่ง!
“เ้าหนู...เ้าทำได้อย่างไร?”
ลู่ซีลุกขึ้นยืนโดยทันที ร่างกายขยับวูบมาปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าเย่ชิงหาน มือคว้าจับไปที่ไหล่ของเย่ชิงหานพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างลืมตัว ไม่หลงเหลือความสงบเยือกเย็นที่เคยมีมาแม้แต่น้อย และไม่หลงเหลือบุคลิกลักษณะของผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพที่น่าเกรงขามอีกต่อไป
“หืม? ก็อย่างนี้ หลบ หลบ หลบ แล้วก็หลบได้!” เย่ชิงหานถูกกิริยาอาการของลู่ซีทำให้สะดุ้งใขึ้น เอามือลูบศีรษะด้านหลังพร้อมกับพูดขึ้นอย่างขวยเขิน
“ผายลม! ข้าผู้นี้เป็ถึงผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตเทพ์โจมตีใส่เ้า ส่วนเ้าเพิ่งจะเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิจะสามารถหลบได้รึ? ต่อให้เ้าฝึกฝนจนถึงระดับปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่แน่ว่าจะหลบการโจมตีของข้าได้” ลู่ซีร้อนใจขึ้นมาในทันที ไม่สนภาพลักษณ์ของผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพเอ่ยปากพูดคำหยาบคายออกมา
“อืมก็จริง? แล้วข้าทำการหลบได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้น?” ครั้งนี้ถึงคราวที่เย่ชิงหานรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา มองหน้าลู่ซีด้วยความงุนงงสงสัย
“เ้าถามข้า? ข้าผู้นี้กำลังถามเ้าอยู่นะเว้ย!”
ลู่ซีพูดคำหยาบออกมาอีกเป็ครั้งที่สอง จากนั้นจึงคิดขึ้นได้ว่าเ้าเด็กคนนี้เพิ่งจะบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิคงไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่สลับซับซ้อนของพลังได้อย่างแน่นอน จากนั้นนิ่งเงียบไปสักพักแล้วจึงหันไปถามขึ้น “อืม...เ้าลองอธิบายขั้นตอนทั้งหมดทั้งก่อนหน้าและภายหลังที่ทำการหลบการโจมตีของข้าออกมาให้ข้าฟังอย่างละเอียดหน่อย!”
“เื่นี้!” เย่ชิงหานมองเห็นลู่ซีจริงจังถึงเพียงนี้จึงได้นิ่งเงียบใช้สมองครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบออกมาอย่าจริงจัง
“ท่านผู้าุโ ความจริงแล้วั้แ่ครึ่งปีก่อนข้าคิดมาตลอดว่าจะต้องหลบการโจมตีของท่านให้ได้ จึงเริ่มฝึกฝนท่าเท้าขึ้น ถ้าหากท่าเท้าของข้าบรรลุถึงระดับชั้นที่สองก็หมายความว่าสามารถััรับรู้ถึงพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ได้แล้ว และก็จะสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้!”
มองดูลู่ซีที่ตั้งใจฟังอย่างจริงจังเย่ชิงหานจึงพูดขึ้นต่อ “ดังนั้นข้าจึงไม่ได้คิดอะไรมากคิดแค่ว่าจะหลบการโจมตีของท่านให้พ้นได้อย่างไร ครึ่งปีแรกที่ถูกท่านตียังไม่เข้าใจว่าจะหลบอย่างไรหาจุดหาเค้าอะไรไม่เจอเลยสักอย่าง แต่ว่าเมื่อสองเดือนก่อนแสงสีรุ้งเจ็ดสีที่ปรากฏขึ้นมาแล้วแตกกระจายสาดส่องไปทั่วทั้งท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ในเวลานั้นเองกลับทำให้ข้าััรับรู้อะไรบางอย่างขึ้นมาได้...”
“สิ่งที่ข้าััรับรู้ได้นั้นทำให้ข้าหลบการโจมตีของท่านได้โดยใช้มันมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ข้าััรับรู้ได้ว่า...ไม่ว่าการโจมตีใดๆ ที่จะโจมตีออกมาย่อมต้องทำให้รอบๆ บริเวณพื้นที่แห่งนั้นเกิดแรงกระเพื่อมขึ้น แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นนี้หากเราใช้ใจไปััรับรู้ก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงทิศทางการเคลื่อนที่และความถี่ของแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้น จากนั้นทำการคำนวณระดับความเร็วและทิศทางการเคลื่อนที่ของการโจมตีรวมไปถึงระยะห่างของระยะทางและ่ระยะเวลาที่การโจมตีจะพุ่งเข้ามาถึงตัวเรา จากนั้นรีบคิดหาวิธีการหลบหลีกหรือตอบโต้กลับ อืม...ข้าใช้วิธีการเช่นนี้ในการคำนวณทิศทางการเคลื่อนที่และความถี่จากแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นเพื่อหลบการโจมตีของท่าน แต่เห็นได้ชัดว่าข้ายังไม่ได้เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีของท่านได้ทุกครั้ง!”
เย่ชิงหานพูดอธิบายออกมาอย่างช้าๆ บอกเล่าั้แ่ตนเองััรับรู้พลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ได้อย่างไร เหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้อย่างไร หลบหลีกการโจมตีของลู่ซีได้อย่างไรล้วนเล่าออกมาทั้งหมด
เพียงแต่เมื่อพูดจบเขามองเห็นลู่ซีที่ขมวดคิ้วขึ้นจึงนึกว่าตนเองฝึกได้ไม่ดีเท่าไร จึงได้เอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างขวยเขิน “เป็อย่างไรบ้างท่านผู้าุโ แนวทางที่ข้าฝึกฝนผิดแปลกไปมากเลยใช่ไหม?”
ในที่สุดลู่ซีก็เอ่ยปากพูดขึ้น เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงพร้อมกับส่ายหัวพูดขึ้น “เ้าไม่ได้ผิดหรอก... ที่ผิดน่ะคือพวกข้า ที่ผิดน่ะคือพวกโง่เง่าเต่าตุ่นที่อยู่ภายในดินแดนแห่งเทพที่บอกว่าพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่นั้นไร้ค่าไม่มีประโยชน์!”
จากนั้นเขานิ่งเงียบไปสักพักแล้วจึงชี้นิ้วขึ้นไป้าพร้อมกับเอ่ยปากด่าทอออกมา “ไอ้บ้าเอ๊ย! ไอ้เลวระยำนั่นบอกกับข้าว่าพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ไม่มีประโยชน์ไม่ควรค่าแก่การฝึกฝน? บิดามันเถอะ! พลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่โคตรจะสุดยอดที่สุดแล้วในบรรดาพลังแห่งกฎเกณฑ์ แล้วยังมีหน้ามาบอกข้าว่าไม่ควรค่าแก่การฝึกฝน?”
สักพักเขาหันมาทางเย่ชิงหานด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มมองเย่ชิงหานพร้อมกับหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดัง “เด็กน้อย พูดก็พูดเถอะเ้ามันมีทั้งพร์ มีทั้งสติปัญญาที่อัจฉริยะเ้ารู้ตัวไหม? จงยืนหยัดในวิถีแห่งพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ของเ้า ข้ากล้าพูดได้เลยว่า ‘ความลึกล้ำมหัศจรรย์’ ของพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่ที่เ้าััรับรู้ได้นี้ ถ้าหากเ้าฝึกฝนจนสำเร็จได้ละก็ จะมีใครหน้าไหนโจมตีถูกเ้าได้? ศัตรูที่มีพลังฝีมือในระดับเดียวกันและในระดับต่ำกว่าเ้าล้วนไม่ใช่คู่มือของเ้าอย่างแน่นอน! อย่างน้อยที่สุดเ้าก็คือาาแห่งการหลบหนีเอาตัวรอด สามารถรับรู้ทิศทางการเคลื่อนไหวและความถี่ของแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นจากการโจมตีของบุคคลอื่นได้ มันสุดยอดจริงๆ สุดยอดเกินไปแล้วจริงๆ!”
“…”
มองดูลู่ซีที่แสดงอาการหน้าตาตื่นเต้นดีใจราวกับคนบ้า เย่ชิงหานอึ้งปากค้างขึ้นในทันทีไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาเช่นกัน...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้